เจาะลึกถึงแก่น State of Fashion 2024 สรุปทิศทางวงการแฟชั่นทั่วโลก! 

เจาะลึกถึงแก่น State of Fashion 2024 สรุปทิศทางวงการแฟชั่นทั่วโลก! 

บทความนี้เป็นบทความที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างละเอียดเพื่อให้ผู้อ่านทุกคนได้อัปเดตและประโยชน์สูงสุด เพราะจะมาเล่าให้ฟังถึง State of Fashion 2024 สรุปทิศทางวงการแฟชั่นทั่วโลกกันเลยครับ  

ซึ่งจริง ๆ บท ความนี้ น่าจะออกมาก่อนตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ผมขออนุญาตทางการตลาดวันละตอนว่าขอเลื่อนได้ไหมมาเป็นเดือนธันวาคมเพราะว่าจะได้มีโอกาสไปร่วมสัมมนาระดับโลกที่หนึ่งชื่อ Voices 2023 ซึ่งจัดโดย Business of Fashion ถึงแม้องค์กรจะดูเหมือนว่าให้ความสนใจแค่กับธุรกิจแฟชั่นแต่จริงๆแล้วไม่ใช่ครับการสัมมนานี้เป็นการรวบรวมนักคิดจากทั่วทุกมุมโลกและหลากหลายธุรกิจ 

อาทิเช่น ผมได้พบกับผู้ลี้ภัยสงครามมาเปิดธุรกิจเครื่องครัวทั้ง ๆ ที่ทำอาหารไม่เป็น  ผมได้นั่งร่วมทานข้าวอาหารกลางวันร่วมกับหนึ่งในดีไซน์เนอร์พี่เก่งที่สุดในโลก Thomas Heatherwick ผู้ออกแบบ Pavillion UK expo รวมถึง London Bus หรือแม้กระทั่งทีมครีเอทีฟผู้อยู่เบื้องหลังการให้กำเนิดดีลก้องโลก Yeezy กับ ศิลปินคนดัง หรือแม้กระทั่งศิลปินอย่าง Rita Ora ก็มาร่วมสร้างความบันเทิงกับงานนี้ครับ 

หลายคนที่เคยอ่านและติดตามบทความของผมแล้ว ถามว่าทำไมต้องรองานนี้ถึงจะคลอดบทความนี้ได้  เพราะว่างานนี้เป็นธรรมเนียมที่จะมีการประกาศทิศทางของธุรกิจของวงการแฟชั่นในปี 2024 ที่เรียกว่า State Fashion 2024 เป็นการร่วมทำงานระหว่าง Business of fashion กับ McKinsey โดยใน ระหว่างงาน ผมก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บรรยายเรื่องนี้โดยตรง 

ทิศทางและการปรับตัวของ Fashion Brand 2024 จะเพิ่มทุนการตลาด

แม้จะยาวซักหน่อย แต่เพราะผมตั้งใจเก็บมาฝากทุกคนโดยเฉพาะ ทุกท่านคงอยากทราบแล้วว่าทิศทางปีหน้าจะเป็นอย่างไรใช่ไหมครับ เพราะอย่างที่เห็นเลยคือธุรกิจในตลาดอเมริกา ตลาดยุโรป และจีนยังไม่ฟื้นตัว มีอัตราการเจริญเติบโตเพียงแค่ 4-6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 

ซึ่งผมได้เรียนถามผู้บรรยายว่า “ถ้าแบบนี้การเจริญเติบโตของธุรกิจแฟชั่นจะเหมือนปี 2023 ใช่ไหม?” กล่าวคือเน้นไปที่ตะวันออกกลางและเอเชีย & เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เค้าบอกว่า “ใช่” ผนวกกับที่เราเห็น Luxury Fashion Brands ต่างทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากมาย ทั้งศูนย์การค้าสยามพารากอน ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เป็นต้น รวมถึงสถิติที่บ่งบอกถึงว่าแบรนด์เหล่านั้น จะเพิ่มการลงทุนด้านการตลาด ทำให้ปีหน้าเป็นปีที่น่าสนใจอย่างยิ่ง  ตามที่ผมได้กล่าวมาในบทความก่อนครับ ดังนั้นแบรนด์จะปรับตัวอย่างไร เราต้องมาดูกันถึงปัจจัยบวกที่ 2 ด้วยครับ

แน่นอนว่าจะทำให้หลายธุรกิจกระเตื้องขึ้น ผู้บริหารต่างตื่นเต้นคือการเติบโตและเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารของการท่องเที่ยว โดย อาคิมเบิร์ก ได้กล่าวว่า อัตราการเติบโตของการเดินทางจะเพิ่มถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า Covid-19 ซึ่งถือว่าเยอะมากนะครับ 

แล้วก็มีคำถามตามมาอีกว่าในเมื่อคนมีเงินจำกัดในกระเป๋า ถ้าหากว่าการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้ จะมีผลกับการจับจ่ายใช้สอยของสินค้าหรือเปล่า คำตอบก็คือ “ถ้าหากจะบอกไม่มีผลคงไม่ได้ แต่ร้านค้าต่างๆต้องปรับตัวมากกว่า การปรับตัวที่ว่านี้” อย่างที่ผมเคยเขียนไว้แล้วในบทความก่อน ๆ ในเรื่องของ Experiential retail  ว่าเราควรสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มลูกค้า เพราะร้านค้าในปี 2024 เป็นต้นไปน่าจะไม่เหมือนเดิมแล้วครับ

แบรนด์ไม่สามารถใช้ Playbook เดิม ๆ เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเดิมไว้ไปพร้อม ๆ กับการหาลูกค้าใหม่ได้ แต่ควรจะใช้วิธีสร้างประสบการณ์แบบใดนั้น ต้องทบทวนดูความเหมาะสม คาแรกเตอร์ของแบรนด์ และข้อจำกัดของวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ

พลังของ GEN AI และเหตุผลที่คนต้องทำงานร่วมกับ AI

เจาะลึกถึงแก่น State of Fashion 2024 สรุปทิศทางวงการแฟชั่นทั่วโลก! 
Source: BoF-McKinsey State of Fashion 2024 Executive Survey

มาถึงเรื่องที่สามที่ผมคิดว่าใคร ๆ ก็ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ รวมทั้งตัวผมเองด้วย นั่นคือ AI ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างไรในชีวิตเราบ้างนะ? ผมบอกได้เลยว่าแขกในงานสัมมนานี้มีความกลัวในความสามารถของ GEN AI ไม่ต่ำกว่า 60 ถึง 70% เพราะสิ่งที่ผู้บรรยายนำความสามารถของ GEN AI มาโชว์นั้นทำเอาขนลุก 

หนึ่งในตัวอย่างที่ผมเชื่อว่าหลายคนก็เคยมีประสบการณ์และทราบมาบ้างแล้วว่า GEN AI สามารถสร้าง Fake news ต่าง ๆ ผ่านทาง social media ได้ โดยภายในงานได้มีตัวอย่างการใส่ร้ายบุคคลคนหนึ่ง จนเห็นได้เลยว่า GEN AI สามารถ generate ข่าวปลอมได้ในทุก platform ของ social media กระทั่งสร้างรูปปลอมที่เดินคู่กับบุคคลชั้นนำของโลกได้ด้วย เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากจริง ๆ โดยหลายคนเรียกสิ่งนี้ว่า Doom & Gloom และหลาย ๆ คนกลัวจะมาแทนที่มนุษย์ โดยถูกหลาย ๆ คนตั้งคำถามว่าจริงหรือ ? 

ส่วนด้านบวกนั้นเรามองว่า AI จะร่วมทำงานกับคนเพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิผลได้อย่างมากมายครับ อาทิ ช่วยสร้างภาพหรือ key visual โดยไม่ต้องใช้นางแบบ หรือไม่ต้องเสียค่าถ่ายทำอีกต่อไป ทำให้เป็นการยกระดับธุรกิจโฆษณาอย่างแท้จริง (cost efficiency) 

GEN AI ช่วยจุดชนวนความสร้างสรรค์

ในด้านความคิดสร้างสรรค์ คุณทราบไหมครับว่าดีไซน์เนอร์ระดับโลก อย่าง Kelly Wearsler ก็ใช้ GEN AI ช่วยพัฒนาสินค้าดีไซน์ใหม่ โดยพัฒนาจากสินค้าต้นแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของดีไซเนอร์ แล้วใช้ ChatGPT มาช่วยปรับแต่งและเลือกในขั้นตอนสุดท้าย บอกได้เลยว่าผมเองซึ่งเป็นคนชอบด้านดีไซน์ตื่นเต้นเป็นอย่างมากหลังฟังจบ 

ส่วนด้านสินค้าแฟชั่นเรามี LVMH Head of Digital มาโชว์ Eco System ให้ดูได้เลยว่าการใช้ GEN AI ในแต่ละขั้นตอน สามารถทำได้อย่างไรบ้าง เช่นทางด้าน retail การออกแบบ การเก็บข้อมูลของลูกค้า เป็นต้น อันนี้ผมคาดว่าผู้อ่านคงทราบกันอยู่แล้วโดยขออนุญาตข้ามไปประเด็นที่น่าตื่นเต้นอีกเพียบเลยนะครับ 

ในพาร์ท GEN AI สุดท้ายที่น่าตื่นเต้นคือ ภายในปี 2030 เราจะสามารถสื่อสารกับสัตว์โลกอื่นๆได้ ซึ่งผมมีโอกาสได้คุยกับผู้บรรยายโดยตรง ซึ่งเขายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เผลอ ๆ อาจจะทำได้ก่อนด้วยซ้ำ เค้าโชว์ตัวอย่างให้เห็นถึงการป้อนคำที่มีความหมายเดียวกัน แต่คนละในภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ทั้งหมด จะถูกแปลออกมา เป็นรูปภาพลายเส้น ในแต่ละภาษา มีรูปภาพและลักษณะคล้ายคลึงกัน เรียกว่าเอารูปเหล่านั้นมาทาบกัน แทบจะเสมอกันพอดี ถ้าเป็นจุดเริ่มต้นทำให้องค์กรใช้หลักการนี้ทำการทดลองกับสัตว์ต่าง ๆ หลายชนิดครับ 

เท่านี้ผู้อ่านเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า GEN AI ยังมีประโยชน์ อีกมากมาย อยู่ที่จุดประสงค์การพัฒนา และการนำไปใช้ของเราเองครับ

GEN AI กับแฟชั่นจะเป็นอย่างไร

ผมขอแถมเพิ่มอีกหนึ่งหัวข้อว่า GEN AI กับแฟชั่นจะเป็นอย่างไร 

เนื่องจากผมได้มีโอกาสทานอาหารกับบุคคลท่านหนึ่งซึ่งทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ  โปรเจ็คท์ที่เค้าทำส่วนตัวคือกำลังพยายามพัฒนาให้ software สามารถเรียนรู้และบอกได้ว่าการแต่งกายแบบไหนมีลักษณะอย่างไรมีส่วนประกอบอะไรบ้าง โดยในอนาคตสิ่งที่เขามองคือการทำให้ ซอฟต์แวร์ เรียนรู้ว่าแบบนี้เค้าเรียกว่า Preppy แบบนี้เค้าเรียกว่า Punk หรืออีกแบบเรียกว่า Dapper ซึ่งตื่นเต้นทุกครั้งที่ประชุมร่วมกันเพราะมันเจ๋งมากจริง ๆ 

เหตุผลที่เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากเพราะถ้าย้อนกลับไปหลายคนอาจได้เห็นบริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มพัฒนาให้ GEN AI เรียนรู้แล้วว่า เสื้อสีอะไร หน้าคนแบบนี้แปลว่าเอเซีย หรือยุโรป หรือแม้กระทั่งว่าสามารถดูหน้าได้ว่า เศร้า แฮปปี้ เครียด ตื่นเต้น 

ทุกคนลองนึกภาพตามดูนะครับว่าการ integrate ตัวนี้ เข้ากับ Smart Mirror หรือ E commerce จะช่วยสร้างยอดขาย ให้ได้อย่างมากมาย เพราะคนส่วนมากอาจจะยังไม่มั่นใจกับการแต่งตัว mix & match นอกเหนือจากนั้นจะช่วยลดขยะด้วยเพราะสามารถเรียนรู้ว่าสินค้าชนิดไหนเป็นที่นิยม ส่วนที่ไม่นิยมก็ไม่ต้องผลิตให้เป็นขยะ อย่างที่ผู้ร่วมสัมมนาท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า สินค้าที่ถูกผลิตออกมาเกือบ 40% ถูกคาดไว้ว่าจะขายไม่ได้ ทำให้เกิดขยะขึ้นอย่างมหาศาล บทสนทนาของผมเกิดขึ้นกับหนึ่งในผู้เข้าสัมมนาที่มาร่วมงานถึงห้าปีครับ 

Digital product passport 

และถ้าซอฟต์แวร์นี้ได้ถูกบรรจุลงเป็น application ส่วนตัวล่ะ? หนึ่งในหัวข้อที่ผู้บรรยายนำมาเป็นไฮไลท์ในสัมมนาครั้งนี้คือ เรื่องของ Digital product passport ลองคิดดูนะครับว่าจะมีประโยชน์ขนาดไหน เพราะของทุกชิ้นที่ซื้อเราจะได้ Digital product passport ที่แสดงความโปร่งใสในการผลิต และเอกลักษณ์ ของสินค้าชิ้นนั้น 

ซึ่งถ้าเราส่งต่อให้กับคนอื่นบุคคลเหล่านั้นก็สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปได้ และถ้าเราเอา Digital product passport ผนวกกับซอฟแวร์ที่ผมกล่าว แทนที่เรา ที่เป็น consumer จะ mix & match เสื้อผ้าเองตามที่เคยทำมา เราสามารถบอกให้ซอฟต์แวร์นี้แนะนำการแต่งตัวให้กับเราในสไตล์ต่าง ๆ ที่ชื่นชอบ คุณอาจจะได้ค้นพบ การแต่งตัวในรูปแบบที่น่าสนใจก็ได้ครับ 

รวมสุดยอดแนวคิดจากเหล่าเบื้องหลังแฟชั่นระดับโลก

ที่กล่าวมาด้านบนเป็นไฮไลท์สำคัญของการสัมมนาครั้งนี้ที่ผมได้ไปสัมผัสโดยตรง แต่ก็ยังมีรายละเอียดจากเหล่านักคิด ครีเอทีฟไดเรคเตอร์อย่างมากมายในสัมมนานึ้ที่อยากนำมาแชร์ทุกคนครับ 

เจาะลึกถึงแก่น State of Fashion 2024 สรุปทิศทางวงการแฟชั่นทั่วโลก! 
CEO GAP: Barbie

ท่านแรกคือ CEO ของ GAP ที่เข้ามาด้วยภารกิจชุปชีวิตแบรนด์ดัง ด้วยผลงานก้องโลกที่พาแบรนด์ Barbie ที่อยู่ในสถานะการณ์วิกฤตกลับมา relevant กับคนในยุคนี้อีกครั้งด้วยภาพยนตร์ Barbie ในปีที่ผ่านมา โดยแทบจะทุกคนถามเขาว่า ’คุณแน่ใจแล้วเหรอที่มาแก๊ป‘ ผมคิดว่าหลักการคิดของเขาที่กล้าคิดแตกต่าง กล้าลองในสิ่งใหม่ น่าจะพาแก๊ปกลับมาเป็นที่นิยมได้อีกครั้ง สำหรับบางท่านที่ยังไม่ทราบ แบรนด์แก๊ปเป็นแบรนด์อเมริกันแฟชั่น ตั้งชื่อแก๊ปเพราะต้องการเชื่อมต่อรุ่นที่แตกต่างเข้าด้วยกัน

John C Jay of Uniqlo : Growth Mind Set ‘Good enough never Good enough’

อีกหนึ่งไฮไลท์และเป็นหนึ่งในผู้บรรยายที่ผมชื่นชอบที่สุดได้แก่ John C Jay ครีเอทีฟที่คิดนอกกรอบ สิ่งที่เขานำมาถ่ายทอดจากประสบการณ์ของเขาน่าจะเป็นเรื่องของ Growth Mind Set ‘Good enough never Good enough’ คือคุณไม่สามารถหยุดนิ่งได้แม้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จเพียงใดก็ตาม จอห์นเป็นหนึ่งในทีมงานที่ร่วมทำงานกับแบรนด์ดังระดับโลกที่ให้กำเนิดรองเท้าชื่อดัง Yeezy โดยเขาเล่าให้ฟังว่าดีลก้แงโลกนี้ได้เกิดขึ้นระหว่างการขอโดยสาร Private Jet กับทีมผู้บริหาร และโชว์ไอเดียของเขาให้ดู ซึ่งหลังจากนั้นก็คือตำนาน & ความสำเร็จที่ผ่านมาอีกร่วม 20 ปี 

จอห์นนั้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Uniqlo ซึ่งตัวเขาเองก็ให้ความเห็นอีกว่า ถ้าองค์กรจะต้องการประสบความสำเร็จ ผู้บริหารระดับสูงต้องให้ความร่วมมือ อุปสรรคขององค์กรไม่ใช่เรื่องของ AI จะมาแทนที่พนักงาน อุปสรรคจริง ๆ น่าจะมาจากผู้บริหารองค์กรที่ไม่ค่อยจะให้อำนาจพนักงานในการตัดสินใจหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเองมากกว่า โดยเฉพาะคนในสมัยนี้อาจจะให้ความสำคัญเรื่องคอนเทนท์มากเกินไปจนละเลยสิ่งที่เหลือครับ

Matthieu Blazy Creative Director Bottega Veneta

ท่านนี้ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย เพราะเค้าคือคนที่ให้ความสำคัญกับ Growth mindset ความคิดสร้างสรรค์คือ Matthieu Blazy ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Bottega Veneta เป็นแฟชั่นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับงานฝีมือ ซึ่งเขากล่าวว่า เขาใช้เวลากับทีมงานในสตูดิโอเยอะพอสมควร เขาจะรู้สึกสนุกหรือตื่นเต้นทุกครั้งที่ทีมบอกว่า งานชิ้นนี้ยากมากหรือ Imposible จะเห็นได้ว่าตัวเขาเองไม่ได้เพียงแค่คิด ดีไซน์ สินค้าเท่านั้น เขามีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้าชิ้นนั้นกับเหล่า Craftmen ด้วย 

Shiza Shadid of Our Place

มาถึงอีกหนึ่งนักคิดที่ผมคิดว่าควรนำไอเดียไปประยุกต์ ด้วยความที่เผอิญผมได้นั่งทานข้าวกลางวันติดกับเขาพอดี Shiza Shadid เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องครัว Our Place ซึ่งเขามาจากประเทศที่มีปัญหาสงครามกลางเมือง โดยตัวเขาอุทิศเวลาให้กับผู้ประสบภัย จวบจนกระทั่งเขาย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอเมริกา ในขณะนั้นเขายังทำอาหารไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่วิธีการคิดที่แตกต่างของเขาก็ทำให้เขาเริ่มทำอาหาร 

เริ่มจากที่เขาเห็นร้านเครื่องครัวมีอุปกรณ์มากเกินไป ยกตัวอย่างกระทะที่มีมากเกิน 4-5 แบบสำหรับทำอาหาร เขาจึงพยายามปรับรูปร่างกระทะแบบเดียวแต่ทำได้หลายเมนู ในราคาที่จับต้องได้ และเขาก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เขาต้องการ celebrate ความแตกต่าง เลยต่อยอดด้วยการทำเครื่องครัวให้เหมาะกับอาหารในแต่ละชาติ ทุกวันนี้ลูกค้าของเขามีบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากมายทั้ง Selena Gomez หรือ David Beckham เป็นต้น แน่นอนว่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เขาให้ความสำคัญกับเรื่องวัฒนธรรมและเขามองว่าวัฒนธรรมคือทุกสิ่งทุกอย่าง

เจาะลึกถึงแก่น State of Fashion 2024 สรุปทิศทางวงการแฟชั่นทั่วโลก! 
Thomas Hetherwick: Public Space

Thomas Hetherwick นักออกแบบชื่อดังชาวอังกฤษ หนึ่งในคนที่ผมชื่นชอบมานาน เขามีผลงานระดับโลกมากมายทั้ง UK Pavillion ที่งาน Shainghai Expo ปี 2010 รถประจำทางในกรุงลอนดอนที่ได้รับการดีไซน์ขึ้นใหม่ คบเพลิงของกีฬา London Olympic ที่แหกกฎทั้งปวงของการดีไซน์คบเพลิงในอดีต หรือแม้กระทั่ง The Hudson Yards Vessel ในกรุงนิวยอร์ค 

เขากล่าวว่า เขาให้ความสำคัญกับ Public Space มาก หลายคนให้ความสำคัญเรื่องอากาศเป็นพิษ แต่คุณเคยคิดไหมว่า การที่คุณเดินไปในแต่ละวันเจอแต่สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ก็ทำให้สุขภาพจิตแย่เช่นเดียวกัน เป็นสาเหตุทำให้เขารับดีไซน์แต่งานที่เป็น Public Space ครับ

เห็นไหมครับที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีแต่คนที่คิดต่างอย่างสร้างสรรค์ 

ปิดท้ายด้วยการทำงานของ 2 ประเทศที่น่าจับตา

สิ่งสำคัญสุดท้าย ที่อยากเล่าให้ฟังเพื่อเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาที่เกี่ยวกับการร่วมทำงานกับ 2 ประเทศที่กำลัง Popular ได้แก่ไนจีเรีย และซาอุดิอาราเบีย เพราะอย่างที่เราเห็นว่าปัจจุบัน ซาอุมีบทบาทอย่างมากในระยะหลังโดยเฉพาะด้านศิลปะ ที่เริ่มมีศิลปินดังระดับโลกเกิดขึ้น ด้านฟุตบอลก็เห็นอยู่กับกลุ่มทุนที่บุก English Premier League การนำนักเตะชื่อดังไปโปรโมทในลีกประเทศตัวเอง หรือแม้กระทั่งเสนอชื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก หลาย ๆ คนมองถึงการพยายามก้าวขึ้นมาเป็นประเทศระดับแนวหน้าของซาอุ

ส่วนไนจีเรียผมคิดว่าหลาย ๆ คนรู้เป็นอย่างดีว่าไนจีเรียจะเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างสูงต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคตทั้งในด้านประชากรที่มโหฬารซึ่งคนไทยเองก็มีการส่งสินค้าไปขายเยอะอยู่แล้วในอดีต ในด้านของแฟชั่นพวกแบรนด์ชั้นนำก็เริ่มที่จะร่วมงานกับดีไซเนอร์ของไนจีเรียเพื่อทำ Capsule collection นอกจากเป็นการแสดงความหลากหลายแล้ว ยังเป็นการผลักดันธุรกิจไปยังประเทศที่มีศักยภาพสูงอีกด้วยครับ

——————-

เป็นอย่างไรบ้างครับกับไฮท์ไลท์จากงาน Voices 2023 ซึ่งจัดโดย Business of Fashion ที่จัดเต็มทั้งข้อมูล แนวโน้ม และแนวคิดจากตัวตึงของวงการแฟชั่นระดับโลกมากมาย และจากทั้งหมดผมคิดว่าผู้อ่านได้รับความรู้จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ 

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากคือการ Design Journey ของผู้เข้าสัมมนา ซึ่งผมไปงานระดับโลกมาพอสมควรทั้ง Condé Nast Luxury Conference, New York Times Luxury conference, Tech Crunch in San Francisco, Digital Marketing World Forum ส่วนตัวผมคิดว่าผู้เข้าร่วมงานมีการ interact กันได้น้อย หรือสามารถทำได้แค่กับคนรู้จัก ในขณะที่ถ้า Operator ดีไซน์กิจกรรมและ Journey ดีๆ จะทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถแชร์ความรู้ & ประสบการณ์กันอย่างได้ไม่รู้สึกเคอะเขิน และได้รู้จักคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือต่างกันได้อย่างมากขึ้นครับ หวังว่าการแชร์ความประทับใจเหล่านี้ผู้อ่านจะสัมผัสได้เสมือนไปร่วมงานกับผมเลยนะครับ

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

Nopnarit Lieopanich

กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท Group Z International ผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์สินค้าลักซ์ชัวรี่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *