ทำความรู้จัก PESTEL Analysis คือ อะไร มีประโยชน์ต่อนักธุรกิจอย่างไร?

ทำความรู้จัก PESTEL Analysis คือ อะไร มีประโยชน์ต่อนักธุรกิจอย่างไร?

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน สิ่งที่นักธุรกิจไม่ควรมองข้ามเลยก็คือการวิเคราะห์สถานการณ์ภายนอกที่อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจของเรานั่นเองค่ะ ในฐานะนักการตลาด หลายคนอาจจะเคยได้ยิน ” PESTEL Analysis “ กันมาแล้วบ้าง วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกคนไปรู้จักว่า ” PESTEL Analysis คือ อะไร และมีประโยชน์ต่อนักธุรกิจอย่างไร? “ ตามไปอ่านกันได้เลยค่ะ

PESTEL Analysis คือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โดยย่อมาจากตัวอักษรตัวแรกของคำเหล่านี้ P-Political, E-Economic, S-Social, T-Technological, E-Environmental, L-Legal

ช่วยให้นักธุรกิจเข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ มองเห็นถึงโอกาส และอุปสรรคได้อย่างชัดเจน และสามารถวางแผน พัฒนากลยุทธ์สำหรับเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน ซึ่ง PESTEL นั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ดังนี้ค่ะ

P : Political (การเมือง)

นโยบายของรัฐบาล, กฎระเบียบ, เสถียรภาพทางการเมือง นั้นมีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจอย่างมาก โดยส่วนใหญ่มีผลต่อระดับความเสี่ยง และโอกาสในการดำเนินธุรกิจ

สังเกตได้ว่าบริษัทระดับ Global มักจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศที่มีข้อพิพาททางการค้า หรือประเทศที่ขาดเถียรภาพทางการเมือง ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งก็มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะพรรคการเมืองแต่ละพรรคนั้นต่างก็มีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจที่ต่างกัน

ตัวอย่างปัจจัยด้านการเมือง: การประกาศกฏอัยการศึก ในปี 2557

ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยชะลอตัวลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยอ่อนตัวลง นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท หลังวันที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก 4 วัน เนื่องจากกองทุนต่างชาติบางแห่งมีข้อบังคับว่าห้ามลงทุนในประเทศที่มีการประกาศกฎอัยการศึก และเกิดรัฐประหาร (Post Today, 2014)

E : Economic (เศรษฐกิจ)

สภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงาน และผลกำไรของธุรกิจ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจมักสัมพันธ์กันกับทิศทางของการเมือง เพราะผู้ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจคือรัฐบาล

เช่น นโยบายการเงินที่รัฐบาลกำหนด ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อธุกิจโดยทั่วไป ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ, อัตราดอกเบี้ย, อัตราการจ้างงาน, อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, อุปสงค์และอุปทาน, ต้นทุนวัตถุดิบ, อัตราเงินเฟ้อ, อำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ตัวอย่างปัจจัยด้านเศรษฐกิจ: การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออาจส่งผลให้ธุรกิจเลิกจ้างพนักงานเพื่อประหยัดเงิน การกระทำนี้อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงาน อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การลดต้นทุนวัตถุดิบซึ่งช่วยให้ธุรกิจเพิ่มการผลิต และปล่อยให้ขายสินค้าได้มากขึ้น

S : Social (สังคม)

หรือที่เรียกว่าปัจจัยทางสังคม และวัฒนธรรม เกี่ยวข้องกับข้อมูลประชากร, ความเชื่อ, ทัศนคติ, จารีต, และประเพณีของผู้คนในท้องถิ่น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจ Insight, คาดเดาพฤติกรรม และแรงจูงใจของคนที่จะมาเป็นลูกค้าได้ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้า ตัวอย่างของปัจจัยด้านสังคม ได้แก่ เทรนด์, ไลฟ์สไตล์, ความเชื่อ, ศาสนา, ทัศนคติต่อสภาพการทำงาน

ปัจจัยทางสังคมอาจดูเหมือนเป็นการพิจารณาเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่จับต้องได้ เช่น อัตราดอกเบี้ยหรือภาษีนิติบุคคล ถึงกระนั้น ปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในวงกว้างได้อย่างน่าประหลาดใจ

ตัวอย่างปัจจัยด้านสังคม : หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 บริษัทหลายแห่งต้องปรับเปลี่ยนการทำงานของพนักงานจาก On-Site เป็น Hybrid แทน ตามข้อเรียกร้องของพนักงานส่วนใหญ่ในบริษัท

T : Technological (เทคโนโลยี)

เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ นั้นสามารถลดความเสียหายของวัตถุดิบ, เพิ่มคุณภาพ, เพิ่มปริมาณการผลิต และช่วยให้การผลิตสินค้านั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายลดลง เพิ่มผลกำไรได้มากขึ้น

ตัวอย่างปัจจัยด้านเทคโนโลยี : หากผู้บริโภคพบว่าการซื้อสินค้าทางออนไลน์ง่ายกว่าหรือดีกว่า ธุรกิจอาจตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การขายบนร้านค้าออนไลน์ มากกว่าหน้าร้านจริง

E : Environmental (สิ่งแวดล้อม)

เป็นปัจจัยที่มักจะโดนมองข้ามบ่อย ๆ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างสถานการณ์ง่าย ๆ เมื่ออุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบให้ทรัพยากรธรรมชาติลดลง หรือใช้เวลาการเกิดขึ้นใหม่นานขึ้น ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้น

เนื่องจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด หรือแม้กระทั่งเหตุหารณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มาโดยไม่รู้ตัว ก็สามารถสร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลให้แก่ธุรกิจของคุณได้

ตัวอย่างปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม : ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้คนมักจะใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าจะออกมาทำกิจกรรมข้างนอกในช่วงวันหยุด ทำให้ยอดขายของร้านอาหารกลางแจ้งลดลงกว่าปีก่อนมาก

L : Legal (กฎหมาย)

อีกหนึ่งปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเมือง ครอบคลุมทั้งกฎหมายแรงงาน, กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, มาตรฐานเรื่องความปลอดภัยในการผลิต รวมไปถึงกฏหมายที่ว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่

ตัวอย่างปัจจัยด้านกฏหมาย : กัญชาถือว่าเป็นสิ่งผิดกฏหมายในประเทศเกาหลี แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น กัญชาได้รับการอนุญาตให้ผลิต และจำหน่ายได้ภายใต้ข้อบังคับที่จำกัด 

อย่างที่กล่าวไปด้านบนว่า PESTEL นั้นคือ Framework ที่ใช้ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจไปในทางที่เหมาะสม พร้อมเผชิญหน้ากับความเสี่ยง และใช้โอกาสที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์ ซึ่งผู้เขียนจะขอสรุปเป็นข้อ ๆ ดังนี้ ค่ะ

  • เข้าใจสภาพแวดล้อมภายนอก : ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจ และพร้อมตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
  • การปรับตัวต่อเปลี่ยนแปลง : ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปรับเปลี่ยนแผนการทำงาน, การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่
  • การพัฒนานวัตกรรม : เทรนด์ และพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการวิเคราะห์โดยใช้ PESTEL นั้นจะส่งเสริมให้ธุรกิจปรับปรุงสินค้า สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
  • การลดความเสี่ยง : เช่น การปรับเปลี่ยนนโยบายการเมืองหรือกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
  • การเปิดโอกาสใหม่ : สามารถระบุโอกาสใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น การขยายตลาดใหม่, การทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศ, หรือการพัฒนาความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน
  • PESTEL Analysis เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักธุรกิจ
  • ช่วยให้นักธุรกิจเข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ระบุโอกาสและอุปสรรค พัฒนากลยุทธ์การตลาดได้อย่างยั่งยืน และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
  • การวิเคราะห์ PESTEL ไม่ยาก สามารถทำได้เอง และมีประโยชน์

ข้อควรระวัง

  • การวิเคราะห์ PESTEL เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทั้งนี้ควรใช้เครื่องมืออย่างอื่นประกอบการวิเคาะห์ข้อมูลด้วย
  • จำเป็นต้อง มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน
  • จำเป็นต้อง ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ

การวิเคราะห์ด้วย PESTEL นั้นช่วยให้ธุรกิจ หรือองค์กรเข้าใจ และจัดการกับปัจจัยภายนอกได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในดำเนินธุรกิจในระยะยาว ซึ่งไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นธุรกิจรายใหญ่ หรือรายย่อยก็สามารถใช้ PESTEL Analysis ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ในวงการธุรกิจ และผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับ PESTEL Framework ไม่มากก็น้อยนะคะ

มองหาเทคนิคการตลาดอันอื่นกันอยู่หรือเปล่า? ตามไปอ่านต่อไปเลยที่

Sasiwimon Chumart

"แตงกวา" - ชอบภูเขา หลงรักทะเล หาเงินไปเล่นเซิร์ฟที่แหลมหญ้า กินกาแฟเพื่อมีชีวิตรอด นอนน้อยเป็นกิจวัตร ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งใจเขียนงานมาก เพราะทุกคนต้องได้อ่านผลงานที่ดีที่สุด!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *