สิ่งที่เบสเอามาเล่าในนี้ เบสคิดว่าน่าจะถูกใจและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง Creative Campaign ของแบรนด์สายแฟชั่น โดยเฉพาะแบรนด์ไหนที่กำลังมองหา Fashion Showcase ในรูปแบบใหม่ ๆ
Category: Fashion
บางครั้งการทำการตลาดอาจไม่จำเป็นจะต้องพยายามหา WOW factor อะไรที่หวือหวามากมายก็ได้นะครับ แคมเปญการตลาดสามารถเป็นความเรียบง่าย แต่มีความแข็งแรงในเรื่องที่ต้องการจะสื่อสารก็ได้ นั่นก็เพียงพอที่จะสร้างความสนใจให้กับแบรนด์ของเราได้แล้วครับ ที่ผมกล้าบอกกับทุกคนแบบนี้ เพราะมีโอกาสได้เจอแคมเปญหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Fashion
ตลาดแฟชั่นที่เปลี่ยนไปเร็วทุกวี่วัน ทำให้นักการตลาดสายนี้ต้องอัพเดทเทรนด์อะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด ล่าสุดในต่างประเทศเค้ามี Fashion Trend ใหม่กำลังบูมขึ้นเรื่อยๆ อย่างการใช้ร่าง Avatar ในการขายสินค้าแฟชั่นกันแล้ว
แฟชั่นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อย่างแบรนด์ที่ดังเมื่อวานนี้ วันนี้อาจหายไปแล้ว หรืออยู่ดีๆแบรนด์เก่าๆ กลับขึ้นมาอยู่ในกระแสใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ดังนี้เราต้องตามมันให้ทัน วันนี้ปลื้มมีเคสที่เป็น Fashion Marketing
อีกหนึ่ง Case Study ดีๆ ที่พอได้ดูคลิปแล้วอดจะเอามาเล่า มาแชร์ต่อให้ฟังไม่ได้ก็คือ Case ของแบรนด์เสื้อผ้า Retail ชื่อดังอย่าง H&M ในประเทศอังกฤษ ที่เปิดให้บริการ One/Second/Suit หรือบริการ ยืมสูทฟรี 24 ชั่วโมง แบบไม่ใช่การซื้อและไม่ใช่การเช่าด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยให้เด็กชายวัยรุ่นที่ไม่สามารถเข้าถึงเสื้อผ้าใหม่ๆ ได้มีโอกาสสร้าง First Impression หรือความประทับใจแรกในการไปสัมภาษณ์งานยังไงให้ได้งานนั่นเองค่ะ
กลยุทธ์การใช้ Packaging น่าจะเป็นที่รู้จักกันของนักการตลาดมาอย่างยาวนาน และเชื่อเหลือเกินว่า “ผู้บริโภค” หลายคนคงโดนเวทมนต์ของเจ้ากล่องสวยๆ หรือขวดดีไซน์แปลกๆ ให้ต้องเสียเงินออกไปแบบไม่รู้ตัวมาแล้วไม่มากก็น้อยซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่รู้ไหมครับว่ากว่าจะออกมาเป็น “Packaging
ด้วยสังคมโซเชียลที่อยุ่ยากขึ้นทุกวัน จะทำอะไรก็ต้อง Snap ต้อง Record อย่างน้อยขอลงแค่ IG Stories ก็ยังดี ทำให้ชาวโซเชียลหลายๆ คนกลายเป็นคนห่วงภาพลักษณ์ที่จะออกสื่อ เสื้อผ้าก็สามารถใส่ถ่ายได้แค่ครั้งเดียว เพราะกลัวว่าเดี๋ยวคนอื่นที่ติดตามอยู่จะจำได้ว่าชุดนี้เคยใส่ไปแล้ว ค่านิยมนี้ส่งผลให้เหล่านักสร้าง Content ชอบซื้อเสื้อผ้า ใส่ถ่ายแล้วเอาไปคืนกันอยู่บ่อยๆ ให้แบรนด์ปวดหัว
เมื่อพูดถึงคำว่า Influencer หลายคนคงจะนึกถึง Gen Z ไม่ก็ Gen Y หรืออาจจะขยับไปถึง Gen
ในยุคที่แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า Brand Democracy ที่ผู้คนในสังคมทุกวันนี้รู้สึกว่าภาคธุรกิจไม่อาจเอาแต่ขายของโดยไม่ใยดีกับสิ่งที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมได้อีกต่อไป เพราะถ้าแบรนด์ใดเมินเฉยก็จะถูกคนติดป้ายว่าเป็น Ignorant หรือพวกไม่ใยดีกับสังคมโดยเฉพาะในประเด็นที่พวกเขาสนใจ จนทำให้เกิดทัวร์ลงได้ง่ายๆ พาลทำให้แบรนด์ที่พยายามสร้างมานานนับสิบปีด้วยงบการตลาดนับไม่ถ้วนหายวับไปกับตา
ธุรกิจ Retail จะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิมถ้ารู้จักใช้ Data รอบตัวให้เกิดประโยชน์ และหนึ่งใน Data รอบตัวที่มีเข้ามาทุกวันนั่นก็คือใบหน้าของลูกค้านั่นเองครับ วันนี้จะมาเล่าเคสการเอาเทคโนโลยี Facial-recognition