ตเตอร์ได้ประกาศแผนงานนโยบายของการยืนยันตัวตนใหม่บนทวิตเตอร์สำหรับปี 2021 เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับกว่า 22,000 แบบสอบถามจากผู้คนบนทวิตเตอร์และได้เรียนรู้เพื่อกำหนดวิธีการปรับปรุงนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ ฟีดแบ็กจากสาธารณชนถือเป็นส่วนสำคัญมากในขั้นตอนของการพัฒนานโยบายเพื่อสร้างความมั่นใจว่านโยบายดังกล่าวนั้นได้สะท้อนถึงการให้บริการระดับโลกและผู้คนที่ใช้งานทั่วโลก ฟีดแบ็กที่ได้รับได้ช่วยในกระบวนการพัฒนานโยบายใหม่ ซึ่งจะนำเป็นพื้นฐานในการปรับปรุงว่า ระบบการยืนยันตัวตนคืออะไร ใครควรได้รับการยืนยันตัวตน และทำไมบางบัญชีทวิตเตอร์ถึงถูกลบการยืนยันตัวตน ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายดังกล่าวมีความเท่าเทียมกัน ฟีดแบ็กของทุกคนช่วยกำหนดนโยบายของทวิตเตอร์ได้อย่างไร ส่วนหนึ่งของการที่ทวิตเตอร์ได้อัปเดตในนโยบายการยืนยันตัวตนใหม่ จากฟีดแบ็กที่ได้รับจากทุกคนมีดังนี้ เราได้รับฟีดแบ็กในส่วนของเกณฑ์การพิจารณาตรงโปรไฟล์ว่าจะต้องมีข้อมูล “ครบสมบูรณ์” ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นการจำกัดมากเกินไป จึงได้อัปเดตคำจำกัดความใหม่โดยไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลของโปรไฟล์หรือภาพเฮดเดอร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุดในปี 2020 นี้ หนีไม่พ้นการยกตำแหน่งให้กับ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่มาแรงจนเปรียบได้ว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้หลายๆ ปรากฏการณ์กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงได้ อาทิ การสร้าง Challenge เพลงเต้นต่างๆ ที่ทำให้เพลงเหล่านั้นเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนหรือถูกพูดถึงกันอย่างเป็นวงกว้างในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือเทรนด์ไวรัลต่างๆ ที่ทุกคนต่างพูดถึง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้
ภาพยนต์เรื่อง Moneyball เป็นหนึ่งในภาพยนต์ที่นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจที่สนใจเรื่อง Big Data หรือ Data Science ต้องดูให้ได้ เพราะภาพยนต์เรื่องนี้ฉายภาพให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานแบบเดิมๆ ในธุรกิจการทำทีมเบสบอลที่เคยเชื่อในสัญชาตญาณของโค้ชหรือแมวมอง ที่ได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์นานปีในการเลือกว่าควรจะเลือกใครมาร่วมทีม หรือควรจะให้นักกีฬาคนไหนได้ลงเล่นในการแข่งขันนัดสำคัญ ภาพยนต์เรื่องนี้เหมาะกับคนที่ต้องการจะทำเรื่อง Digital
IG Story เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สุดฮิตที่พอ Instagram ปล่อยออกมาก็เปรี้ยงสุดๆ แถมยังเคยมี Challenge มากมายเกิดขึ้น เพราะคนสามารถเล่นได้ง่าย และหมดไปไวๆ เพียง 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเก็บเอาไว้เพื่อให้รกหน้าตา Image
สรุป 5 เทคนิคการสร้าง Brand Awareness บน Instagram ประจำปี 2021 ที่นักการตลาดต้องรู้ นักการตลาดหลายคนคงรู้จักคำว่า Brand Awareness กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเป้าหมายหลักของแทบทุกแบรนด์บนตลาดทั่วโลก
จากหนังสือเล่มที่สองของการตลาดวันละตอน Data-Driven Marketing การตลาดแบบฉลาดใช้ดาต้า(สนใจซื้อออนไลน์ได้ที่นี่) บอกถึงแนวทางการหยิบจับ Data รอบตัวมาใช้ทำการตลาด และหนึ่งใน Data ที่เข้าถึงได้ง่ายและใครๆ ก็เข้าถึงได้อย่าง Search data ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google
ก่อนที่เราจะวางกลยุทธ์อะไรซักอย่าง การทำการบ้านศึกษาหาข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะตอบเราได้ว่า ปีนี้แผนกลยุทธ์ของเราในการบริหาร Social Media ควรไปในทิศทางไหนดี ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญขณะหาข้อมูลเพื่อนำมาใช้คลอด Strategy ก็คือการวิเคราะห์สื่อโซเชียลมีเดียของคู่แข่งหรือที่เราเรียกว่า Social Media Competitor Analysis นั่นเองค่ะ เหตุผลสำคัญว่าทำไมเราถึงต้องวิเคราะห์คู่แข่งขณะวางกลยุทธ์ด้วยก็เพราะ
ในยุค Data และ AI แบบนี้หลายคนอาจยังนึกไม่ออกว่าเราจะเอา AI มาใช้กับ Marketing จริงๆ อย่างไรได้บ้าง ผมเลยถือโอกาสนำเนื้อหามาจากโพสของคุณจิ๊บ Surasak Lhuengusakul ที่รู้จักกันและล่าสุดก็ได้ขึ้น Panel
หลังจากที่นุ่นได้ร่วมชมไลฟ์งาน #BestofTweets 2020 Thailand Awards ที่ Twitter Thailand เป็นผู้จัดงาน นุ่นได้ลองรวบรวมเทคนิคการทำ Marketing campaign บน Twitter จาก
อีกหนึ่งแพลตฟอร์มตัวเต็งของปีนี้ก็คือ Twitter 2020 ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยก็กลายเป็น Tweet Topic อยู่รำไป จนใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะแบรนด์หรือหนัง ละครใช้ลำดับ Trends ของ Twitter ในการชี้วัดความสำเร็จของผลงานไปแล้วค่ะ