6 Marketing Trends 2024 อัพเดทเทรนด์การตลาดที่ไม่ควรพลาด

6 Marketing Trends 2024 อัพเดทเทรนด์การตลาดที่ไม่ควรพลาด

สวัสดีนักการตลาด และนักอ่านทุก ๆ คนครับ บทความนี้ผมจะพามาอัพเดท 6 Marketing Trends 2024 ใหม่ล่าสุดกันครับ มีทั้งการเลิกใช้คุกกี้สำหรับเว็บไซต์อื่นของ Google, เทรนด์อินฟลู B2B และอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย บอกเลยว่านักการตลาดพลาดไม่ได้อย่างแน่นอน

นักการตลาดสาย Data ในยุค 2024 มีเรื่องอะไรให้ปวดหัวอะไรบ้างครับลองทายดูซิ๊…? ผมมั่นใจว่าหนึ่งในเรื่องที่ชวนปวดหัวที่สุดคือการที่กูเกิ้ลประกาศเลิกให้กดติดตามผ่านคุกกี้ของเว็บไซต์อื่น

สาเหตุหลักของการประกาศครั้งนี้ มาจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต คุกกี้ของเว็บไซต์อื่นซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถติดตามพฤติกรรมการท่องเว็บของผู้ใช้จากเว็บไซต์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง

อาจนำไปสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ กูเกิ้ลยังอ้างว่าการเลิกใช้คุกกี้ของเว็บไซต์อื่นจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้มากขึ้น 

ถามว่าการประกาศยกเลิกการใช้คุกกี้ครั้งนี้ส่งผลกระทบมากแค่ไหน ต้องบอกว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดมาก ๆๆๆ เลยครับ เช่น ธุรกิจที่ใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณา การปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ และการวิเคราะห์ข้อมูล จะทำให้ข้อมูลของลูกค้าสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขาดหายไปและไม่ต่อเนื่อง และธุรกิจอาจต้องใช้งบประมาณที่มากกว่าเดิม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เท่าเดิม 

เมื่อคุกกี้ไม่ใช่ขนมหวานที่ทานง่ายอีกต่อไป ธุรกิจทั้งหลายจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อหาวิธีใหม่ๆ ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ แต่อย่าเพิ่งถอดใจนะครับ ถือซะว่าพลิกวิกฤต ให้เป็นโอกาส

มองวิกฤตดังกล่าว ให้เป็นโอกาส โดยที่นักการตลาดอย่างเรา ๆ จำเป็นต้องเปลี่ยนไปค้นคว้าข้อมูลแบบใหม่ ๆ ที่มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น Skills เราก็จะ Up มากยิ่งขึ้น

โดยข้อมูลแบบใหม่ที่เรียกว่า “Audience intelligence” หรือการส่องพฤติกรรมลูกค้าแบบเจาะลึก 76% ของสาย Marketing ต่างยอมรับว่าเครื่องมือ Social Listening สามารถช่วยชีวิตพวกเขาในการการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ได้ แถมยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real Time ที่เรียกได้ว่ากำลังฮิตติดลมบน ที่ช่วยทั้งเพิ่มกำไร แถมยังทำให้เข้าใจลูกค้าลึกซึ้งขึ้นอีกต่างหาก

นอกจากจะส่องพฤติกรรมลูกค้าแล้ว Audience intelligence ยังช่วย

  • ป้องกันวิกฤตการณ์ PR: จับกระแสที่เกิดจากการ PR แบบลบ ๆ ได้ตั้งแต่ยังเป็นตุ่มหนอง ก่อนจะลุกลามกลายเป็นแผลร้าย
  • คว้าแต้มจากคู่แข่ง: ข้อมูลเชิงลึกคืออาวุธลับ ถ้าเราจับอาวุธลับมาใช้ให้เป็น จะทำให้เราแซงคู่แข่งไปหลายก้าว
  • Optimize แคมเปญแบบประหยัด: ข้อมูลแม่นยำ ช่วยลดการยิงมั่ว เฉพาะกลุ่ม เป๊ะ ๆ ปัง ๆ ไม่เปลืองงบ

เห็นไหมล่ะว่าการที่คุกกี้หายไป กินไม่ได้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าปรับตัวดี ๆ ยุคไร้คุกกี้ก็อาจเป็นยุคทองของเหล่าสาย Data ก็ได้นะ ไหน ๆ ก็ได้พูดถึง Social Listening แล้ว ทางการตลาดวันละตอนมีคอร์สเปิดสอนอยู่น๊าา เดินทางมาถึงรุ่นที่ 28 แล้ว เรียนวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ค่าเรียนคนละ 9,900 รับจำกัด 20 คน อ่านรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ลิงก์นี้เลย ^^ https://bit.ly/sociallistening28

