KAO เดินหน้าโปรเจกต์ การตลาดสีเขียว Upcycling #Turntrash2trendy

KAO เดินหน้าโปรเจกต์ การตลาดสีเขียว Upcycling #Turntrash2trendy

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (KAO) – บริษัทผู้ผลิต และจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods: FMCG) ได้ประกาศรีแบรนด์ ปรับโลโก้ใหม่ พร้อมเดินหน้า มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืน ด้วยนโยบาย และกลยุทธ์รักษ์สิ่งแวดล้อม “ESG” (Environment, Social, Governance) ภายใต้คอนเซปต์ “Kirei—Making Life Beautiful” ซึ่งก็ได้ดำเนินการกันมาอย่างต่อเนื่อง

จนล่าสุด KAO ก็ได้เผยโครงการรักษ์โลกตัวใหม่ โดยใช้ชื่อว่าโครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy

KAO เปลี่ยนขยะพลาสติก ให้เป็นของใช้รักษ์โลก

โดย “โครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy” นี้ คือโครงการที่ KAO ได้นำซองผงซักฟอกแอทแทคที่เหลือจากการปรับดีไซน์ และเศษพลาสติกที่เหลือจากการตัดขอบผ้าอนามัยลอรีเอะ (Trim) ซึ่งเป็นขยะพลาสติกเหลือใช้จากกระบวนการผลิต (Post-Industrial Recycled หรือ PIR) รวมทั้งสิ้น 37,068 กิโลกรัม มาเข้ากระบวนการ Upcycling ล้างทำความสะอาด หลอมเป็นเม็ดพลาสติก และนำมาขึ้นรูปเป็นเครื่องใช้คุณภาพพรีเมียมหลากหลายชนิด แทนการเผาทำลาย ซึ่งก็มีตั้งแต่ตะกร้า, กะละมัง, กระเป๋า, กล่องอเนกประสงค์ ไปจนถึงเก้าอี้นั่งมีฝา

โดยมอบเป็นของใช้ให้แก่พ่อบ้านแม่บ้านได้นำไปใช้ประโยชน์กัน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 202,020 ชิ้น นอกจากนี้โครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy ยังมีส่วนช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก จากการผลิต และกำจัดพลาสติกใหม่ (Virgin Plastic) อีกด้วย

Kirei Lifestyle Plan กลยุทธ์ Go Green สไตล์ KAO

โครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy นั้นเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ภายใต้ “Kirei Lifestyle Plan” หรือก็คือ นโยบาย และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของ KAO หรือ “การสร้างโลกที่สะอาดและสมบูรณ์” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนี้

  • Zero Waste จัดการขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ และนำกลับมารีไซเคิลได้เกือบ 100% ตั้งแต่ปี 2563
  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2583 และคาร์บอนเป็นลบภายในปี 2593
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกของ KAO ต้องรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2568
  • ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2583
ขอบคุณรูปภาพจาก Kao Thailand

KAO กระแสตอบรับดี พ่อบ้านแม่บ้านปลื้ม!

ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy นั้น จะทำมาจากเศษพลาสติก และมีร่องรอยที่ชี้ให้เห็นว่าผ่านการรีไซเคิล แต่คุณภาพก็นับได้ว่าเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกตั้งต้น (Virgin Material) โครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ KAO เลยก็ว่าได้

เพราะนอกจากจะต้องทำ R&D ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแรง คงทน ตรงตามความต้องการของลูกค้าแล้ว KAOยังต้องสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าอีกด้วย ความใส่ใจในการผลิตนี้ ส่งผลให้กระแสตอบรับของผู้บริโภคเป็นไปในทิศทางที่ดี จนนำมาสู่การพัฒนา และเพิ่มจำนวนการผลิตมากขึ้นในปีนี้

ทำไม KAO ถึงยอมเปลี่ยน?

ปัจจัยที่ทำให้ KAO ที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานถึง 132 ปี ตัดสินใจรีแบรนด์ ปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนนโยบายคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งกลยุทธ์ที่ KAO เลือกใช้ก็คือ “การตลาดสีเขียว (Green Marketing)” นั่นเอง

Green Marketing คือ อะไร?

การตลาดสีเขียว (Green Marketing) คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นในเรื่องของรักษาสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ เนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น Green Marketing จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคนั่นเอง 

KAO ได้อะไรจาก Upcycling #TurnTrash2Trendy

1. KAO ได้กลุ่มลูกค้าใหม่

ผลการวิจัยของ Marketbuzz ในปี 2565 ร่วมกับวิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยว่า คนไทยมากกว่า 62% มองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบกับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี และมากกว่า 41% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เชื่อว่าปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั้นจะแย่ลงในอีก 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคสาย ECO จึงเป็นเป้าหมายที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

2. Upcycling #TurnTrash2Trendy รักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเดิม

โดยการมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการโครงการ Upcycling #TurnTrash2Trendy ให้แก่พ่อบ้านแม่บ้านได้นำไปใช้กันในครัวเรือน ซึ่งถึงแม้จะเป็นของที่จะทำมาจากเศษพลาสติก และมีร่องรอยที่ชี้ให้เห็นว่าผ่านการรีไซเคิลมาแล้ว แต่ก็มีความคงทน แข็งแรง เพราะ KAO ทดลอง และพัฒนามาแล้วว่าคุณภาพดีเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกใหม่แน่นอน

3. KAO กับภาพลักษณ์ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

การทำ Green Marketing นั้นไม่ใช่แค่เพียงการสื่อสารออกไป แต่ต้องทำให้เห็นด้วยว่าธุรกิจนั้นดำเนินไปอย่างยั่งยืน รักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบของขั้นตอนการผลิต, วัสดุ, ระบบขนส่ง, ฯลฯ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้เองที่ KAO จะสามารถดึงดูดผู้บริโภคที่มีแนวคิดเดียวกันให้เข้ามาซื้อสินค้ามากขึ้น แถมยังเป็นการสร้าง Storytelling ให้กับธุรกิจอีกด้วย!

4. โอกาสของ KAO กับการเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ

เพราะต้องตอบสนองต่อเทรนด์รักษ์โลกของผู้บริโภค และเปลี่ยนระบบการผลิตให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องมือในการผลิตแบบเดิมอาจไม่สามารถตอบโจทย์ตรงส่วนนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ KAO จะเริ่มทดลองวิจัยนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิต

5. KAO กับการเติบโตอย่างยั่งยืน

การเจาะกลุ่มตลาดใหม่, การลงทุนในการโพรโมตวิสัยทัศน์ของแบรนด์, หรือแม้แต่การลงทุนในนวัตกรรมที่เน้นความเข้ากันได้กับสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้อาจทำให้การทำ Green Marketing ต้องใช้ทรัพยากรการเงินมากมายในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผลตอบแทน และความมั่นคงในระยะยาวแล้ว ถือว่าคุ้มค่าแก่การลงทุน

Upcycling #TurnTrash2Trendy เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ KAO เท่านั้น เพื่อตอกย้ำการมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสินค้าอุปโภคเพื่อความยั่งยืน KAO ยังคงมีแผนที่จะสร้างสรรค์โครงการใหม่ ๆ ต่อไป เพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาขยะที่เกิดจากกระบวนการผลิต ให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583 เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน และสังคม

เพื่อน ๆ คนใดสนใจของพรีเมียมรักษ์โลกของโครงการ สามารถติดตามข่าวสารโพรโมชันของสินค้าภายใต้แบรนด์ KAO ได้ตามช่องทางต่าง ๆ ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำได้เลย!

เทรนด์รักษ์โลกมาแรงไม่ไหว ตามไปอ่านบทความที่น่าสนใจกันต่อได้เลยที่!

Sasiwimon Chumart

"แตงกวา" - ชอบภูเขา หลงรักทะเล หาเงินไปเล่นเซิร์ฟที่แหลมหญ้า กินกาแฟเพื่อมีชีวิตรอด นอนน้อยเป็นกิจวัตร ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งใจเขียนงานมาก เพราะทุกคนต้องได้อ่านผลงานที่ดีที่สุด!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *