เรียนรู้การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ด้วยหลัก Personal Branding 5c

เรียนรู้การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ด้วยหลัก Personal Branding 5c

สวัสดีนักการตลาดและนักอ่านทุกคนค่า จากบทความก่อน ๆ ได้พาทุกคนไปรู้จักกันแล้วว่า Personal Branding คืออะไร มีประโยชน์ยังไง และตัวอย่างดี ๆ จากแบรนด์ต่าง ๆ ในวันนี้จะพามาดูหลัก Personal Branding 5c ว่ามีอะไรสำคัญและน่าสนใจ ให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กันได้บ้าง ไม่รอช้ามาดูกันเลยค่า

#1 Clarity เริ่มต้นด้วยความชัดเจน

ในส่วนของ C แรก Clarity คือ เมื่อเราสร้าง Personal Branding ขึ้นมานั้น จะต้องมีความชัดเจน โดยอาจเริ่มจากการพิจารณาดูว่า คุณค่าหลักของสิ่งที่เราทำคืออะไร และกลุ่มเป้าหมาย ของเราให้บริการใครเป็นหลัก หรือเราต้องการจะแก้ไขปัญหาอะไรให้กับใคร เพราะหากไม่มีความชัดเจนในสิ่งที่ทำ ก็จะทำให้เราไม่สามารถสื่อสารออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับในอุตสาหกรรมบริการ หากเราไม่มีความชัดเจนในสินค้าหรือบริการ ว่าเจาะกลุ่มเฉพาะสำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ผู้คนก็อาจจะไม่เข้าใจว่าเราเป็นใคร เว้นแต่จะนำเสนอตัวเองและสิ่งที่เราทำออกมาอย่างโดดเด่น

@diamondgrains

ตอบกลับ @sky56781 #ประวัติdiamondgrains (Part20/25) จุดเริ่มต้นธุรกิจกราโนล่า เกิดจาก “ความต้องการของลูกค้า” เป็นหลัก ❤️✨ #diamondgrains #fyp

♬ เสียงต้นฉบับ – DiamondGrains – Brunchtime Family

เช่น Diamond Grains แบรนด์อาหารและขนมเพื่อสุขภาพ ซึ่งพูดถึง Diamond Grains ทุกคนคงต้องนึกถึงคุณอูน ชนิสรา ที่มี Personal Branding ที่ชัดเจน 

เพราะความตั้งใจที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นแบรนด์ ว่าต้องการจะจับธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสุขภาพ และการใส่ใจ ให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า อยากให้คนกินสนุกและอร่อย แน่นอนว่าเมื่อชัดเจนในสิ่งที่ทำ ก็สามารถสื่อสารความเป็นแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจน จนปัจจุบันเรียกได้ว่าชื่อแบรนด์กลายเป็นเหมือนนามสกุลต่อท้ายไปซะแล้วอย่าง อูน Diamond Grains นั่นเองค่ะ

#2 Cohesive เชื่อมโยงกันทุกแพลตฟอร์มอย่างเหนียวแน่น

ต่อมาก็คือความ Cohesive ซึ่งการสื่อสารของเราจะต้องสอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะตั้งแต่เว็บไซต์ไปจนถึง Account โซเชียลมีเดียต่าง ๆ เปรียบเสมือนการมีกาวที่รวบรวมความเป็นเราทั้งหมดไว้ให้เชื่อมโยงถึงกัน

โดยตามหลัก Personal Branding 5c ในส่วนของ Cohesive นี้มีวิธีง่าย ๆ วิธีนึงที่เราสามารถสร้างความรู้สึกเหนียวแน่นและแข็งแกร่งให้กับ Personal Branding ของเราได้ คือการใช้รูปโปรไฟล์เดียวกันนั่นเองค่ะ เพราะการใช้รูปภาพเดียวกันจะแสดงถึงตัวตนเรา และเพื่อให้คนอื่นจำได้ง่าย มีความสอดคล้องกันในแต่ละแพลตฟอร์ม คนเห็นแว้บเดียวก็จดจำได้ในทันที

ตัวอย่างเช่น การตลาดวันละตอนของเราเอง ที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นภาพ Logo แม่ค้าใส่หมวกหันหลังในทุก ๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งทุกคนต้องจดจำแบรนด์ได้หรือคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดีแน่นอน

ไม่ใช่แค่การใช้รูปโปรไฟล์แต่รวมถึงภาษาในการสื่อสาร สี Mood & Tone ต่าง ๆ ต้องมีความไปด้วยกันในทุก ๆ ช่องทางการสื่อสารของเรา

และความสอดคล้องเชื่อมโยงแต่ละแพลตฟอร์มให้เหนียวแน่นแข็งแกร่งทั้งหมดนี้ ก็เพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเราไว้วางใจได้ เพราะหากในแต่ละแพลตฟอร์มเราไม่เชื่อมโยงกัน ไปคนละทิศคนละทาง คนอาจเกิดความสับสน และไม่น่าไว้วางใจ และถ้าหากไม่มีความไว้วางใจ ก็แน่นอนว่าผู้คนคงจะไม่กล้าซื้อสินค้าหรือบริการของเรา

#3 Consistency อย่าลืมเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ

Consistency นั้นคล้ายคลึงกับ Cohesive คือการต้องให้ภาพ ข้อความ หรือองค์ประกอบต่าง ๆ สอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์ม แต่นอกจากนั้นคือเราต้องปรากฏตัวอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ~ หรือหมายถึงการมีความเคลื่อนไหวในเพจหรือบัญชีโซเชียลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยทิ้งร้างนั่นเอง

เพราะเราคงไม่สามารถจะคาดหวังว่าแบรนด์ของเราจะเติบโตได้เพียงแค่ Active ไม่กี่นาทีเท่านั้น เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผู้คนก็คงยังไม่สามารถจะทำความรู้จักอะไรกับเราได้ ไม่ต้องพูดไปถึงให้คนมาชอบและเชื่อใจ หากเรายังไม่ปรากฏตัวหรือเคลื่อนไหวบนแพลตฟอร์มเป็นประจำ 

ถึงความสม่ำเสมออาจเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานาน แต่ให้ลองเริ่มต้นจัดลำดับความสำคัญของแพลตฟอร์มที่มีก่อน ว่าลูกค้าของเราอยู่ในแพลตฟอร์มไหนเป็นหลัก และค่อยมุ่งไปที่แพลตฟอร์มนั้น และหากไม่อยากให้โพสต์มากมายล้นหลามจนเกินไป ก็สามารถนำเนื้อหาไปใช้ใหม่ในแต่ละสัปดาห์

ตัวอย่างเช่น สิ่งที่โพสต์บน Instagram วันนี้ สามารถโพสต์บน Facebook ได้ในสัปดาห์หน้า เป็นต้น หรือทำการโพสต์ไปที่เว็บแล้วแชร์ลิงก์ไปบนหน้าโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างน้อยนั้นควรโพสต์สัปดาห์ละครั้ง และเนื้อหาควรมีความยาว 300 ถึง 900 คำเพื่อให้ Google มีโอกาสค้นพบมากที่สุด

#4 Content รักษาคุณภาพของคอนเทนต์

Content is Queen! หัวใจของ Personal Branding 5c คือ คอนเทนต์ของเราต้องมีเนื้อหาที่มีคุณค่า มีคุณภาพ และช่วยให้ลูกค้าเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเราทำอะไร แก้ปัญหาอะไร เพื่อใคร 

ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการถ่ายภาพ การจัดแสง ก็ควรทำให้ดูดีมีคุณภาพสูง เพื่อแสดงให้คนเห็นว่าเราใส่ใจในคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งก็จะสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ได้

@inggck

สกินแคร์ถูกและดีมีอยู่จริงไหม? นักเรียน นักศึกษาทั้งหลาย ไปดูกัน! #เรื่องผิว #รีวิวบิวตี้ #สกินแคร์3นาที #สกินแคร์

♬ original sound – Ing

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรามี Personal Branding ที่วางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง ก็ให้แบ่งปันความเชี่ยวชาญนั้นผ่านแต่ละคอนเทนต์ ตัวอย่างในคลิปคือคุณอิ๊ง พลิกหลังกล่อง ตัวตึงด้านการตีแผ่วงการส่วนผสมสกินแคร์ต่าง ๆ ที่คอยให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ทำให้คนที่มาดูได้ประโยชน์ ได้เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียก่อนตัดสินใจซื้อ จนวันนึงที่คุณอิ๊งหันมาทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง ย่อมแน่นอนว่าก็จะมีความน่าเชื่อถือมากตามไปด้วยนั่นเอง

เพียงแค่หาตัวตนของตัวเองให้เจอ ไม่ใช่แค่การต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือทำคอนเทนต์สาระความรู้เพียงอย่างเดียว ดูตามวัตถุประสงค์ว่าเราต้องการให้ความรู้ สร้างความบันเทิง หรือสร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ ให้กับผู้คน และเช็คให้แน่ใจว่าเนื้อหาคอนเทนต์ของเรามีคุณค่าตามวัตถุประสงค์ที่เราวางไว้ เพื่อสร้างรากฐานให้ลูกค้าหรือผู้ชมที่ผ่านมาเห็นเกิดความสนใจ ไว้วางใจ และมามีส่วนร่วมกับเราได้

#5 Community ร่วมแบ่งปันและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

มาถึง C ตัวสุดท้าย นั่นก็คือ Community ซึ่ง Personal Branding ของเราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จหากเราไม่มี Community ค่ะ 

เพราะ Community หรือชุมชนในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงชุมชนเพื่อนบ้านแต่อย่างใด แต่เป็น Online Community นั่นเอง เนื่องจากทุกวันนี้เราอาศัยอยู่ในโลกดิจิทัลที่การทำธุรกิจหรือการแนะนำบอกต่อกันส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านทางออนไลน์ การสร้าง Personal Branding ใน 4c แรกทั้งหมดที่ผ่านมา จะช่วยให้เราสร้าง Community ที่จะมีส่วนร่วมกับเรา ชอบเรา และไว้วางใจเราได้

ซึ่งคนใน Community ก็มักจะสนับสนุนกัน แบ่งปันความรู้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน ดังนั้นเราเองก็ควรจะใช้ความเก่งที่มี ในการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าและมีประโยชน์กับคนใน Community พร้อมมีกฎระเบียบในการดูแลปกป้องพวกเขาเป็นอย่างดี 

แสดงให้คนเห็นว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในกลุ่ม Community เฉพาะนี้ สื่อสารและมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่ดีได้ค่ะ

ตัวอย่างเช่น อย่างช่วงนี้ที่กำลังฮอตฮิตการถ่ายกล้องดิจิตอล ก็มีกลุ่มคนรักกล้องดิจิตอลคอมแพค ที่เป็น Online Community ใน Facebook ที่สร้างขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสำหรับให้คนรักกล้องดิจิตอลรุ่นเก่า ๆ ได้มาพูดคุยกัน รวมถึงขอความรู้และคำแนะนำต่าง ๆ กันได้อย่างอิสระ ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างมาก หลาย ๆ คนก็มาดูรีวิวและสอบถามก่อนจะไปหาซื้อรุ่นที่ตรงใจ

สรุป Personal Branding 5c สร้างแบรนด์ยังไงให้แข็งแกร่ง

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับหลัก Personal Branding 5c ที่ได้นำมาแชร์กันในบทความนี้ หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้กลับไปไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน จับจุดอย่างไร ผู้เขียนจะบอกในหลาย ๆ บทความเสมอว่าให้เริ่มจากการรู้จักตัวเองก่อนค่ะ ต้องมีความ Clarity ชัดเจนในสิ่งที่ต้องการจะทำ จะแก้ปัญหาอะไร เพื่อใคร

อย่าลืมเชื่อมโยงความเป็นแบรนด์ของเราให้สอดคล้องกันในทุก ๆ แพลตฟอร์มให้เหนียวแน่นแข็งแกร่ง โดยลูกค้าเราอยู่ที่ไหนเยอะก็มุ่งแพลตฟอร์มนั้นเป็นหลัก และใส่ใจกับคุณภาพของ Content ให้มีความเป็นมืออาชีพ สร้างความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ได้ รวมถึงการ Active เคลื่อนไหว มีส่วนร่วมกับผู้คนอย่างสม่ำเสมอ และให้ความสำคัญกับการแบ่งปันสิ่งดี ๆ พร้อมดูแลคนใน Community ของเราให้ดีค่ะ

และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอน ที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram Twitter Youtube และ Blockdit ได้เลยค่า

Source Source

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

Fern Panassaya

เฟิร์น Junior Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *