มัดรวม 10 ไอเดีย Travel Marketing ที่นักการตลาดต้องลอง
บทความนี้จะมัดรวม 10 ไอเดีย Travel Marketing ที่เลือกมาเพราะอยากแชร์ให้นักการตลาดไทยโดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะใครที่อยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวคงเข้าใจดีว่าสามารถต่อยอดไปได้อีกหลายธุรกิจในการดึงดูดเม็ดเงินทั้งจากคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ซึ่งไอเดียที่เลือกมาเชื่อว่าเหมาะสมกับยุคสมัยและเทรนด์ปัจจุบันที่ใคร ๆ ก็อัปเดตได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวอยู่แล้ว หรือกำลังจะเป็นก็ตาม รวมทั้งครีเตอร์และนักการตลาดค่ะ เป็นการรีแคปว่าเราเคยทำอะไรไปบ้างแล้ว และอะไรที่ยังไม่เคยลองทำบ้าง ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ
#1 Actioning First-Party Data For Customization
นักท่องเที่ยวมีหลายประเภทใช่ไหมล่ะคะ ทั้งหลุ่ม เดี่ยว ครอบครัว เพื่อน บริษัท เพราะฉะนั้นการที่เราเก็บข้อมูลเบื้องต้นเพื่อทำความรู้จักว่าธุรกิจของเราจะขายใครนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจอง ไลฟ์สไตล์
การเก็บข้อมูลจะช่วยให้องค์กรสามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการและความสนใจของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และหลังจากเก็บแล้วก็ต้องเอาใช้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะกับการ Customization ประสบการณ์สำหรับลูกค้า เช่นลูกค้ากลับมาที่พักของเรารอบที่ 2 แล้วต้องดูแลลูกค้าอย่างไรให้ประทับใจดี นอกจากนี้ข้อมูลยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
อ่านบทความและเคสตัวอย่างเกี่ยวกับ First-Party Data เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ > https://www.everydaymarketing.co/?s=First-Party+Data
#2 Personalized Travel Recommendations: Tailor-Made Experiences
แนวทางในการจัดการท่องเที่ยวที่เน้นให้ลูกค้าประทับจิตประทับใจสูงสุด อยากได้แบบไหนเราจัดให้ อันนี้เป็นการบ้านของบริษัททัวร์เลยก็ว่าได้ค่ะ แทนที่จะเสนอแพ็คเกจท่องเที่ยวแบบมาตรฐานทั่วไป ๆ ให้เอาไว้เป็นเพียงทางเลือกก็พอ คุณควรเริ่มถามลูกค้าก่อนว่าต้องการเที่ยวแบบไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไน บริการนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างและแนะนำประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงและเป็นส่วนตัวหรือ Personalized สุด ๆ
ในหมู่ลูกทัวร์มีกี่คนที่ชอบนวดไทย ระหว่างนั้นจะให้อีกกรุ๊ปทำอะไร หากไม่มีสอบถามให้ใช้ข้อมูลที่อาจะมีเก็บไว้แล้วจากทริปก่อน ๆ เช่น ประวัติการท่องเที่ยว, ความสนใจ, สไตล์การท่องเที่ยว, และงบประมาณของลูกค้า, บริษัทท่องเที่ยวสามารถออกแบบและเสนอแพคเกจที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลได้ ตั้งแต่การเลือกสถานที่พัก, กิจกรรม, จนถึงการเดินทาง ทั้งหมดนี้ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและตรงกับความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริงค่ะ
#3 Long-Form Video Content คลิปยาวจะกลับมาทวงบัลลังก์
หลังจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะ TikTok ทำให้เราและกลุ่มเป้าหมายเสพติดคอนเทนต์สั้นกันไม่น้อย แต่ขอบอกเลยว่าทุกเทรนด์มีกลุ่มเป้าหมายค่ะ และการทำคลิปยาวที่น่าสนใจจะกลับมาบูมเร็ว ๆ นี้ เห็นได้จากคลิปยาวกว่า 1 ชั่วโมงของ Youtuber ชื่อดังชาวเกาหลีที่พาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย มีความ Real และเพลินสุด ๆ จนชาวโซเชียลออกมาแซวว่าเพราะคลิปของช่อง Callen ทำให้อาการสมาธิสั้นดีขึ้นเยอะ
นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวแล้วยังได้ใจฟูไปกับผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นเสน่ห์ของประเทศไทยค่ะ แม้ผู้เขียนจะไม่ค่อยได้ไปต่างประเทศบ่อยนัก แต่ของเป็นอีกเสียงที่ยืนยันว่าบ้านเราเที่ยวแล้วสบายใจสุด ๆ ประเทศนึงเลยค่ะ โดยเฉพาะความใจดีของผู้คน
อีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังทำให้วงการ Youtuber สั่นสะเทือนคือคอนเทนต์ Vlog Week ความยาว 3 ชั่วโมงที่ไม่เพียงพาเที่ยวเท่านั้น แต่ทำให้เราเห็นถึงไลฟ์สไตล์ของเจ้าของช่องแบบเต็ม ๆ เลยล่ะค่ะ ขอบอกว่าเป็นไอเดียที่ต้องเซฟไว้เลย
#4 Collaborations with Local Businesses
อาหารที่ร้านเป็นยังไงบ้างคะ แล้วคืนนี้มีที่พักหรือยัง?
ประโยคแบบนี้นอกจากจะเป็นดีลระหว่างธุรกิจท่องถิ่น หรือแบ่งค่านายหน้ากันแล้ว ก็ยากค่ะที่เค้าจะแนะนำธุรกิจคุณ ดังนั้นการสร้าง partnership ในบริเวณใกล้ ๆ เป็นสิ่งจำเป็น ยกตัวอย่างสร้างความร่วมมือกับธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริษัททัวร์
หรือนักท่องเที่ยวบางคนเค้าไม่ได้มีแพลนมาค่ะ กะมาถามแล้วตาม ๆ คนท้องถิ่นแนะนำเอา การที่เรามีกิจกรรมหรือดีลกับพาร์ทเนอร์เหล่านี้จะทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ เหมาะกับธุรกิจที่เพิ่มเริ่มต้นนะคะ เพราะลูกค้าที่กำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่แท้จริงเค้าไม่ค่อยอยากไปสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ค่ะ
#5 Exclusive Loyalty Programs
ขาดไม่ได้ค่ะสำหรับการทำการตลาดเพื่อลูกค้าที่รักของเรา นั่นคือการให้รางวัลแก่ลูกค้าที่ Loyalty ของคุณและสร้างความรู้สึกพิเศษด้วยการเสนอ Loyalty Programs ที่น่าดึงดูด มอบสิทธิพิเศษ ส่วนลด และประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้ที่เลือกบริการของคุณซ้ําแล้วซ้ําเล่า
หากทำแบบนี้ลูกค้าจะรู้สึกสำคัญ และรู้สึกว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับการมีอยู่ของเค้าค่ะ โอกาสในการกลับมาสนับสนุนจะมีมากขึ้นและยังสร้าง word-of-mouth เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ต่อเนื่องเลย
แนะนำให้อ่านบทความเกี่ยวกับ Customer Loyalty Program เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ > https://www.everydaymarketing.co/knowledge/แนะนำ-6-กลยุทธ์เอาใจ-customer-loyalty-program/
#6 Accept Online Bookings
การให้ความสำคัญกับระบบการจองจะเป็นผลดีกับทั้งธุรกิจเล็กและใหญ่ค่ะ เพราะนอกจากคุณจะสามารถเตรียมการบริการได้เป๊ะปัง ผิดพลาดน้อยลงแล้ว ยังช่วยให้พนักงานของคุณเองมีเป้าหมายในการทำงานค่ะ ส่วนลูกค้าก็มีความมั่นใจในการมาใช้บริการ และรู้สึกว่ามาแล้วจะได้ทานแน่ ๆ อะไรแบบนี้ค่ะ
เพราะความสะดวกสบายถือเป็นเรื่องสำคัญ การรับจองออนไลน์ไม่ใช่แค่กระแสสมัยใหม่เท่านั้น มันเป็นลักษณะพื้นฐานของการตลาดการท่องเที่ยวที่ดีเลยน้า ธุรกิจต่างๆ ที่ใช้ระบบการจองออนไลน์จะมีความได้เปรียบคู่แข่งค่ะ เพราะลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเลือกจุดหมายปลายทางหรือบริการที่อำนวยความสะดวกในการจองทางออนไลน์มากกว่า ร้านค้าที่มีขั้นตอนการจองที่ยากเย็นซับซ้อน
#7 Flexible Booking Options ยกเลิกได้ / เช็คอินเมื่อไหร่ – เช็คเอาท์เมื่อนั้น
กำลังเป็นไวรัลและได้รับความสนใจเลยสำหรับ Topic ที่โรงแรมให้เช็คเอาท์เร็ว เช็คอินช้าเพราะต้องรอเคลียห้อง ผู้เขียนและลูกค้าต่างเข้าใจในระบบของโรงแรมดีค่ะ แต่มันจะปังแค่ไหนหากโรงแรมสามารถจัดการระบบที่แฟร์กับลูกค้าขึ้นอีกนิด นั้นคือ เช็คอินเมื่อไหร่ เช็คเอาท์เมื่อนั้น มาถึง 2 ทุ่ม ก็ค่อยเช็คเอาท์ 2 ทุ่มวันถัดไปได้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในการเดินทาง จึงควรมีนโยบายการจองและการยกเลิกที่ยืดหยุ่นเพื่อสร้างควมประทับใจให้ลูกค้านะคะ
#8 Leveraging Tech To Craft Immersive Creative
ถือเป็นแนวทางที่มีมาซักพักแล้วในอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวค่ะ การทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่พวกเขาจะได้รับกับผลิตภัณฑ์ แบรนด์ หรือบริการ ด้วยตัวเองแทนที่จะรอให้ลูกค้าเห็นโฆษณาเราฟังดูดีไหมคะ? ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เช่น คอนเทนต์ที่สร้างโดย AR, VR และ AI สร้างโอกาสสำหรับนักการตลาดด้านการท่องเที่ยวในการสร้างสรรค์ผลงานสร้างสรรค์ที่น่าสนใจซึ่งกระตุ้นให้ลูกค้ากด Booking
ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมสามารถใช้ประโยชน์จาก AR/VR เพื่อให้ลูกค้าทดลองเดินดูรอบ ๆ ห้องก่อน โดยเฉพาะแก่ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นแขก หรือสกีรีสอร์ทสามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อให้นักสกีได้สำรวจภูมิประเทศของตนก่อนทำการจอง เป็นต้นค่ะ
#9 Sustainable Travel Initiatives เช่น Eco-Friendly Adventures
เทรนด์เกี่ยวหับด้านสิ่งแวดล้อมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ การตอบรับเทรนด์ให้เข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณจะทําให้คุณมีความได้เปรียบในการแข่งขันนะคะ เช่นการส่งเสริมการผจญภัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แนะนำแนวทางด้านการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ และความร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์ในท้องถิ่น หรือจะเป็นการแยกขยะภายในห้องพักก็ได้ แค่นี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ
#10 อย่ามองข้าม The Power of Reviews (ที่จริงใจ ไม่ปลอม)
ถ้าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ รีวิวก็มีความสำคัญกับการตัดสินใจมาเยือนไม่แพ้กันค่ะ อย่างเพื่อผู้เขียนเนี่ยหารีวิวเรื่องผีเยอะมาก ว่าที่พักนี้มีคนเคยเจอหรือเปล่า 5555 อาจจะอ่านดูแล้วเวอร์ แต่มีลูกค้าแบบนี้จริง ๆ ค่ะ
นอกจากนี้คงไม่พ้นเรื่องความสะอาด การบริการ หรือประสบการณ์จากลูกค้าคนอื่น ๆ ที่เคยมา เช่น Google, TripAdvisor และ Google Local เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการสร้างตัวตนและชื่อเสียงทางออนไลน์ และอย่าลืมเข้ามาตอบรีวิวทั้งหมดอย่างมีสติ น้อมรับทั้งทั้งเชิงลบและบวก นี่แสดงให้เห็นว่าคุณเอาใจใส่มาก ๆ เลยค่ะ หลายแบรนด์ดังเพราะแอดมินตอบกลับมาแล้วน้า สุดท้ายอย่าลืมเลือกรูปสินค้าหรือบริการมาโปรโมตให้ตรงปกด้วยนะคะ ขอล่ะ…
รวมสถิติ ‘รีวิวสินค้า’ บน Online เพื่อการตลาด – 63% ดู Google Reviews ก่อนซื้อ
สรุป 10 ไอเดีย Travel Marketing ที่นักการตลาดต้องลอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทั้ง 10 ไอเดียที่อยากให้อัปเดตและนำไปปรับใช้กันในปี 2024 ค่ะ ทั้งการเก็บข้อมูล และนำมาต่อยอดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ถูกใจ การทำคอนเทนต์เพื่อการตลาดแบบวิดีโอยาว ๆ การคอลแลปกับพาร์ทเนอร์ ถ้าไม่มีจะอยู่ยากเลยล่ะ~
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการรับจองออนไลน์ที่อยากให้ลงมือลงเวลาทำดูสักตั้ง แล้วคุณจะบริการจัดการธุรกิจได้ง่ายขึ้นเป็นกองแน่นอน ทั้งนี้ยังอัปเดตความต้องการของลูกค้า เกี่ยวกับความยืดหยุ่นในการเช็คอินอีกด้วยค่ะ หากใครไม่สะดวกคืนเงินให้ลูกค้า 100% อาจจะใช้เป็นการหักเปอร์เซ็นเพื่อให้เกิดความแฟร์กับทั้งสองฝ่ายก็ได้ เพราะการเดินทางเราต้องเห็นใจลูกค้าด้วยว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เสมอค่ะ
หวังว่าจะสนุกกับทั้ง 10 ไอเดียอัปเดตนี้ และนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองกันต่อไปนะคะ แล้วงพบกันในบทความหน้าค่า ^^
