Data-driven campaign จาก Cannes lions ช่วยเหลือผู้บริโภคในยามค่าครองชีพสูง

Data-driven campaign จาก Cannes lions ช่วยเหลือผู้บริโภคในยามค่าครองชีพสูง

สวัสดีค่าา ในบทความนี้เราจะพามาเปิดโลกกับ Data-driven campaign ส่งตรงจาก Cannes lions ที่มีการประยุกต์ใช้ Data มาทำการตลาดและต่อยอดด้วยการ Personalized ที่เน้นความเฉพาะเจาะจงส่งมอบโปรโมชั่นที่ใช่ให้กับผู้บริโภคแต่ละคนได้อย่างตรงจุด

เป็นหนึ่งในแคมเปญที่ผู้เขียนมองว่ามีการปรับใช้ Data ได้ดีและถูกใจกับคนหมู่มากได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะต้นตอของแคมเปญที่เราจะนำมาแชร์มีชื่อว่า The Inflation Cookbook ซึ่งเป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นในแคนาดา หนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพสูงทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าใช้เงิน ยอดการจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ในฐานะของผู้ประกอบการจึงงัดไอเดียออกมาเพื่อแก้วิกฤตเหล่านี้

ท่านใดที่กำลังมองหาไอเดียการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ หวังว่าแคมเปญนี้จะสร้างแรงบันดาลใจและไอเดียให้กับผู้อ่านทุกท่านค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนอ่านบรรทัดถัดไปได้เลยยย

ที่มาที่ไปของแคมเปญ: ค่าครองชีพสูง คนคิดเยอะ ไม่ค่อยใช้ตังค์

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า The Inflation Cookbook เป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นในประเทศแคนาดา ซึ่งในขณะนั้นแคนาดาประสบกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างแรง ส่งผลต่อมาคือ ค่าครองชีพสูง ทำให้คนเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลง เริ่มคิดเยอะกับเงินแต่ละเหรียญที่จะต้องจ่ายออกไป

ทำให้บริษัทค่าส่งออนไลน์อย่าง SkipTheDishes ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาลูกโซ่นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ (แน่นอนว่ากระทบกับยอดขาย เพราะเป็นร้านค่าส่ง ขายของออนไลน์) ทว่าธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไปมีปัญหาต้องมีทางแก้ บริษัทจึงร่วมมือกับ Dentsu Creative Canada ในเมืองโตรอนโตช่วยผู้คนจัดการกับความกดดันด้านค่าครองชีพ และโปรโมตร้านขายของชำและบริการจัดส่งสะดวกซื้อของแบรนด์ที่มีชื่อว่า SkipExpressLane ไปในคราวเดียวกัน

จึงออกมาเป็นแคมเปญ The Inflation Cookbook แคมเปญที่ช่วยให้ผู้บริโภคค้นหาราคาที่ดีที่สุด เสมือนผู้ช่วยในการจับจ่ายใช้สอยที่มีหน้าที่ในการเสาะหา เปรียบเทียบราคาของถูกและดีที่เหมาะกับตัวผู้ใช้รายนั้น ๆ

หากมองเผิน ๆ เราอาจจะคิดว่าก็แค่ค่าครองชีพสูง ของแพง เงินเฟ้อ มันจะไปกระทบสักเท่าไหร่กันเชียว แต่ในความเป็นจริงแล้วในต่างประเทศ ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเพราะมันสามารถส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในวงกว้างได้ ยกตัวอย่างเช่น นมผงแพง ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน ลูกป่วย พ่อแม่เครียดต้องหาเงิน พยายามทำทุกทางมารักษาลูก (ในกรณีที่แย่ที่สุดคือ การก่ออาชญากรรม ทำผิดกฎหมาย)

ได้เงินมาก็ดีไป รักษาลูกให้หายป่วยได้ แต่ถ้าไม่ได้อาจก่อให้เกิดความสูญเสีย จำนวนประชากรลดลง คนไม่อยากมีลูกอีก…พอจะเห็นภาพไหมคะ ว่าปัญหานี้สามารถก่อให้เกิดผลร้ายตามมาอย่างมหาศาล จึงไม่แปลกที่ภาคธุรกิจที่บ้านเขาจะมีการ Take Action ในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ปรับใช้ Real-time Data จากร้านค้ามากกว่า 100 สาขาคาดการณ์ราคาสินค้าขาขึ้น-ลง

Data-driven campaign จาก Cannes lions ช่วยเหลือผู้บริโภคในยามค่าครองชีพสูง

The Inflation Cookbook เป็นแคมเปญที่มีการปรับใช้ Data จากร้านค้ามากกว่า 400 รายการสินค้าและจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในร้านค้า 100 แห่งทั่วแคนาดามาทำการคำนวนเพื่อคาดการณ์ราคาที่ลดลงมากที่สุดของสัปดาห์ (Data ที่ใช้คำนวนจะเป็นชุดข้อมูลของสัปดาห์ราคาสินค้าที่ผ่านมา) หากราคาของสินค้ารายการไหนมีการลดลง ในระบบก็จะแจ้งว่าสินค้าชิ้นนี้ราคาถูกลง หากแพงขึ้นก็จะแจ้งว่าแพงขึ้น เพื่อทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อได้ดีมากขึ้น

ซึ่งเอาจริง ๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเดียที่ตอบโจทย์ต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลาแบบนี้มาก เพราะเมื่อใดที่เงินน้อย ต้องคิดเยอะตอนใช้เงิน คนเราจะมีการเปรียบเทียบราคาสินค้า หาของที่ถูกที่สุดเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดนั่นเองค่ะ

โดยผู้ใช้สามารถเลือกสินค้าลงตะกร้าและกดสั่งซื้อได้ผ่านทาง Microsite ของ SkipExpressLane ได้ทันที มากไปกว่านั้นภายในเว็บไซต์ยังมีการแนะนำเมนูเพื่อสุขภาพพร้อมรายชื่อวัตถุดิบในการประกอบอาหารเมนูนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นการตอกย้ำแบบนัย ๆ ว่าแบรนด์เรานอกจากจะส่งมอบราคาที่ดีให้กับคุณในยามวิกฤตแล้ว เรายังอยากให้คุณมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย เป็นการสร้างความประทับใจไปอีกทาง มัดใจทั้งราคาและสูตรอาหารว่าแคร์คุณลูกค้า

ที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งข้อมูลในระบบได้ เช่น อยู่กับใคร ครอบครัวมีกี่คน เป็นใครบ้าง อยู่บริเวณไหนและเงินทุนที่มีในการจับจ่ายใช้สอยต่อสัปดาห์มีเท่าไหร่ หลังจากนั้นระบบก็จะทำการ Personalized หาราคาที่เหมาะกับข้อมูลที่เราป้อนเข้าไป ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากกว่าเดิม

Data-driven campaign จาก Cannes lions ช่วยเหลือผู้บริโภคในยามค่าครองชีพสูง

สรุป Data-driven campaign จาก Cannes lions ช่วยเหลือผู้บริโภคในยามค่าครองชีพสูง

โดยแคมเปญนี้ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีเพราะ The Inflation Cookbook สามารถดึงดูดผู้ใช้ 28,600 รายต่อสัปดาห์ แคมเปญนี้สร้างการแสดงผลทางสื่อ 400 ล้านครั้ง มากกว่าไปกว่านั้น SkipTheDishes ยังบริจาคเงิน 100,000 ดอลลาร์ให้กับ Food Banks Canada เพื่อมอบอาหาร 200,000 มื้อให้กับชาวแคนาดาที่ต้องการความช่วยเหลืออีกด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะสร้าง Awareness, Gain sales ยังเป็นการทำ CSR ไปในตัว ครบวงจรสูตรสำเร็จ

The Inflation Cookbook ทำให้เราเห็นได้ว่านี้คือหนึ่งใน Data-driven campaign ที่ถูกสร้างมาได้อย่างตรงจุดและมีการประยุกต์ใช้ Data ได้อย่างมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นกับทางบริษัทเองหรือแม้แต่กับทางผู้บริโภค แสดงให้เห็นว่า Data มีประโยชน์อย่างมากในการทำการตลาดในยุคนี้ เราสามารถนำข้อมูลที่มีไปพลิกแพลงสร้างสิ่งใหม่ ๆ ได้ในช่วงเวลาต่าง ๆ เหมือนกับแคมเปญนี้ที่ถูกคิดมาเพื่อแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง คนไม่ใช้เงินนั่นเองค่ะ

หวังว่าตัวอย่างเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

Source: https://www.dentsucreative.com/cases/inflation-cookbook

https://www.theglobeandmail.com/life/adv/article-ai-powered-cookbook-fights-inflation-at-the-grocery-store/

Toey Waritsa

ใบเตย หรือเรียกว่าเตยก็ได้ค่ะ ทำ Data Research Insight เป็นอาชีพเสริม อาชีพหลักเลี้ยงแมว ทุกบทความเขียนออกมาด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อหาเงินเลี้ยงแมวค่ะ😺🫶🏻

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *