Personal Branding Photography คืออะไร พร้อม 4 แบรนด์ไทยที่ใช้รูปปัง
สวัสดีค่านักการตลาดและผู้อ่านทุกคน วันนี้จะพามารู้จักกันว่า Personal Branding Photography คืออะไร มันมีประโยชน์และสำคัญกับการทำแบรนด์เรายังไง
รวมถึงแชร์ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่สื่อสารแบรนด์ผ่านรูปภาพได้อย่างชัดเจน เผื่อเป็นไอเดียให้กับทุกคนที่กำลังสร้างแบรนด์อยู่ค่า ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยยย
Personal Branding Photography คืออะไร?
คือการถ่ายภาพที่แสดงถึงบุคลิกของแบรนด์เรา นำองค์ประกอบต่าง ๆ ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีสัน การแต่งกาย Mood & Tone ของภาพ ที่สื่อถึงบุคลิกที่เป็นแสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ มารวมกันในภาพถ่ายนั่นเอง
การมี Personal Branding คือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น ๆ เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์และน่าสนใจ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่มีแต่เราเท่านั้นที่สร้างให้กับลูกค้าได้ เขาไม่สามารถหาได้จากที่อื่น
ดังนั้นภาพที่ดี ก็เหมือนเป็น First Impression ที่มีส่วนช่วยสร้างความประทับใจแรกได้ เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนเวลาที่เขาเลื่อนดู Instagram แล้วอาจจะหยุดที่เราก็เป็นได้ค่ะ
ซึ่งภาพเหล่านั้นควรมีความโดดเด่นและถ่ายทอดเอกลักษณ์ที่เราต้องการสื่อให้ลูกค้ารับรู้ได้ และควรตรงกับ Mood & Tone ของความเป็นแบรนด์ รวมถึงเว็บไซต์และการออกแบบกราฟิกก็ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันค่ะ
นำมาใช้ในส่วนไหนของแบรนด์ของเราได้บ้าง?
รูปภาพของเราสามารถใช้กับทุกสิ่งเลยค่ะ ตั้งแต่นามบัตรไปจนถึงเว็บไซต์ และสามารถลงใน Instagram ของเราหรือใช้ในโฆษณาและแบนเนอร์ก็ได้เช่นกัน
หากเป็น Personal Branding ในตลาดปัจจุบัน แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของตัวบุคคลก็คือชื่อเสียงและความประทับใจของแบรนด์เช่นเดียวกัน
ดังนั้นเวลาถ่ายภาพ ให้คิดถึงสไตล์และอารมณ์ที่ต้องการจะสื่อผ่านภาพถ่าย คำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งสีของแบรนด์ การแต่งตัว อารมณ์ของภาพ ให้มีความสอดคล้องกับความเป็นแบรนด์ของเรา
แล้วภาพถ่ายที่ดี มีประโยชน์กับแบรนด์ยังไง?
1. First impressions count สร้างความประทับใจแรก
ภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ เป็นเหมือนการสร้าง First Impression ที่สำคัญ หรือคือการสร้างความประทับใจแรกพบนั่นเอง
ต่อให้จะไม่ได้เจอตัวจริง แต่ภาพถ่ายก็สื่อสารอารมณ์ความรู้สึกได้ ทำให้คนรู้สึกถึงความสามารถ ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าได้ด้วยว่าอยากจะเข้าหาแบรนด์ของเราหรือไม่
ดังนั้นภาพที่ดีควรบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ในแบบที่เราต้องการจะเล่าให้ลูกค้ารับรู้ให้ได้ แสดงบุคลิกภาพและถ่ายทอดออกมาให้มีความมืออาชีพค่ะ
2. Show your personality โชว์บุคลิกผ่านภาพถ่าย
พยายามแสดงถึงบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของเราออกมาผ่านภาพให้ได้มากที่สุด เช่น ถ้า Personal Branding เรามีความเข้าถึงง่าย สนุกสนาน ภาพถ่ายก็ควรจะสอดคล้องกันคือยิ้มแย้มและมีอินเนอร์ที่สดใสนั่นเองค่ะ เพื่อให้ Mood & Tone เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยภาพถ่ายเราก็สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายช่องทางด้วย ทั่วทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และการทำการตลาดในส่วนต่าง ๆ
3. Builds trust and credibility สร้างความน่าเชื่อถือ
ภาพถ่ายที่ดีจะสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือ ผ่านการใส่เอกลักษณ์ของเราและเรื่องราวที่จริงใจของแบรนด์ให้ลูกค้าเห็น ซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนว่าพวกเค้ารู้จักและไว้วางใจเรามากขึ้น อย่างเช่นหากเราเป็นคุณหมอ ที่ทำช่องให้ความรู้เกี่ยวกับด้านการแพทย์ให้คนทั่วไปเข้าใจง่ายขึ้น เราสามารถสื่อสารความน่าเชื่อถือผ่านสัญลักษณ์ในภาพได้ อย่างการใส่เสื้อกาวน์ถ่ายภาพโปรไฟล์ เป็นต้น
4. Creates a connection with your clients ช่วยเชื่อมต่อกับลูกค้า
แน่นอนว่าการมีภาพถ่ายที่ดีและสอดคล้องกับความเป็นแบรนด์ จะสามารถแสดงบุคลิกภาพที่โดดเด่นออกมาจากคู่แข่ง และทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่กระตุ้นให้ผู้ติดตามมีส่วนร่วมกับเราได้
กลับกันหากเป็นแบรนด์ที่ไม่มีรูปโปรไฟล์ให้เห็นว่าเป็นใคร ไม่เห็นว่าเจ้าของแบรนด์มีลักษณะยังไง คงรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนอยู่จริงและไม่น่าวางใจ ยิ่งถ้าหากเป็นธุรกิจที่ต้องการความไว้วางใจและน่าเชื่อถือจากลูกค้าเป็นหลัก หรือขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง จะยิ่งทำให้เสียลูกค้าไปได้ค่ะ
5. It’s more than just a headshot เป็นมากกว่าแค่ภาพถ่าย Headshot
แน่นอนว่ามันเป็นมากกว่าแค่ภาพถ่าย Headshot ทั่วไป แต่เราต้องใส่ใจในภาพลักษณ์ของ Personal Branding ที่อาจใส่ความสร้างสรรค์ลงไปและโชว์ออกมาผ่านภาพ เพราะมันต้องเป็นภาพที่สื่อสารความเป็นแบรนด์ออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การถ่าย ๆ ไปเท่านั้น เช่น ถ้าถ่ายรูปเล่น ๆ ทั่วไปเราจะโพสท่า ใส่ชุด หรือจัดองค์ประกอบยังไงก็ได้ตามใจ แต่การถ่ายเพื่อนำไปใช้ในแบรนด์ควรจะคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ มากกว่านั้น ทั้งการแต่งกาย สีหน้าท่าทาง รวมถึงพร็อพต่าง ๆ ในภาพ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันค่ะ
แชร์ 4 ตัวอย่างแบรนด์ไทย ที่สื่อสารผ่านการถ่ายภาพได้อย่างชัดเจน
อธิบายเฉย ๆ ก็กลัวทุกคนจะยังไม่เห็นภาพ ดังนั้นเราจึงหยิบตัวอย่าง 4 Personal Branding ในแพลตฟอร์ม TikTok มาเป็นตัวอย่างให้ทุกคนได้ดูกันค่า ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังการใช้รูปถ่าย รูปโปรไฟล์ หรือ Mood & Tone ต่าง ๆ ในภาพ ไม่ใช่ว่าถ่ายไปเฉย ๆ จะใช้ภาพอะไรก็ได้ จะโพสยังไงก็ได้ แต่เขาสะท้อนความเป็นแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจนยังไงกันบ้าง ตามมาดูกันเลยค่า
คุณหมอกลาง หอสมุดแห่งชาติ
พี่หมอกลาง เป็น 1 ในช่องคุณหมอใน TikTok ที่ชอบมาเล่าแชร์สาระความรู้ดี ๆ ทั้งในเรื่องการแพทย์ และการดูแลตัวเองต่าง ๆ ใครที่เคยดูคลิปหรือขึ้นฟีดบ่อย ๆ จะรู้เลยว่าพี่หมอกลางมีความอ่อนโยนนุ้บนิ้บมาก ซึ่งภาพถ่ายที่พี่หมอกลางใช้เป็นรูปโปรไฟล์ เรียกได้ว่าสอดคล้องกับบุคลิกความเป็นมิตร อ่อนโยน ยิ้มแย้ม เข้าถึงง่าย ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ และยังเข้ากับสไตล์การเล่าเรื่อง และบุคลิกการพูดของหมอกลาง ที่มีความอ่อนน้อมได้เป็นอย่างดี
ลองนึกภาพถ้าหมอใช้รูปที่ตัวเองใส่ผ้ากันเปื้อนก็อาจจะงง ๆ ไม่มีใครกล้ามาขอคำปรึกษาใช่ไหมคะ แต่พี่หมอกลางของเรา ถ่ายรูปใส่เสื้อกาวน์ แสดงให้เห็นชัดเจนโดยยังไม่ต้องเข้ามารู้จักหรือดูคลิปด้วยซ้ำก็สามารถรับรู้ได้ว่าทำอาชีพหมอ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือตั้งแต่แรกเห็น สร้างความน่าไว้วางใจผ่านองค์ประกอบในรูปภาพได้เป็นอย่างดี
BIRD Eye view
