Instagram History : ถอดรหัสความสำเร็จ แอปถ่ายภาพยอดฮิตติดอันดับโลก
Marketing History วันนี้ขอเสนอตอน “Instagram History : ถอดรหัสความสำเร็จ แอปถ่ายภาพยอดฮิตติดอันดับโลก” ทำความรู้จักกับ “Instagram” Social Media Platform ที่มีผู้เข้าถึงกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือน จุดเริ่มต้น คือ อะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมถึงประสบความสำเร็จได้ วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ
“Instagram” คือ Social Media Platform และบริการเครือข่ายสังคมสำหรับแชร์รูปภาพ และวิดีโอ เปิดตัวในปี 2010 โดย Kevin Systrom นักศึกษาจบใหม่จาก Stanford University อายุ 27 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาทำ Instagram นั้น เขาทำงานที่ Nextstop บริษัทที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาก่อน
ถึงแม้ Systrom จะไม่มีประสบการณ์ในสายงานโปรแกรมเมอร์ แต่เขาก็ใช้เวลาในช่วงค่ำ และวันหยุดในการเรียนรู้การเขียนโค้ดแทน จนในที่สุดโปรโตไทป์ของแอปพลิเคชัน “Burbn” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถเช็กอิน, โพสต์แพลน, และแชร์รูปภาพได้ ซึ่งชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวิสกี้ และเหล้า Bourbon ที่ Systrom ชื่นชอบ แอป Burbn นั่นเปิดตัวท่ามกลางหลาย ๆ แอปที่ให้บริการเช็กอินคล้ายกัน แต่ความสามารถในการแชร์รูปภาพของ Burbn นั้นเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ณ เวลานั้น
เรื่องว้าว ๆ ของเจ้า Instagram
- ชื่อเก่าของ Instagram คือ “Burbn” ซี่งได้แรงบันดาลใจมาจากวิสกี้ และเหล้า Bourbon ที่ Systrom ชื่นชอบ
- ใช้เวลาพัฒนาเพียง 8 สัปดาห์เท่านั้น
- เปิดให้ดาวน์โหลดทาง App Store เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2010
- โดยวันแรกที่เปิดตัว มีผู้ใช้งานมากถึง 25,000 คน
- โพสต์แรกบน Instagram คือ ภาพถ่าย “South Beach Harbor” ที่ Pier 38 โพสต์โดย Mike Krieger เมื่อเวลา 17.26 น. เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2010
- ปัจจุบันมียอดการเข้าถึงของผู้ใช้งานอยู่ที่ 2 พันล้านราย/เดือน เป็นอันดับ 4 ของ Social Media Platform ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด รองจาก Facebook, Youtube, และ WhatsApp
- Instagram เป็นที่นิยมมากที่สุดในอินเดีย โดยมียอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 358.55 ล้านคน รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา (158.45 ล้านคน), บราซิล (122.9 ล้านคน), และอินโดนีเซีย (104.8 ล้านคน)
- ผู้คนใช้เวลาบน Instagram โดยเฉลี่ยวันละ 29.7 นาที
Instagram History ที่เริ่มต้นจาก Foursquare
Krieger และ Systrom ตระหนักได้ว่าแนวคิดของพวกเขานั้นคล้ายคลึงกับ “Foursquare” แอปพลิเคชันสำหรับแชร์สถานที่โดยการเช็กอิน และโพสต์รูปภาพมากเกินไป นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้ Burbn มีแนวโน้มที่จะโพสต์รูปภาพมากกว่าเช็กกอินสถานที่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงช่วยกันยกเครื่อง Burbn ครั้งใหญ่ และเปลี่ยนชื่อเป็น “Instagram” ในเดือนตุลาคม โดยคำว่า “Instagram” นั้น มาจากการรวมคำว่า ‘Instant Camera’ และ ‘Telegram’ เข้าไว้ด้วยกัน
Instagram History : เงินทุนก้อนแรก
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2010 เมื่อ Systrom ได้มีโอกาสร่วมงานปาร์ตี้ของ Hunch สตาร์ทอัพใน Silicon Valley และได้ 2 นักลงทุนจาก Baseline Ventures และ Andreessen Horowitz มาร่วมลงทุน หลังจากดีลสำเร็จ Systrom ก็ลาออกจากงานมาทุ่มเทให้กับ Burbn ด้วยเงินทุนจำนวน 500,000 ดอลลาร์ดอลลาร์สหรัฐ
เพราะฟีเจอร์ที่ค่อนข้างซับซ้อน และใช้งานยาก Systrom จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้แอปของเขาเฟรนด์ลี่ต่อผู้ใช้งานมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับ UX และได้ว่าจ้าง Mike Krieger มาร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาว่าลูกค้าของเขาใช้ Burbn อย่างไร และจากการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ Systrom พบว่า “ผู้ใช้ไม่ได้ใช้ฟีเจอร์เช็กอินของ Burbn เลย สิ่งที่พวกเขาใช้ก็คือฟีเจอร์แชร์รูปของแอป“ พวกเขาโพสต์ และแชร์รูปไปเรื่อย ๆ
…”Systrom เผยว่า ถ้าเขาไม่ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเปลี่ยนอะไร สิ่งที่เขามักจะทำอย่างสม่ำเสมอก็คือ ”ฟังเสียงของผู้ใช้ และสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของพวกเขา”…
Pivot App – Burbn to Instagram
จากฟีเจอรที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ก็ถูกปรับให้เหลือเพียงฟีเจอร์ “ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ” ทั้งสองได้ศึกษาจากแอปพลิเคชันอื่นที่คล้ายกัน แล้วนำมาพัฒนา Burbn ต่อ ซึ่งในตอนนั้น “Hipstamatic” กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ด้วยฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพ และใส่ฟิลเตอร์ได้ แต่ Hipstamatic ยังขาดความเป็น Social Media-sharing Systrom และ Krieger มองเห็นความเป็นไปได้ตรงจุดนี้ จึงพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่าง Hipstamatic และ Facebook (ปัจจุบันคือ Meta) ขึ้นมา โดยเพิ่มฟังก์ชัน ให้ผู้ใช้สามารถกดไลก์ และคอมเมนต์ได้
การเปิดตัวครั้งแรกในชื่อ “Instagram”
ในวันที่ 6 ตุลาคม 2010 Instagram ได้เปิดให้ดาวน์โหลดครั้งแรกบน App Store ของ Apple แค่วันแรกก็มียอดผู้ใช้งานไปแล้ว 25,000 คน และในกลางเดือนธันวาคมก็มีผู้ใช้งานครบ 1,000,000 คน ความโชคดีของ Instagram คือก่อนหน้านั้น 4 เดือน Apple ได้เปิดตัว iPhone 4 ที่มาพร้อมกับกล้องคุณภาพสูง ทำให้ Instagram เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าออกตัวแรงวิ่งแซงแอปอื่นมาตั้งแต่เปิดตัวเลยค่ะ
Instagram History : ระดมทุน Serie A
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ใช้ Instagram ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่บริษัทผู้ให้บริการ Social Media Platform ระดับโลกอย่าง Twitter และ Facebook
Jack Dorsey ผู้ก่อตั้งทวิต Twitter พยายามที่จะซื้อ Instagram โดยเสนอมูลค่าหุ้นไว้ที่ประมาณ 500,000,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ แต่ Systrom ก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้นไป จนในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 Instagram ได้ระดมทุนในรอบ Series A มูลค่า 7 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยมี Benchmark Capital เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุน มูลค่าของ Instagram ในขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
Instagram History : Facebook รุกหน้าซื้อ Instagram
เมษายน 2012, Facebook ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อ Instagram ที่ราคา 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ Instagram จะยังคงดำเนินการต่อไปได้อย่างอิสระ และเมื่อไม่นานก่อนที่จะเปิดตัวสู่ตลาดหุ้น (IPO) Facebook ก็ได้เข้าซื้อ Instagram เป็นที่เรียบร้อย ปิดดีลที่ราคา 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ชำระด้วยหุ้น และเงินสด
Instagram ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของ Facebook ในการแตกไลน์ฟีเจอร์ต่าง ๆ ออกมา ซึ่งผู้เขียนจะสรุปให้เพื่อน ๆ อ่านได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
- มิถุนายน 2013 : เปิดตัวฟังก์ชันโพสต์ และแชร์วิดีโอ
- ธันวาคม 2013 : เปิดตัว Instagram Direct ฟังก์ชันการส่งข้อความส่วนตัว (เรียกย่อ ๆ ว่า “DM”)
- พฤศจิกายน 2016 : เปิดตัว Instagram Live ฟังก์ชัน Live Streaming ที่ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดกิจกรรม เพลง หรือแม้แต่การอัปเดตชีวิตให้กับผู้ติดตามได้แบบเรียลไทม์
ซึ่งการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ทำให้ตัวแอปเป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการตลาดให้กับ Instagram อีกด้วย
Instagram History : ปล่อยฟีเจอร์ใหม่
ในเวอร์ชันแรกของ Instagram รูปภาพของผู้ใช้จะถูกบังคับให้แสดงผลแบบ Square (1:1) เท่านั้น ซึ่งจะเท่ากับความกว้าง 640 pc ของ iPhone 4 ในปี 2010 และในปี 2015 ก็ได้อับเดตให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพที่ใหญ่ขึ้นได้สูงสุดถึง 1080 px แบะเพิ่มคุณสมบัติอื่น ๆ เข้ามาอีก ไม่ว่าจะเป็น
- แก้ไขสื่อที่อัปโหลดด้วยฟิลเตอร์ได้
- จัดระเบียบด้วยข้อมูลตำแหน่ง และแฮชแท็ก
- ตั้งโปรไฟล์เป็น Public หรือ Private
ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน Instagram ยังได้เพิ่มฟีเจอร์การส่งข้อความ และอัปเดตให้ผู้ใช้สามารถลงรูป หรือวิดีโอหลายรายการได้ในโพสต์เดียวกัน หนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “Instagram Stories“ ที่ให้ผู้ใช้สามารถโพสต์รูปภาพ และวิดีโอไปยังฟีดเนื้อหาที่แยกต่างหากภายในแอปได้ แต่โพสต์ประเภทนี้จะปรากฏบน Instagram แค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้ Instagram ประสบความสำเร็จ
- ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์การกดไลก์, การแชร์, และการแสดงความคิดเห็น : นำไปสู่การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ จนเกิดการบอกต่อกันแบบปากต่อปากในระดับที่แข็งแกร่ง
- มี UI และ UX ที่ง่ายต่อการใช้งาน : UI และ UX ของ Instagram นั้นถูกวิจัยพัฒนามาจากการศึกษา ทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้อย่างใกล้ชิด
- เปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม : เพราะ 4 เดือนก่อนหน้าที่ Instagram จะเปิดตัวนั้น Apple ก็ได้เปิดตัว Iphone 4 ที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูง ความลงตัวของเหตุการณ์นี้ทำให้ Instagram เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
- การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง : ทำให้ Instagram ครองใจผู้ใช้มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ และการปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละยุคสมัย
- แชร์เนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มอื่นได้ : ทำให้เกิด Viral Effect ดึงดูดผู้ใช้ใหม่ ๆ ให้เข้ามาใช้ Instagram มากขึ้น
- การบอกต่อของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม : ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โอกาสที่ผู้ใช้เหล่านั้นจะเชิญเพื่อน และครอบครัวให้เข้าร่วม Instagram นั้นสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยายของฐานผู้ใช้เพิ่มเติม เสริมความแข็งแกร่งให้กับประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม
โดยสรุป เติบโตในระยะเริ่มแรกของ Instagram นั้นสามารถเชื่อมโยงได้กับ Product-Led Flywheel Growth Model – โมเดลที่โฟกัสในเรื่องของการสร้างโปรดักต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ, การได้มาซึ่งผู้ใช้รายใหม่, User Engagement, การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย, และการสร้างรายได้จากฐานผู้ใช้ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เองที่ทำให้ Instagram ประสบความสำเร็จ
โดย Instagram Trend Talk 2024 เผยว่าในปี 2024 จะมุ่งเน้นไปที่การเจาะตลาด Gen Z โดยร่วมกับ WGSN ทำแบบสำรวจเทรนด์ของ Gen Z ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, บราซิล, อินเดีย, และเกาหลีใต้ โดยแบบสำรวจนั้น จะถามเกี่ยวกับประเด็น, ปัญหา, เทรนด์ที่สำคัญต่อ Gen Z รวมไปถึงสิ่งที่คาดหวังว่าจะได้เห็นบนแพลตฟอร์มในปี 2024 เพื่อนำไปพัฒนา และปรับใช้แพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้คนในปี 2024 มากยิ่งขึ้น
อัปเดตความรู้ เพิ่มอาหารสมอง ตามไปอ่านบทความอื่น ๆ กันต่อได้เลยที่!