การตลาด Karava ผสาน Modern x Muketing สร้าง เป็นความ Mudern

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะได้ยินเกี่ยวกับการมูเตลูบ่อย ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องความเชื่อกับคนไทยถือว่าเป็นของคู่กัน บางคนก็ชอบการมูแบบดั้งเดิม แต่บางคนอยากมูแต่ก็ติดในเรื่องของรูปลักษณ์ที่อาจดูน่ากลัว หรือ ไม่เข้ากับสไตล์ของตัวเอง จึงเกิดแนวคิดการมูรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยขึ้น อย่าง การตลาด Karava ที่ทำ Mudren คือการนำความ Modern มาผสานกับความเชื่อเป็นรูปหล่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูทันสมัยและ Modern มากขึ้น

การมู หรือ Mutelu คืออะไร

ต้องบอกก่อนว่าเดิมแล้ว ไม่มีอะไรที่บอกแน่ชัดว่าคำว่ามูเตลูมาจากไหน แต่จากการสืบค้นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ มาจากภาพยนตร์สยองขวัญของทางอินโดนีเซีย ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า มูเตลู ศึกไสยศาสตร์ (Penangkal Ilmu Teluh) ค่ะ

โดยฉายครั้งแรกในปี 1979 เป็นเรื่องราวของผู้หญิง 2 คน ที่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน ทั้งคู่เลยต่างใช้มนตร์ดำต่าง ๆ รวมทั้งร่ายคาถาให้ชายหนุ่มคนนั้นมาหลงรัก โดยการท่องคาถามีคำว่า “มูเตลู มูเตลู” รวมอยู่ด้วยค่ะ

ต่อมาก็มีรายการ มูไนท์ (MOONIGHT) ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธา รวมไปทั้งเรื่องราวของพลังต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ จึงทำให้คำว่า มูเตลู หรือ การมู มีการพูดในเชิงบวกมากขึ้น และได้รับความนิยมขึ้นมาค่ะ

*ขอขอบคุณภาพจาก มติชนออนไลน์, มติชนสุดสัปดาห์, รายการมูไนท์*

ทำให้ความหมายในบริบทของปัจจุบัน มูเตลู เป็นคำที่คนไทยใช้อ้างอิงถึงความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโลกแห่งสิ่งลี้ลับ เหนือธรรมชาติ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมาค่ะ

ซึ่งอาจรวมถึง การบูชาผี บรรพบุรุษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ การทำพิธีไสยศาสตร์ การเรียกขวัญ หรือแม้แต่การทำนาย ดูไพ่จากหมอดู โดยมีจุดประสงค์เพื่อขอพร ความคุ้มครอง หรือเป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อสิ่งเหนือธรรมชาติค่ะ

เห็นอะไรมั้ยคะ แม้แต่การบูชา พิธีกรรมต่าง ๆ เรายังมีการเรียกเพื่อให้ดูเข้ากับยุคสมัย และเป็นเชิงบวกมากขึ้น ดังนั้นตัวของวัตถุมงคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์เองก็มีการนำมาปรับให้ดูเข้ากับยุคสมัยมากขึ้นค่ะ เพราะอย่างที่บอกไป จริง ๆ แล้วคนไทยกับเรื่องความเชื่อก็ยังเป็นของคู่กันอยู่ค่ะ

เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างในด้านของศาสนา และความเชื่อ มีความเคารพในความเชื่อของแต่ละบุคคล ทำให้ความเชื่อต่าง ๆ ก็ยังคู่กับคนไทยอยู่เสมอค่ะ

จนทำให้กระแสของการมูเตลูได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ จนในทางการตลาดเองก็มีการนำการมูมาใช้จนคล้ายเป็นคำว่า Muketing ที่รวมระหว่างคำว่า Mutelu และ Marketing เข้าด้วยกันค่ะ ซึ่งทาง Karava เอง ก็เล็งเห็นในจุดนี้ และทำให้รูปเคารพออกมาให้ดูทันสมัย Modern เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นด้วยค่ะ

#1 การตลาด Karava ใช้ความ Modern x Muketing

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Karava กันก่อนดีกว่าค่ะ แบรนด์ Karava อ่านว่า คาราวะ ซึ่งความหมายก็ตรงตัวซึ่งหมายถึงการเคารพบูชานั่นเองค่ะ เป็นการแสดงออกถึงการเคารพบูชาต่อองค์เทพที่เรากำลังบูชาอยู่ค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วแบรนด์ Karava เป็นแบรนด์ที่แตกออกจาก Harmen Store ที่นำวัตถุมงคลที่สวมใส่ในข้อมืออย่างสายสิญจ์ ตะกรุดมาทำให้ดูทันสมัยและน่าใส่มากขึ้นค่ะ

ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก จนกลายมาเป็น แบรนด์ Karava เพราะจากเดิม Harmen Store จะเป็นวัตถุมงคลที่พกติดตัว Karava เลยเป็นวัตถุมงคลที่เคารพบูชาภายในบ้าน ซึ่งตอนนี้หลัก ๆ ที่ทำออกมาจะ พระพิฆเนศ ปี่เซียะ ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อโสธร และ พญานาคราช ค่ะ

ถ้าเราดูจากรูปเคารพที่ทำออกมา เราจะเห็นถึงสไตล์ที่ทันสมัยมากขึ้น เรียกได้ว่าถ้าคุณซื้อบ้านที่เป็นสไตล์ Minimal Cozy พอนำรูปเคารพไปตั้งก็จะเขา้บ้านของคุณได้อย่างดีเลยค่ะ เพราะทางแบรนด์ Karava เขาคิดมาแล้วว่าดีไซน์ขององค์เทพ รวมไปทั้ง Mood and Tone ของแบรนด์ จะต้องคำนึงถึงสองอย่าง คือ ความสงบและพลัง

จึงออกมาเป็น Modern Polygon ซึ่งตัว Polygon เมื่อโดนแสงกระทบก็จะมีความสว่างทำให้องค์เทพดูสว่าง น่าเกรงขาม ดูมีพลังด้วยค่ะ ทาง Karava เองก็เข้าใจดีในเรื่องปัญหาของคนรุ่นใหม่ที่อยากมู แต่อยากได้ความสวยงาม ทันสมัยด้วย จึงเกิดเป็น การตลาด Karava ที่เราเห็นกันอยู่ค่ะ

#2 สร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นอกจากนั้นยังไม่พอค่ะ เราจะเห็นว่ารูปเคารพบูชาจะเป็น องค์ขนาดเล็กสำหรับตั้งในบ้าน แต่เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ทาง Karava ก็ทำ การตลาด Karava โดยการทำรูปเคารพขนาดใหญ่ออกมาตั้งใจกลางเมืองที่ Central World ค่ะ

โดยรูปเคารพที่เลือกไปตั้งก็คือ พระพิฆเนศปางเหนือดวง ซึ่งเป็นรูปเคารพแรกของแบรนด์ที่ปล่อยออกมาด้วยค่ะ โดยระหว่างทางขนไป ก็ขนส่งแบบเปิดทำให้คนเห็นถึงรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัยของรูปเคารพอีกด้วยค่ะ

เรียกว่าเป็นการสร้าง Awareness ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้ลูกค้าเดิมก็ได้เดินทางไปสักการะ ลูกค้าใหม่จะได้รู้จัก ซึ่งจะได้ทั้งลูกค้าสายมูที่ชื่นชอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การมูอยู่แล้ว และลูกค้าที่ชอบในความทันสมัย รูปลักษณ์ที่ดู Modern ก็จะได้นำไปตั้งให้เข้ากับตัวบ้านอีกด้วยค่ะ

#3 สร้าง Brand Image ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น การตลาด Karava ยังมีการสร้าง Brand Image ด้วยการนำ Influencer ดารานักแสดง มาถ่ายคู่กับสินค้า ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดี น่าซื้อ และทันสมัยยิ่งขึ้นไปอีก และมีการเลือกใช้สีขาว ดำ ทอง เพื่อเสริมให้ภาพลักษณ์ดู Modren Luxury อีกด้วยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปการ Design ของแบรนด์จะเน้นไปที่ ความสงบ และ ความมีพลัง

นอกจากนั้นแบรนด์ก็ต้องมีการศึกษา เพื่อให้ถูกต้องตามหลักความเชื่อด้วย ทั้งพิธีการปลุกเสก และการออกแบบรูปเคารพต่าง ๆ ด้วยค่ะ แสดงถึงความใส่ใจ และตั้งใจของแบรนด์ที่ศึกษาเรื่องการมูมาอย่างดี อย่างแต่เดิมจะมีแค่รูปพระพิฆเนศที่ทำออกมาก่อน หลังจากนั้นก็มีการออกเป็นหนูมุสิกะ เพื่อให้นำไปบูชาคู่กับพระพิฆเนศด้วยค่ะ

#4 สร้างสิ่งใหม่ได้ แค่เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

จาก การตลาด Karava สิ่งหนึ่งที่เราเห็นก็คือ การที่แบรนด์เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เข้าใจในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ จนได้ออกมาเป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ ในรูปแบบใหม่ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งเดิมมากหนัก สิ่งไหนที่เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนให้ดีขึ้น เช่น รูปลักษณ์ ดีไซน์ สิ่งไหนที่สมควรก็คงก็คงไว้เช่นเดิม เช่น หลักพิธี หลักความเชื่อค่ะ

และนี่คือการตลาด Karava ที่ผู้เขียนนำมาฝากค่ะ หวังว่าจะชอบกันนะคะ ถ้าชอบ หรือ สนใจอยากอ่านบทความด้านการตลาดแบบนี้อีก ผู้เขียนฝากติดตามด้วยนะคะ หรือ ถ้าใครอยากให้ผู้เขียนนำมุมมองการตลาดแบบไหนมาเล่าให้ฟัง สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ

สำหรับนักอ่านที่ชอบ และ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารด้านการตลาดต่าง ๆ สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ

Source Source Source Source

อยากอ่านบทความเพิ่มเติม ลองเลือกอ่านบทความด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ

Data Research Insight เทรนด์ Muketing คนไทย ‘สายมู’ มูยันบัตรคอน!