BIRD Eye view เป็นอีกหนึ่งช่องดูดวงที่ดังมาก ๆ ทั้งใน Youtube และแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ โดยบุคลิกของแม่หมอจะมีความน่าเชื่อถือ มีเสน่ห์ พูดฉะฉาน มั่นใจ แต่ยังมีความเป็นกันเองที่เข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัยอยู่
ซึ่งการใช้ภาพถ่ายรูปโปรไฟล์ของช่อง BIRD Eye view จะสังเกตเห็นได้ว่าเป็นภาพถ่ายสะท้อนในกระจก สื่อถึงความลึกลับ น่าค้นหา น่าเชื่อถือ ซึ่งเข้ากับ Mood & Tone ของการดูดวง การทำนายอนาคต ซึ่งสื่อสารออกมาผ่านภาพถ่ายได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของการแต่งกาย แม่หมอยังคงใส่เสื้อผ้าชุดที่มีความชิล เข้าถึงง่าย แต่เป็นเสื้อสีดำที่สะท้อนถึงความลึกลับน่าค้นหาเช่นกัน และดีเทลเครื่องประดับอย่างสร้อยคอที่เป็นเหมือนเครื่องราง อีกทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่สื่อออกมาผ่านสีหน้าแววตาที่มั่นใจอีกด้วย เรียกได้ว่าทุกองค์ประกอบสอดคล้องและส่งเสริมกันได้เข้ากับบุคลิกของแบรนด์ได้อย่างลงตัว
กินกับกี้
มาถึงวงการสายกิน ถูกใจเด็กอ้วนแบบเรา ๆ คือช่องกินกับกี้นั่นเองค่ะ ที่จะมากินโชว์ ชวนคนดูหิวยามดึก และแน่นอนว่าช่องกินโชว์ ถ้าในภาพโปรไฟล์ไม่มีอาหารก็คงจะรู้สึกขาดอะไรไปใช่ไหมคะ แต่ช่องกินกับกี้ ภาพถ่ายโปรไฟล์มีครบทุกองค์ประกอบมากค่ะ ทั้งอาหาร และถ้วยน้ำจิ้มที่ใส่แก้วซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของช่องนี้มากกก
และหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสที่มีความสุขกับการกิน>< รวมถึงมีข้อความใส่เพิ่มเข้ามาด้วย “กินกับกี้ อร่อยทุกอย่าง… เพราะไม่อร่อยเราไม่กิน” เรียกได้ว่าสื่อสารความเป็น Personal Brand ได้ชัดเจนทั้งภาพและการใช้คำเลยค่า
this is bebe
สำหรับวงการออกกำลังกาย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เบเบ้ของเรา ทุกคนลองคิดภาพถ้าเป็นช่องออกกำลังกาย แต่ใช้ภาพถ่ายโปรไฟล์เป็นรูปกินอาหารหรือภาพคนนอนหลับอยู่ก็คงจะไม่ใช่
อย่างพี่เบเบ้ของเราใช้ภาพโปรไฟล์ที่ชัดเจนสุด ๆ เป็นท่าทางที่กำลังออกกำลังกาย รวมถึงการใช้สีด้วยนะคะ สีส้มก็เป็นสีที่ให้ความรู้สึกถึงความกระตือรือร้น มีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า พร้อมสู้กับการออกกำลังกาย!
รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกและท่าทางที่พี่เบเบ้สื่อออกมา สะท้อนถึงความมั่นใจ และมุ่งมั่นในการทำตามเป้าหมายนั่นเอง
อย่างที่พี่เบเบ้ขายอุปกรณ์ในการออกกำลังกาย บอกเลยว่าขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แม้ซื้อมาจะได้ใช้ฟิตออกกำลังกายเหมือนพี่เบเบ้ไหมไม่รู้ แต่เพียงแค่มีคำว่า bebe อยู่บนสินค้าทุกชิ้น เหล่าแฟนคลับก็พร้อมซื้อแล้วค่า เรียกได้ว่ามี Personal Branding ที่แข็งแกร่งสุด ๆ
สรุป Personal Branding Photography
เป็นยังไงกันบ้างคะกับความรู้ดี ๆ ที่นำมาฝากกันในบทความนี้ หวังว่าอ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนจะได้รู้กันแล้วว่าการถ่ายภาพก็มีบทบาทสำคัญกับแบรนด์ของเราเหมือนกัน โดยเฉพาะกับ Personal Branding ที่บุคลิกและภาพลักษณ์ของตัวบุคคลค่อนข้างจะผูกติดและมีผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์มาก ๆ เช่นเดียวกัน
ดังนั้นหากใครกำลังสร้างแบรนด์ของตัวเองอยู่ สามารถนำไอเดียดี ๆ ไปปรับใช้หรือต่อยอดให้ธุรกิจตัวเองกันได้ค่า อาจจะลองกลับมาดูการใช้ภาพโปรไฟล์หรือองค์ประกอบในภาพถ่ายต่าง ๆ ที่เราเคยใช้หรือเคยทำกันสักนิดนึงว่ามันสอดคล้องหรือตอบโจทย์ที่จะสามารถสื่อถึงความเป็นแบรนด์เราได้มากเพียงพอหรือยัง
และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอน ที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram TwitterYoutube และ Blockdit ได้เลยค่า
