Black Friday คือวันอะไร วิเคราะห์ Trend & Strategy สำหรับตลาดไทย
เคยสงสัยกันไหมคะว่าจริงๆ แล้ว Black Friday คือวันอะไร ทำไมถึงมีการลดแหลกไม่สนลูกใครขนาดนี้ แล้วกระแสในไทยเป็นอย่างไรบ้าง แบรนด์ไทยต้องเตรียมตัวสำหรับเทศกาลนี้ไว้ทุก ๆ ปี เลยดีไหม อย่างที่เห็นว่าในต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกาหลายแบรนด์จะใช้คำนี้เพื่อดึงดูดทรัยพ์จากคุณเป็นรอบสุดท้ายของปี นี่ยังเป็นการเริ่มต้นของฤดูกาลช้อปปิ้งคริสต์มาส ซื้อของขวัญอีกด้วย และตั้งแต่ยุค 1980s. คำว่า “Black Friday” มีที่มาจากความหมายของคำว่า “black” ที่แสดงถึงสิ่งที่ไม่ดีหรือเชิงลบ, แต่ยังมาจากความคิดที่ว่าร้านค้าปลีกทำกำไรหลังจากฤดูกาลวันหยุดซะนี่~
Black Friday คือวันแรกของฤดูกาลช้อป หลังวันขอบคุณพระเจ้า
ตำนานของ Black Friday
มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ โดยจะเริ่มต้นหลังจากวันขอบคุณพระเจ้าหรือกาปฏิทินไว้เลยว่าเป็นวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งนักการตลาดทราบไหมคะว่าคำว่า “Black Friday” ถูกใช้ครั้งแรกในปี 1869 เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน แต่ในบริบทของการช้อปปิ้งและการขาย, คำนี้ได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษที่ 1950 ในฟิลาเดลเฟีย เพื่อสื่อถึงความวุ่นวายจากผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาช้อปปิ้ง
ต่อมาในยุค 1980, อ้างอิงจาก dictionary.com คำว่า “Black Friday” ถูกเอามาใช้ใหม่โดยนักการตลาดซึ่งใช้มันเพื่ออธิบายว่าร้านค้าที่เคยขาดทุน (‘in the red’) สามารถ ‘กลับมาอยู่ในสีดำ’ ด้วยการขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ เวลาแห่งการทำยอดให้ปังในช่วงสุดท้ายของปี นับแต่นั้นเป็นต้นมา, Black Friday ได้กลายเป็นหนึ่งในวันช้อปปิ้งที่ฮอตสุด ๆ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทยด้วยค่ะ
Q : Black Friday คือวันไหน
หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า หรือในวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน
Q : แบรนด์จำเป็นต้องเล่นกลยุทธ์นี้ไหม ถ้าเล่นจะส่งผลดี – ข้อ concern อย่างไร
แต่ละแบรนด์ควรทบกวนถึง Positioning สินค้า และกลยุทธ์อื่น ๆ ประกอบ ใช้ข้อมูลการขายและข้อมูลกลุ่มเป้าหมายในการกำหนดทิศทางการขาย หรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล
ส่วนตัวผู้เขียนมองว่า Black Friday เป็นชื่อเทศกาลช้อปปิ้งที่น่าสนใจและไม่ทำให้แบรนด์เสียคุณค่าไปนะคะ หากทำให้ดี แบรนด์ของคุณจะหลายเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมของ และกลมกลืนกับเทศกาล มีส่วนร่วมกับลูกค้าได้อย่างเต็มที่เลย เดี๋ยวมาลองลิสต์ข้อดี และข้อ Concern เบื้องต้นกันดูนะคะ
ข้อดี:
- เพิ่มยอดขาย: แน่นอนค่ะว่า Black Friday เป็นโอกาสที่จในการเพิ่มยอดขาย โดยมักจะทำรายได้สูงสุดในปีนั้นเลยก็ได้ เพราะผู้บริโภคก็ปล่อยใจช้อปปิ้ง ตั้งใจจะซื้อสินค้าในช่วงเวลานี้สุด ๆ หลังทุ่มเททำงานมาตลอดทั้งปี
- ดึงดูดลูกค้าใหม่: ด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจ Black Friday สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ที่อาจไม่เคยลองซื้อสินค้าเรามาก่อนค่ะ อย่างผู้เขียนจะไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าของ H&M แต่พอมีโปรช่วงนี้ถึงกับต้องแวะช้อปซักหน่อย
- การตลาดและโปรโมชัน: แคมเปญนี้มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นวิญญาณนักช้อปแบบสุด ๆ ค่ะ จะทำให้เกิดกสนซื้อขายผ่านการโฆษณาทาง Social Medai อีเมล์มาร์เก็ตติ้ง และโปรโมชันพิเศษอีกมากมายตามเป็นขบวน ยิ่งเทรนด์ Affiliate Marketing มาแรง แบรนด์จะยิ่งมีนายหน้าช่วยทำคอนเทนต์ขายเยอะขึ้นไปอีก
