เถ้าแก่น้อย จัด Real time Marketing ช่วง Back to School
หลังจากที่เด็กหลายๆ คนต้องเรียนออนไลน์กันมาพักนึง ล่าสุดพอรัฐสั่งให้เปิดเทอม แบรนด์ที่เข้ามาทำ Real time marketing อย่างรวดเร็วก็คือ เถ้าแก่น้อย ขนมสาหร่ายชื่อดัง ซึ่งแคมเปญที่แบรนด์คิดขึ้นมาก็คือ “ต้อนรับเปิดเทอม ให้ลูกได้ประโยชน์ แม่ได้ประหยัด” ที่นอกจากจะเป็นไอเดียที่เพิ่มยอดขายได้แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือ Support ครอบครัวที่ขาดอุปกรณ์การเรียนจากวิกฤตโควิด 19 ด้วยครับ
ซึ่งหลังจากที่แบรนด์ Pick up เหตุการณ์เปิดเทอมได้อย่างรวดเร็วแล้ว แบรนด์ก็ลงมือทำทันทีเลย ทั้งการ Collab กับ Influencers กระจายแคมเปญ หรือแม้กระทั้งการ Collab กับ 2 ห้างใหญ่อย่าง Tesco Lotus และ Big C ซึ่งเป็นห้างที่กระจายอยู่ทั่วประเทศในการ Support สถานที่และใช้บัตรกำนัล Voucher เป็นของรางวัล
แคมเปญต้อนรับเปิดเทอม ให้ลูกได้ประโยชน์ แม่ได้ประหยัด ก็คือการให้เด็กๆ และผู้ปกครองเลือกซื้อขนมที่มีประโยชน์อย่างเถ้าแก่น้อย แทนขนมอื่นๆ แล้วสะสมซองหรือใบเสร็จนำมาแลกของรางวัลตอนเปิดเทอม เช่น บัตรเติมเงิน AIS ที่เถ้าแก่น้อยคิดแล้วว่า จะกลายเป็นการเชื่อมต่อให้เด็กๆ เข้าถึง Internet ได้ รวมไปถึงของรางวัลอุปกรณ์การเรียน เช่น ชุดระบายสี หรือบัตรกำนัลเทสโก้และบิ๊กซี ในการซื้อชุดนักเรียน ถุงเท้า อะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ กับน้องๆ ทำให้พ่อแม่ช่วยประหยัดไปได้ด้วย ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ยังไม่พอ ยังมีสิทธิ์ชิงโชคจับรางวัลอื่นๆ อย่าง Samsung Galaxy Tab S6 Lite เพื่อใช้ในการเรียนออนไลน์ เพิ่มด้วยครับ
โดย Influencers ที่เถ้าแก่น้อยเลือกใช้ในการสร้าง Awareness ครั้งนี้ก็คือ อินฟลูกลุ่มวัยแม่และเด็กเป็นหลัก แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ แบรนด์เน้นจับInfluencer ช่องทาง YouTube เป็นหลัก เพราะต้องบอกว่า เด็กในวันนี้ดู YouTube กันเยอะมาก ขนาดหลายชายและหลานสาวของผมอายุ 3 กับ 5 ขวบ ทุกวันนี้ก็ดูแต่ YouTube แบบติดงอมแงม ยังไม่พอนะครับ ความฝันของหลานผมตอนนี้ คืออยากเป็นนักรีวิวเหมือนเหล่า YouTuber ด้วย เพราะฉะนั้นผมบอกได้เลยว่า แบรนด์เถ้าแก่น้อยเข้าเลือก Channel ได้ถูกทางมาก
ซึ่ง Influencer สายแม่-เด็กคนแรกที่แบรนด์เลือกก็คือ “ครูนกเล็ก” ที่เป็นทั้งครูเป็นทั้งแม่ สอนนู้นสอนนี่บน YouTube ได้แบบน่ารัก น่าชม เรียกได้ว่า แฟนคลับช่องทางนี้ไม่ใช่แค่เด็กๆ อย่างเดียว แต่เป็นคุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ ที่เข้ามาชมเพื่อตามกระแสให้ทันลูกด้วยครับ ซึ่งสิ่งที่คุณครูนกเล็กทำก็คือการสร้างเนื้อเรื่องและบทบาทสมมุติขึ้นมา พร้อมกับนำเสนอรายละเอียดของกิจกรรมและของรางวัลที่ทางเถ้าแก่น้อยจัดขึ้น และเนื่องจาก content เป็นแนวละครสั้น เลยทำให้คนทั้งทุกคนดูได้ตลอดจนจบคลิป สนุกๆ เพลินๆ ตามสไตล์ครอบครัว
อีกช่องนึงคือช่อง “คำสิงห์แฟมมิลี่” ที่จัดโขยงมาทั้งครอบครัวเลย รวมตัวกันไป Shopping งาน Back to School กัน ซึ่งหลายๆ คนอาจจะคิดว่าช่องนี้ไม่เห็นต่างกับช่องครูนกเล็ก แต่จริงๆ แล้ว Target ของช่องคำสิงห์แฟมมิลี่นั้นจะต่างกับของครูนกเล็กนิดนึง เพราะว่าวัยจะขยับมาขึ้นมาเป็นช่วงเด็กประถม-มัธยม ซึ่งเด็กที่ดูช่องนี้เริ่มจะมีวุฒิภาวะขึ้นมา ทำให้พร้อมที่จะดูคนเดียวได้มากกว่า แตกต่างกับช่องครูนกเล็กที่พ่อแม่ยังเข้ามาดูเอง หรือมาดูด้วยกับลูก เพื่ออัพเดทกระแสการเลี้ยงลูกให้เก่งแบบคุณครูนั่นเองครับ
ทั้งหมดนี้ก็คือ Real time marketing case study ที่น่าสนใจจาก “เถ้าแก่น้อย” ที่ผมนำมาฝากนักการตลาด และเจ้าของธุรกิจทุกคนในวันนี้ ยิ่งถ้าเรารู้เทรนด์ รู้กระแสว่าอะไรกำลังมา อะไรที่คนต้องการ แล้วทำการ Pick up & Prepare ได้อย่างรวดเร็ว เราก็จะสามารถจับ Target เอาไว้ให้อยู่หมัดได้ทันท่วงที ก็เหมือนที่หลายๆ แบรนด์เลือกใช้ Social Listening เพื่อให้ตัวเองรู้ว่าลูกค้าหรือผู้บริโภคกำลังพูดถึงแบรนด์แบบไหน กลับกันกับเคสนี้ มันไม่ใช่การพูดถึงแค่แบรนด์แล้ว แต่มันไปอีกขั้นในระดับโอกาสที่แบรนด์สามารถ Join ได้ อย่าง Back to School ครับ เพราะถ้าคนไม่พูดถึงแบรนด์เราตรงๆ ก็ให้ดูว่า คนกำลัง Talk About อะไรที่เค้าสนใจ แล้วปรับกระแสนั้นดึงคนกลับมาที่แบรนด์เราแทน ลองดูกันนะครับ
ใครที่ต้องการอ่านรายละเอียดแคมเปญเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ >> https://www.facebook.com/clubtaokaenoi/posts/2575384905895269?__tn__=H-R
สำหรับใครที่อยากบทความเกี่ยวกับ Real time Marketing เพิ่มเติม คลิกที่นี่
