กลยุทธ์ SWOT วิเคราะห์ธุรกิจ เพื่อสร้าง Competitive Advantage

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่านเคยได้ยินคำว่า SWOT กันมั้ยคะ วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าให้ฟังเรื่อง กลยุทธ์ SWOT กันค่ะ ทุกท่านรู้มั้ยคะ ว่าในการทำธุรกิจสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือ เราต้องรู้จักธุรกิจของเราให้ดีพอ ดังนั้น กลยุทธ์ SWOT คือเครื่องมือที่จะช่วยเราวิเคราะห์ธุรกิจ ให้เรารู้จักธุรกิจของเรา เพื่อสร้าง Competitive Advantage กันค่ะ

SWOT Analysis คืออะไร

SWOT คือเครื่องมือหรือ Framework ที่ใช้สำหรับพัฒนาธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และช่วยให้ธุรกิจวางกลยุทธ์ โดย SWOT จะใช้ข้อมูลทั้งสภาพแวดล้อมจากภายในและภายนอก เพื่อนำมาวิเคราะห์

SWOT Analysis จะประกอบด้วยทั้ง 4 อย่าง คือ

• S – Strengths จุดแข็ง
• W – Weaknesses จุดอ่อน
• O – Opportunities โอกาส
• T – Threats อุปสรรค

ซึ่งเรียงตามชื่อ SWOT เลยค่ะ จำไม่ยากใช่ไหมคะ ทีนี้เราจะมาเจาะลึกกันดีกว่าค่ะ อย่างที่บอกไว้ กลยุทธ์ SWOT นั้นจะใช้ทั้งสภาพแวดล้อมจากภายในและภายนอกของธุรกิจมาวิเคราะห์ ซึ่งสิ่งเหล่าคืออะไร ผู้เขียนจะขออธิบายให้ฟังต่อไปดังนี้ค่ะ

แต่เดิมแล้วเวลาเราจะวิเคราะห์ SWOT เราจะใช้หลักการประมาณนี้ในการวิเคราะห์ค่ะ

S – Strengths จุดแข็ง 

• เราสามารถทำอะไรได้ดีบ้าง เช่น การผลิต การขาย
• เรามีทรัพยากรอะไรบ้างในมือ
• ลูกค้าชอบอะไรในบริษัท สินค้า ธุรกิจของเรา
• อะไรคือจุดเด่นของธุรกิจเรา
• อะไรคือข้อได้เปรียบของธุรกิจเราค่ะ

W – Weaknesses จุดอ่อน

• สิ่งที่เราต้องพัฒนา คืออะไร
• เรายังขาดทรัพยากรไหน หรือ ทรัพยากรไหนเรายังต้องพึ่งคนอื่น
• ทำยังไงเราถึงจะสามารถสร้างข้อได้เปรียบคู่แข่งได้ค่ะ

และ O – Opportunities โอกาส กับ T – Threats อุปสรรค

• ดูจากเทรนด์ตลาดตอนนี้เป็นยังไงบ้าง 
• เศรษฐกิจส่งผลกระทบยังไงต่อเรา
• มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาหรือไม่ แล้วส่งผลยังไงต่อธุรกิจเราค่ะ

ซึ่งการวิเคราะห์แบบเดิม จะเป็นการคิดโดยที่เราคิดแบบไม่มีกรอบความคิดมากำหนด อาจทำให้เราสร้างอคติต่อธุรกิจของเราได้ค่ะ ทั้งด้านดีและไม่ดี ดังนั้นผู้เขียนจึงเสนอให้วิเคราะห์โดยนำกรอบแนวคิดเข้ามาช่วยค่ะ ซึ่งจะทำให้เราสามารถแยกได้ว่าอะไรบ้างที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของเราจริง ๆ ค่ะ โดยเริ่มจาก

สภาพแวดล้อมภายในธุรกิจ

สภาพแวดล้อมภายในธุรกิจ คือ สถานการณ์ของธุรกิจเราที่เราสามารถควบคุมได้ โดยปกติเราจะวิเคราะห์สภาพภายในจาก 4P’s คือ Product, Price, Place, Promotion เพราะสิ่งเหล่านี้เราเป็นคนกำหนดเองว่า เราจะขายอะไร ตั้งราคาเท่าไหร่ วางขายที่ไหน และ ทำการตลาดอย่างไง

หากเป็นธุรกิจใหญ่ขึ้นมาหน่อย เริ่มมีโครงสร้างพนักงาน การผลิตก็จะใช้ Value chain ที่กล่าวถึงโครงสร้าง การผลิต การขนส่ง ตลอดจนการทำงานหน้าร้าน มาวิเคราะห์ด้วย 

และเราสามารถวิเคราะห์ถึงความสามารถการแข่งขันในธุรกิจ โดยนำ five force model เพื่อวิเคราะห์ อำนาจต่อรองกับลูกค้า และ อำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ มาใช้วิเคราะห์เพิ่มเติมได้เช่นกันค่ะ 

สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวว่าล้วนของสภาพแวดล้อมภายใน โดยเราจะใช้วิเคราะห์ในส่วนของ S – Strengths จุดแข็งและW – Weaknesses จุดอ่อนของธุรกิจเรา และนอกเหนือที่กล่าวมาเราสามารถวิเคราะห์เพิ่มเติมจาก งบการเงินของธุรกิจได้เช่นกันค่ะ

สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจ

สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจ คือ สถานการณ์ของธุรกิจเราที่เราไม่สามารถควบคุมได้ค่ะ โดยเราจะวิเคราะห์สภาพภายนอกจาก PEST คือ Political นโยบายของรัฐบาล Economic สภาวะของเศรษฐกิจ Social ประชากรศาสตร์ รวมไปถึงวัฒนธรรม ความเชื่อกรอบสังคม Technological เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น 

หรือบางครั้งเราจะเห็นคนใช้ PESTEL ซึ่งตัวที่เพิ่มมา คือ ตัว E และ Lซึ่งทั้งสองตัวเป็นการขยายความออกมาจาก Political นโยบายของรัฐบาล เพราะบางครั้งหากเราวิเคราะห์มุมกว้างไปอาจทำให้ตกหล่นบ้างบางประเด็นค่ะ 

จึงแยกออกมาเป็น E หมายถึง Environment สภาพแวดล้อม ซึ่งหมายถึงทั้งในแง่สภาพอากาศที่อาจส่งต่อวัตถุดิบของเรา หรือ นโยบายสิ่งแวดล้อมก็ได้ค่ะ และ L หมายถึง Legal กฎหมายที่ส่งผลต่อธุรกิจเราโดยตรง เช่น ถ้าเราทำธุรกิจเครื่องสำอาง ธุรกิจน้ำหอม อาจต้องมีกฎหมายที่ควบคุมด้วยเฉพาะค่ะ

ซึ่งตัว PEST จะเป็นสภาพแวดล้อมภายนอกที่อยู่ในระดับมหภาค ดังนั้นเราอาจต้องตีกรอบลงมาเพิ่มโดยวิเคราะห์ถึงความสามารถการแข่งขันในธุรกิจ โดยนำ five force model เพื่อวิเคราะห์ สินค้าทดแทน การเข้ามาของผู้แข่งขันรายใหม่ และการแข่งขันในอุตสาหกรรม มาใช้วิเคราะห์เพิ่มเติมได้เช่นกันค่ะ 

และนอกเหนือที่กล่าวมาเราสามารถวิเคราะห์เพิ่มเติมจาก Market Shares หรือ ส่วนแบ่งการตลาดของเรา Market size  ขนาดของตลาดที่อยู่ รวมไปถึง Market Trends การเติบโตของตลาด ได้ด้วยเช่นกันค่ะ

วิเคราะห์ SWOT แล้วทำยังไงต่อ

หลังจากวิเคราะห์เสร็จแล้ว เราจะเริ่มมองเห็นภาพรวมของธุรกิจค่ะ เราก็จะรู้แล้วว่าเราจะสามารถแก้ไข หรือ สร้างจุดไหนให้ดีขึ้น หรือ ที่เราชอบพูกันว่า เพิ่มจุดแข็ง ลดจุดอ่อน คว้าโอกาส และ ระวังอุปสรรคค่ะ 

รวมทั้งนำมาวางกลยุทธ์ธุรกิจ หรือ นำมาอัพเดทแผนธุรกิจที่เราวางไว้ และยังช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่าตวรออกสินค้าใหม่ ๆ หรือไม่ นอกจากนั้นธุรกิจสามารถ นำ กลยุทธ์ SWOT ที่วิเคราะห์แล้วมาทำ TOWS Matrix ต่อได้ด้วยค่ะ

SWOT สู่ TOWS Matrix

TOWS Matrix คือการนำ กลยุทธ์ SWOT ที่วิเคราะห์แล้วมาต่อยอด เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ต่าง ๆ โดยการกลยุทธ์ภายในที่เราสามารถควบคุมได้ คือ S และ W จับคู่กับสิ่งภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ คือ O กับ T ดังนี้

SO จุดแข็งกับจุดอ่อน เรียกว่า กลยุทธ์เชิงรุก 

โดยจะใช้จุดแข็งที่เรามี ร่วมกับโอกาสที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างข้อได้เปรียบและสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด เช่น สินค้าเราสามารถเข้ากับประชากรเจนใหม่ที่กำลังเติบโต (O) เพราะเรามีสินค้าหลากหลายตอบโจทย์ทุกกลุ่ม (W)  

ST จุดแข็งกับอุปสรรค เรียกว่า กลยุทธ์เชิงป้องกัน

ป้องกันอุปสรรคที่เกิดขึ้นโดยใช้จุดแข็งของเรา เพื่อรักษาความสร้างได้ทางการแข่งขัน เช่น การขาดแคลนของวัตถุดิบ (T) ไม่ส่งผลกระทบต่อเรา เพราะเราสามารมีอำนาจต่อรองกับลูกค้ามากกว่า (S) ทำให้สามารถขายสินค้าอื่นทดแทนได้

WO จุดอ่อนกับโอกาส เรียกว่า กลยุทธ์เชิงแก้ไข

นำโอกาสที่เข้ามาเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของเรา เช่น รัฐบาลออกนโยบายช่วยเหลือ SMEs ลดภาษีน้ำตาล (O) ทำให้จากเดิม เรามีต้นทุนจากผลิตที่สูง (W) ต้นทุนก็จะลดลง หรือ การมาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เครื่องจักรทันสมัยมากขึ้น (O) จากเดิมที่ผลิตได้น้อย (W) ทำให้เราสามารถ เพิ่มกำลังการผลิตได้

WT จุดอ่อนกับอุปสรรค เรียกว่า กลยุทธ์เชิงรับ

เป็นการตั้งรับเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจเรา เช่น สภาพอากาศแล้งทำให้วัตถุดิบขาดแคลน (T) ส่งผลให้แต่เดิมต้นทุนการผลิตของเราสูงอยู่แล้ว (W) อาจสูงไปอีก เราอาจต้องกลับมาดูว่าเราจะรับมือยังไงได้บ้าง หาวัตถุดิบทดแทน หรือ ลดปริมาณการผลิตลง แล้วไปผลิตตัวที่ต้นทุนไม่สูงเท่า

ทุกท่านจะเห็นในแต่ละกลยุทธ์ เราไม่จำเป็นต้องเลือกใช้แค่กลยุทธ์ใด กลยุทธ์หนึ่งก็ได้

แต่เราสามารถผสมผสานกลยุทธ์เหล่านั้นเข้าด้วยกัน
เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

เพื่อเป็นผู้นำตลาด และสร้างกำไรให้ธุรกิจได้นั่นเองค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะ กลยุทธ์ SWOT Analysis วิเคราะห์ธุรกิจของเราเพื่อเป็นผู้นำตลาด ที่ผู้เขียนนำมาฝาก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านะคะ  สนใจอยากอ่านบทความด้านการตลาดแบบนี้อีก ผู้เขียนฝากติดตามด้วยนะคะ หรือ ถ้าใครอยากให้ผู้เขียนนำมุมมองการตลาดแบบไหนมาเล่าให้ฟัง คอมเมนต์บอกได้เลยนะคะ 

สำหรับนักอ่านที่ชอบ และ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารด้านการตลาดต่าง ๆ สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ

Source Source Source  Source Source Source  Source Source  Source