ช่วงนี้เปิดโซเชียลมาเจอแต่คลิปสั้นทั่วฟีดเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นใน TikTok, Facebook, IG รวมถึง YouTube เรียกได้ว่าเป็นยุคที่คลิปสั้นครองโซเชียลมีเดียจริง ๆ  โน่นก็แดนซ์ นี่ก็ร้องเพลง เดี๋ยวก็หนังสั้น

ไม่ว่าแพลตฟอร์มไหนก็มองไปเห็นแต่คลิปสั้น ทำให้ผมนึกถึงหนัง “2499 อันธพาล ครองเมือง” ที่ยุคนั้นมองไปทางไหนก็มีอันธพาลเต็มเมืองไปหมด แต่นี่เป็น 2567 วิดีโอสั้นครองเมือง ที่ไม่ว่าในแพลตฟอร์มไหนก็เต็มไปด้วยคลิปสั้นเต็มไปหมด

คลิปสั้น ฮิตจริง ฮิตมาก ยิ่งยุคที่คนสมาธิสั้นแบบนี้แหละยิ่งเข้าทาง ในปัจจุบันคลิปสั้นไม่ได้มีแค่คลิปตลก ๆ เพียงอย่างเดียว คลิปสั้นยังเป็นแม่เหล็กชั้นเยี่ยมในการดึงยอดขายได้อีกต่างหาก สถิติจาก HubSpot ระบุว่า ร้อยละ 56 ของผู้บริโภค เคยซื้อของบางอย่างเพราะโฆษณาบน TikTok ยิ่งไปกว่านั้นอีก 36% บอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะซื้อเช่นเดียวกัน

ยิ่งการเข้ามาของ Affiliate Marketing ยิ่งสิ่งเสริมให้คลิปสั้นกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มยอดขายที่มีประสิทธิภาพเข้าไปอีก เพราะ Affiliate Marketing ทำให้ครีเอเตอร์มากมายสร้างคลิปสั้น และคลิปสั้นก็ช่วยทำให้ผู้ชมสนใจสินค้าจนกดลิ้งค์ที่ Affiliate จากครีเอเตอร์ อย่างกับน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าเลยล่ะครับ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วทุกคนอย่าพึ่งทิ้งกล้องถ่ายวิดีโอยาว ๆ กันนะครับ วิดีโอสั้นกับยาว มันคนละสายพันธุ์กันอยู่แล้ว สำหรับคนที่ต้องการข้อมูล และรายละเอียดเน้น ๆ จัดเต็มวิดีโอยาวจะเหมาะกว่า ส่วนคลิปสั้น ๆ แนว ดูแป๊บเดียวรู้เรื่อง ปั๊วะปัง จะตอบโจทย์คนที่ต้องการความรวดเร็วดีกว่า

สรุปง่าย ๆ ใครอยากปังในยุค 2024 วิดีโอสั้นต้องมี แต่ก็อย่าลืมวิดีโอยาว ๆ นะครับ มันทรงพลังคนละแบบ

Marketing Trends

2023 เคยชินกับอินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่น บิวตี้ ไลฟ์สไตล์ใช่ไหมครับ บอกเลยว่าปี 2024 นี้ เทรนด์ใหม่กำลังมาแรง สาย B2B เค้าก็จับมือกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์กันรัว ๆ ไม่แพ้ B2C เหมือนกัน เหตุผลก็เพราะ…

  • ตลาดโตไม่หยุด: มูลค่าตลาดอินฟลูเอนเซอร์ทะลุ $21.1 พันล้านเหรียญ โตเอา ๆ ปี 2024 นี้ก็ยังพุ่งไม่หยุด
  • ปากต่อปากคือที่สุด: แบรนด์ไหนอยากได้ยอดขาย คำแนะนำจริงใจจากอินฟลูเอนเซอร์นี่แหละ ปังกว่าโฆษณา

แล้วใครจะมาแรงในสาย B2B?

  • อินฟลูเอนเซอร์สายคุณภาพ: ลืมเรื่องยอดฟอลไปได้เลย แบรนด์ต้องมองหาคนที่คอนเทนต์ดี น่าเชื่อถือ และที่สำคัญต้องเข้ากับภาพลักษณ์แบรนด์
  • Nano & Micro Influencer: ตัวเล็กแต่พริกขี้หนู Engagement เริ่ด เชื่อมแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
  • สายเฉพาะทาง: เครื่องจักรอุตสาหกรรม เทรนด์ธุรกิจเฉพาะ Niche ก็มีอินฟลูเอนเซอร์ของเค้า โดยเฉพาะคำบอกที่มาจากคนอินฟลูเอ็นเซอร์เฉพาะทางจะทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ดังนั้นแบรนด์ควรสร้างสายสัมพันธ์ระยะยาวกับอินฟลูเอนเซอร์ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ B2C หรือ B2B ยุคนี้เน้นปั้นมิตรภาพ Win-Win กับอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ใช่ใช้ปุ๊บเลิกปั๊บ เพราะฉะนั้นในปี 2024 อินฟลูเอนเซอร์ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ใครจับทางถูกก่อน รุ่งก่อนแน่นอนครับ

ปี 2023 เป็นปีที่โซเชียลเดือดมาก แพลตฟอร์มใหม่ผุดกันรัว ๆ แย่งฐานผู้ใช้กันจนหัวหมุน หนึ่งในนั้น “Threads” จากค่าย Meta ก็โผล่มาแปลกแหวกแนว ชวนคุยกันแบบเน้นตัวอักษร ปลุกกระแสพูดคุยสาธารณะ แพลตฟอร์มเปิดตัวแค่ EU ปลายปี 2023 ผู้ใช้ก็ปาไป 141 ล้านคนแล้ว ทำแบรนด์อื่นหันมองตากันปริบ ๆ

ทำไมแบรนด์ต้องใช้ Threads?

ลืมคอนเทนต์สวย ๆ ปัง ๆ แบบเดิมไปก่อน Threads ไม่ใช่ที่โชว์ของ ขายของ มันเน้น “ชวนคุย” แบบจริงใจ แบรนด์เจ๋ง ๆ อย่าง Canva, TedTalks, Channel 4 เค้าเล่นไปไกลแล้วนะ ใช้ Threads ทำนู่นนี่แบบสร้างสรรค์สุด ๆ เช่น แบบทดสอบ โพลล์ หรือแม้แต่เกม

มากกว่าไลค์กับผู้ติดตาม

Threads ทะลุกรอบ “ยอดกดไลค์” ไปไกล เน้น “engagement” สร้างคอมมูนิตี้แชร์ไอเดียกันแบบเปิดเผย อย่างกับย้อนกลับไปยุคแรก ๆ ของโซเชียลเลยแหละ ที่แค่เชื่อมคนด้วยความชอบ ความสนใจ

Threads อนาคตของโซเชียล?

สำหรับผมค่อนข้างที่จะตอบยาก แม้ว่า Threads จะได้รับการตอบรับดีมาก ๆ ช่วงเปิดตัว แต่ก็มีสถิติออกมาบอกว่าการใช้งานของ Threads จะลดลงถึง 85% หลังจากผ่านไปเพียง 1 เดือน แต่ผมก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า Threads จะล้มเหลว (เพราะเจ้าของคือยักษ์ใหญ่อย่าง Meta) และก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า Threads จะเป็นอนาคตของโซเชียลเช่นเดียวกัน

ในอนาคตจะเป็นอย่างไรน่าติดตามแน่นอนครับ กับโซเชียลมีเดียผู้ใช้หลักร้อยล้าน แถมเน้น Interaction แบบมีคุณค่า ในความคิดเห็นของผมปี 2024 Threads อาจเป็นดาวเด่นของวงการโซเชียลก็ได้นะ

ปี 2024 เกมการค้นหาเปลี่ยนแล้ว การทำเว็บไซต์ให้ติด SEO บน Google อาจไม่สามารถเข้าถึง Gen-Z ได้อีกต่อไป เพราะโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok กับ Instagram นี่แหละคือ Search Engine ใหม่ของพวกเค้า

Business Insider พบว่าประมาณ 40% ของ Gen-Z ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok และ Instagram เป็นเครื่องมือค้นหาหลัก Google รายงานว่ามีผู้คนค้นหาโดยใช้เสียงและรูปภาพมากขึ้น การพัฒนาทั้งหมดนี้ทำให้การค้นหาเป็นธรรมชาติและใช้งานง่ายยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค

Marketing Trends

แล้วสาย Marketing อย่างเราจะปรับตัวไง? 

  • ของดีมีอยู่แล้ว แค่เพิ่มจุดวาง: บล็อกเจ๋ง ๆ คอนเทนต์โดน ๆ ลองเอามาปั่นเป็นวิดีโอสั้น ๆ ลง TikTok Instagram ดูบ้าง เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงของ Gen Z
  • Google ยังอยู่ แค่ปรับตัว: Google ยังไม่ทิ้ง Gen-Z นะ เค้าก็มีวิดีโอสั้น ๆ โผล่ในผลค้นหาเหมือนกัน เพราะฉนั้นเวลาทำ SEO อย่าลืมใส่คำอธิบายรูปภาพให้ถูกต้องและเหมาะสมด้วยนะครับ เผื่อจะขึ้นหน้าเสิร์ช

สรุปง่าย ๆ ยุคนี้ค้นหาต้องหลากหลาย เล่นทั้ง Google โซเชียล วิดีโอ รูปภาพ ใครปรับตัวเข้าหาผู้บริโภคได้ก่อน รุ่งก่อนแน่นอน

“การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยจุดยืน” กำลังเพิ่มขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 2024  ลูกค้ายุคใหม่เค้าใส่ใจเรื่องสังคม การทำสิ่งดี ๆ ที่ไม่ใช่แค่โฆษณา แต่ต้องมาจากแก่นแท้ของแบรนด์ สถิติชี้ชัด 66% ของแบรนด์ที่โต เค้าใช้จุดยืนของแบรนด์ในการตัดสินใจในทุก ๆ อย่าง ตั้งแต่จ้างพนักงาน ยันปั่นแคมเปญ ไม่ว่าจะสายเขียว หรือสายรักษ์โลก

ไม่ใช่แค่ Eco-friendly หรือ CSR แล้วจบนะ ลูกค้าเค้าอยากเห็นว่าคุณ “ลงมือทำจริง” ในทุก ๆ เรื่อง ลูกค้าเค้าอยากเห็นชีวิตประจำวัน ของแบรนด์ที่สะท้อนจุดยืนจริง ๆ ว่ามีส่วนช่วยสังคมแบบไหน ยังไง

เคล็ดไม่ลับ ฉีกตำราเก่า สร้างแบรนด์มีจุดยืน 2024

  1. มองหาลูกค้าที่มีมุมมองเหมือนกัน: เข้าใจสิ่งที่สำคัญจริงๆ กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ในฐานะแบรนด์อาจมีค่านิยม และจุดยืนที่สำคัญสำหรับแบรนด์ที่บ่งบอกความเป็น DNA ของแบรนด์ ดังนั้นสามารถใช้เครื่องมือเช่น Audiense เพื่อมองหาลูกค้าที่มีความคิดเหมือนกัน จุดยืนเดียวกัน
  2. จริงใจ โปร่งใส เท่านั้น: เน้นความถูกต้องและความโปร่งใส ให้แน่ใจว่าแคมเปญที่ดำเนินการตรงกับค่านิยม และจุดยืนแบรนด์ และหากลูกค้ามีข้อเสนอแนะ จะต้องพร้อมที่จะฟังและตอบสนองอย่างเหมาะสม 
  3. ผนึกกำลัง: ไม่มีใครคาดหวังให้เรารู้ทุกสิ่ง ดังนั้นแบรนด์ควรคิดที่จะร่วมมือกับ Third party เช่น องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร หรือผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ที่สามารถช่วยแนะนำเทคนิคที่จะ Resonant กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้

สรุป 6 Marketing Trend 2024

1. การเลิกใช้คุกกี้ของ Google ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อหาวิธีใหม่ๆ ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ เช่น การใช้ Audience intelligence

2. คลิปสั้นครองเมือง คลิปสั้นได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คลิปสั้นเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจและกระตุ้นยอดขาย

3. อินฟลูเอนเซอร์สู่อ้อมกอด B2B ตลาดอินฟลูเอนเซอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ B2B หันมาจับมือกับอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์

4. ยุคทองของ Threads แพลตฟอร์ม Threads เน้นการพูดคุยแบบเน้นตัวอักษร แบรนด์สามารถใช้ Threads เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายแบบลึกซึ้ง

5. พฤติกรรมการค้นหาเปลี่ยน จาก Google สู่ TikTok & Instagram Gen-Z หันมาใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือค้นหามากขึ้น แบรนด์ต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการค้นหาของ Gen-Z

6. การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยจุดยืน ลูกค้ายุคใหม่ใส่ใจเรื่องสังคม แบรนด์ควรทำการตลาดที่สะท้อนจุดยืนของแบรนด์อย่างจริงใจ

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ 6 เทรนด์การตลาด 2024 คิดว่าเทรนด์ไหนจะมี Impact ที่สุดในปี 2024 ลองแสดงความคิดเห็นมาพูดคุยกันได้นะครับ

Source

Tlee Krit

ชื่อเติ้ลครับบบ นักเขียนน้องใหม่แห่งการตลาดวันละตอน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ^^

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *