Referral vs Affiliate Marketing 2024 กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย เร็วทันใจ
แฝดคนละฝา ที่หลายคนอาจสับสนอยู่ว่า Referral vs Affiliate Marketing มันคือการแนะนำโดยบุคคลที่สามเหมือนกันหรือเปล่านะ แล้วจะเลือกใช้ยังไงดีล่ะ? ในปี 2024 จะมีอะไรที่แบรนด์ต้องอัปเดตเตรียมไว้บ้าง
บทความวันนี้เราเลยจะมาพูดถึง 2 เทรนด์กลยุทธ์การตลาดที่สามารถเพิ่มยอดขายได้มาก และจะเป็นเทรนด์หลักในปี 2024 อย่างปฎิเสธไม่ได้ค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นเทคนิคการตลาดที่ใช้เพื่อเพิ่มยอดขายให้ทั้งแบรนด์เล็กใหญ่มานับไม่ถ้วนแล้วก็ช่วยในเรื่องการรับรู้ผ่านการแนะนำจากคนกลางเหมือนกัน ไถหน้าไทม์ไลน์ 1 วันอย่างน้อยต้องเจอคนป้ายยาไม่น้อย
นักการตลาดบางคนอาจจะยังสับสนและไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้เทคนิคไหนดี เราเลยจะมาลองวิเคราะห์ไปด้วยกันถึงความหมาย วิธีการ และข้อแตกต่างระหว่าง Referral Marketing vs Affiliate Marketing 2024 ไปจนถึง Case Study ที่จะทำให้เห็นภาพมากขึ้นที่ท้ายบทความค่ะ
ภาพรวม Referral vs Affiliate Marketing
เกริ่นเล็กน้อยว่า Referral Marketing หรือการตลาดแบบอ้างอิง คือการที่แบรนด์ใช้ลูกค้าปัจจุบันเพื่อแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่นค่ะ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการสร้าง ‘word-of-mouth’ อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง เมื่อลูกค้าที่พอใจกับสินค้าหรือบริการแนะนำเพื่อนหรือคนรู้จักให้มารู้จักสินค้านั้น ๆ ก็อาจได้รับรางวัล เช่น ส่วนลดหรือสินค้าฟรีเป็นตอบแทน
แต่ Affiliate Marketing หรือ การตลาดแบบพันธมิตรจะเป็นการทำงานร่วมกับบุคคลหรือบริษัทภายนอก (affiliates) เพื่อโปรโมตสินค้าหรือบริการ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าเราก็ได้ค่ะ แต่เป็นผู้ที่มีช่องทางการตลาดของตนเอง เช่น TikTok, Facebook Page, Twitter หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ โดยจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้นจากการแนะนำของพวกเขา หรือซื้อสินค้าอื่น ๆ ที่เข้าผ่านลิงก์เราก็ได้แล้วค่ะ
สิ่งที่นักการตลาดควรรู้สำหรับทั้งสองรูปแบบคือ ความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่จะเป็นผู้แนะนำหรือพันธมิตร กล่าวง่าย ๆ คือเราต้องมีสินค้าและระบบการขายที่ดี ที่จะดึงดูดนักป้ายยานั่นเอง รวมถึงการมีระบบการติดตามและการจ่ายค่าตอบแทนที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลังนะคะ
ตัวอย่างเช่น บริษัท A อาจเสนอ Referral โปรแกรมให้กับลูกค้าปัจจุบันโดยให้รหัสส่วนลดเมื่อสามารถทำให้ลูกค้าใหม่ทำการซื้อผ่านการแนะนำค่ะ ในขณะที่บริษัท B อาจทำข้อตกลงกับ KOL ชื่อดังเพื่อโปรโมตสินค้าผ่าน Affiliate พันธมิตรและจ่ายค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น ที่น่าสนใจคือมันจะดึงดูดนักป้ายยาคนอื่น ๆ มาหาแบรนด์ด้วยเนี่ยแหละค่ะ~
ป้ายยาผ่าน Referral Marketing ต้องเป็นลูกค้าปัจจุบัน ผลตอบแทนอาจมีระยะสั้น ๆ ข้อจำกัดเยอะกว่า
ป้ายยาผ่าน Affiliate Marketing ไม่ต้องเป็นลูกค้าก็ได้ มักได้ค่าคอมฯไม่รู้จบ สินค้าหลากหลายกว่า
Referral Marketing เกือบจะลูกโซ่ แล้วแต่มุมมอง
Referral Marketing Statistics เพื่อเข้าสู่ 2024
อ้างอิงสถิติจาก Ambassador Marketing Team ที่ได้รวบรวมไว้ ผู้เห็นว่ามีประเด็นสำคัญที่อยากให้นักการตลาดไทยอัปเดตและนำไปเป็นข้อมูลในการตดสินใจวางกลยุทธ์ดังนี้ค่ะ
- Nielsen 92% ของผู้บริโภคเชื่อถือการแนะนำจากเพื่อนและครอบครัวมากกว่ารูปแบบการตลาดอื่นๆ (ผู้เขียนก็เช่นกัน)
- Think Impact 69% ของธุรกิจที่มี Referral program บอกว่าเป็นแหล่งดาต้าชั้นดีไปต่อยอดได้อีกเยอะ
- Forbes : 91% ของนักช้อปหมวด B2B กล่าวว่าการตัดสินใจซื้อของพวกเขาได้รับอิทธิพลจากคําพูดจากปากต่อปาก
- Content Marketing Institute 83% ของนักการตลาดกล่าวว่า Referral Marketing มีประสิทธิภาพมากในการสร้างโอกาสในการขายแบบปัง ๆ
จากข้อมูลนี้นักการตลาดจะเห็นว่าเทคนิคดังกล่าวมีความสำคัญในยุคปัจจุบันและเน้นย้ำถึงคุณค่าของคำชมจากปากต่อปากในการสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มยอดขายมากแค่ไหน~
จุดเด่นตัวโต ๆ เลยคือลูกค้าปัจจุบันของแบรนด์จะต้องเป็นคนแนะนำค่ะ อย่าง TikTok ที่ชวนเพื่อมาเปิดแอคเคาท์ A เป็นเจ้าของเจ้าของลิงก์แนะนำเพื่อน ก็ต้องมีแอคเคาท์ก่อนหน้าแล้ว > เมื่อนะนำต่อให้ B สมัครต่อและมีการเคลื่อนไหว นาย A ถึงจะมีสิทธิได้รับเงินรางวัลค่ะ บางคนอาจจะคิดว่ามันคือลูกโซ่ แต่เป็นลูกโซ่ที่ถูกตามระบบค่ะ
อ่านกลยุทธ์และวิธีทำเพิ่มเติม > Customer Referral Program อาวุธคลาสสิกทีสร้างสุดยอด Awareness
Affiliate Marketing เทรนด์ป้ายยา อาชีพเสริมมาแรง
หากใครที่อ่าน 10 Marketing Trends 2024 สรุปเทรนด์การตลาดไทย โดยการตลาดวันละตอน มาก่อนแล้ว และเห็นบนหน้าไทม์ไลน์ของตัวเองบ่อย ๆ น่าจะเข้าใจ Affiliate กันไม่มากก็น้อยแล้วใช่ไหมคะ และตอนนี้หลายแพลตฟอร์มก็แข่งกันคลอดฟีเจอร์ที่จะดึงดูดให้นักป้ายยา นักช้อป และแบรนด์เข้าร่วมการซื้อขายได้มากขึ้น สนุกขึ้นกว่าเดิม
เราไม่จำเป็นจะต้องเป็นลูกค้าของแบรนด์มาก่อน ก็สามารถเป็นนายหน้า ตัวแทนแบบไม่สต็อกสินค้าได้ค่ะ ทั้งยังได้รับค่าคอมมิชชั่นผ่านการกดลิงก์ มาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ
Affiliate Marketing ไม่ควรแปะเฉยๆ แต่ต้องเล่นกับกระแส
อย่าง Affiliate ของแอปส้ม เมื่อมีคนคลิกลิงก์แล้วจะไม่ซื้อหนังสือก็ไม่เป็นไร กดซื้ออย่างที่อื่นที่เข้าร่วมระบบเราก็ได้ค่าคอมมิชชั่นได้เช่นกันค่ะ แต่สิ่งที่จะเอามาแชร์เพิ่มเติมคือการครีเอตให้คอนเทนต์ป้ายยามีความสดใหม่ อยู่ในกระแสเพื่อดึงดูดความสนใจให้เรานั่นเอง
สร้าง Facebook Page สำหรับลงป้ายยาโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีเยอะมาก
บอกเลยนะคะว่านี่ไม่ใช่เทรนด์ที่มาเล่น ๆ เชื่อว่าหลังจากที่เขียนบทความนี้จบ เราต้องมาอัปเดตกันรายอาทิตย์เลย ว่าการป้ายยามีวิวัฒนาการปถึงไหนแล้ว ที่ต้องจับตามองมาก ๆ เพราะเทรนด์นี้กำลังกลายเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีะที่สองของครีเอเตอร์หน้าเก่าและหน้าใหม่ค่ะ บางคนสามารถลาออกจากงานประจำได้เลยเมื่อสร้างฐานที่มั่นคงแล้ว
เพียงแค่เราใช้ความเชี่ยวชาญหรือความชอบของตัวเองมาแนะนำสินค้าหรือทำคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลก็เป็นแหล่งกำเนิดรายได้มหาศาลให้แก่คุณได้แล้วในวันนี้
อ่านบทความ Case Study การทำ Affiliate ให้ไวรัลเพิ่มเติม >
สรุปคำแนะนำให้ใช้คู่กัน แต่ปรับให้เหมาะกับสินค้าของตัวเอง
แต่ละ Industry เหมาะจะใช้เทคนิคไหนดี?
Referral Program:
- B2B companies: ที่วางระบบ referral programง จะทำให้มี sales effectiveness อย่างเห็นไดชัดค่ะ
- Service industries: เช่น ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แนะนำให้มีสมาชิกสมัครต่อ ๆ และมาใช้บริการต่อกัน
- CPA firms: เช่น Cornerstone CPA Group ใช้นามบัตรและการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่มากกว่า 100 ราย
- แพลตฟอร์มออนไลน์: อย่าง TikTok ที่มีการแนะนำเพื่อนและเงินรางวัล
Affiliate Program:
- Retail: การใช้กลยุทธ์พันธมิตรกับ KOL ที่มีโซเชียลแพลตฟอร์ม ใช้รีวิวสินค้าเล็ก ๆ ราคาจับต้องได้
- Technology: ใช้ KOL ที่สามารถสอนให้ซื้อโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค แฟรชไดร์ฟ ใช้การสอนหรือรีวิวเทคโนโลยีสามารถช่วยในการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ดีเช่นกัน
- Tourism:บล็อกเกอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ขายไลฟ์สไตล์ตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งในด้านการท่องเที่ยวจะสามารถช่วยเพิ่มการจองและการใช้บริการได้ค่ะ
- สุขภาพและความงาม: อย่างที่เห็นในรีพอร์ตว่าเครื่องสำอาง โดยเฉพาะลิปมีการป้ายยาสูงสุดเลย เป็นปัจจัย 5 ของใครหลาย ๆ คนเลยก็ได้ค่ะ การดูแลตัวเองใคร ๆ ก็อยากอัปเดต
อย่างไรก็ตาม แต่ละอุตสาหกรรมมีความต้องการและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้เทคนิคการตลาดก็ควรเป็นไปตามความเหมาะสมและประเภทของ Influencer หรือช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุดด้วยนะคะ ^^ และสามารถใช้ทั้งคู่ไปพร้อม ๆ กันได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงดูดและรักษาลูกค้าค่ะ
สิ่งที่ควรรู้สำหรับเทคนิคทั้งสองรูปแบบคือ ความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่จะเป็นผู้แนะนำหรือพันธมิตรกับแบรนด์เราต้องดึงดูดและดูแลเขาให้ดี ด้วยการมีสินค้าและบริการที่ดีก่อน หากสินค้าไม่ดีก็ไม่มีใครอยากเอาไปแนะนำต่อค่ะ รวมถึงการมีระบบการติดตามและการจ่ายค่าตอบแทนที่แน่นอนด้วยนะคะ
อ่านจบแล้วใครอยากจะลองใช้หรือศึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้เริ่มจากแพลตฟอร์มที่ใช้บ่อย ๆ หรือเริ่มจาก TikTok ที่ หารายได้จาก TikTok ผ่าน Affiliate Marketing ไม่ยาก! ถ้ารู้ 4 กลยุทธ์นี้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจมากที่สุดในเวลานี้เลยค่ะ หรือจะเป็น [Upgrade] Affiliate Marketing บน Twitter ให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย 3 วิธีนี้ ก็ได้เช่นกันค่ะ ลองดูนะคะ