Concern:
- ความคาดหวังส่วนลด: เคยซื้อราคาลดอ่า ~ ไม่อยากซื้อราคาเต็มเยยย นี่เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นได้กับการลดราคาค่ะ อาจทำให้ลูกค้าคาดหวังส่วนลดมากเกินไป ซึ่งสามารถทำให้คุณค่าของสินค้าค่อย ๆ ลดลงในระยะยาว เหมือนกับผู้เขียนที่จะรอให้เฟรนฟรายเจ้าดังลด 50% ค่อยทาน ราคาเต็มไม่ค่อยอยากซื้อ~
- ระวังแผนธุรกิจจะได้รับผลกระทบ: การลดราคาสินค้าโดยไม่ระวังความเสี่ยง อาจทำให้ธุรกิจต้องลดกำไรมากเกินไปเพื่อแข่งขันกับคู่แข่ง และทำให้มีความเสี่ยงมากเกินไปได้ค่ะ
- ต้องระวังประสบการณ์ลูกค้า: ความวุ่นวายของ Black Friday อาจนำไปสู่ประสบการณ์ลูกค้าที่ไม่ดี เช่น การขาดสินค้าหรือการบริการที่ไม่เพียงพอ พนักงานหน้าร้านต้องรับลูกค้าจำนวนมากจนหน้างอ จุดนี้เราต้องเตรียมรับมือให้ดีค่ะ รวมทั้งสต็อกสินค้าต้องเพียงพอต่อจำนวนโปรด้วย
การลดราคาอาจเป็นกลยุทธ์ที่หลายแบรนด์ไม่อยากใช้บ่อย ๆ และนักการตลาดก็กลัวว่าแบรนด์จะเสีย Value ไปใช่ไหมล่ะคะ? การจัดการไม่ให้การลดราคาสินค้าส่งผลกระทบต่อแบรนด์สามารถทำได้โดยการใช้กลยุทธ์ที่คิดมาอย่างดีและมีการวางแผนที่ละเอียดรอบคอบ หนึ่งในกลยุทธ์นั้นคือการสร้างการรับรู้ว่าการลดราคาเป็นสิ่งที่พิเศษจริง ๆ และไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนะ
ซึ่งสามารถทำได้โดยการจำกัดการลดราคาเฉพาะเหตุการณ์หรือโอกาสพิเศษเท่านั้น เช่น Black Friday ที่อาจกำหนดให้เกิดแค่ปีละครั้งก่อนสิ้นปี นอกจากนี้ การสื่อสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลและขอบเขตของการลดราคาสามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าทำไมสินค้าถึงมีราคาลดลง ไม่ได้ลดพร่ำเพ้อ ไจนทำให้ลูกค้าที่ซื้อราคาเต็มเสียความรู้สึกนะ
โดยสรุป, Black Friday เป็นจุดสำคัญสำหรับนักการตลาดเพราะมันนำเสนอโอกาสในการเพิ่มยอดขายอย่างมากผ่านแคมเปญการตลาดที่มีกลยุทธ์และเป้าหมายชัดเจนซึ่งใช้ประโยชน์จากความตั้งใจของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้า.
Trend & Strategy การใช้กลยุทธ์ Black Friday ในไทย
ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนไทยเราพร้อมเปิดรับหมดไม่สนเทศกาลประเทศไหน ~ ซึ่งมันก็เป็นเทศกาลลดแหลกที่ได้รับความนิยมทั่วโลกอยู่แล้วค่ะ หากแบรนด์ไทยสนใจศึกษาและลงสนามนี้บ้างก็เริ่มได้เลย เพราะจากที่ดูข้อมูลในไทย ปี 2023 มีทั้งแบรนด์เล็กใหญ่ ครีเอเตอร์ตัวเล็กจำนวนมากที่แห่เกาะกระแสลดส่งท้ายปีไปกับ Black Friday และคนไทยก็เริ่มชิน และเข้าใจแล้วว่าหมายถึงเทศกาลลดราคาสินค้าค่ะ
Black Friday – Google Search
หัวข้อที่คนเสิร์จในทุก ๆ ปีของ Black Friday เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ผู้เขียนสังเกตุเห็นว่าแบรนด์ที่ดึงดูดให้คนมาเสิร์จใน Google เพื่อตามหาโปรต่อได้คือ SEPHORA, PlayStation Plus,Under Armour และ Coach เป็นต้นค่ะ
Black Friday – จับการพูดถึงโดย Social Listening
บน Social Listening เองก็ทำเอาเซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน เพราะดูย้อนหลังเพียง 1 ปีพบว่าพ่อค้าแม่ค้าบน Twitter ขยันขยายกันสุด ๆ ค่ะ โดยเฉพาะของติ่ง ของใช้จิปาทะ ของป้ายยาสินค้าเครื่องสำอาง
ส่วน Engagement สูง ๆ จากมาจากแพลตฟอร์ม TikTok บอกเลยว่าไถ 1 ชั่วโมงต้องเจออย่างน้อย 2-3 คลิปในช่วงนี้ อย่าง SEPHORA และ H&M ซึ่งคลิปสั้นช่วยดันให้เกิดการรับรู้ได้ดีจริง ๆ หลังจากคลิปไวรัลไม่นาน หน้าร้านก็ขายหมาดหลายไซส์อย่างรวดเร็วค่ะ
เพราะฉะนั้นแบรนด์ไทยสามารถใช้เทรนด์นี้ในการศึกษาและตั้งต้นการทำแคมเปญได้เลยค่ะ แนะนำว่าให้เน้นโอกาสพิเศษเท่านั้น ไม่ได้มีบ่อย ๆ นะ และใช้ TikTok เป็นช่องทางหลัก รวมทั้งศึกษาพ่อค้าแม่ค้าตัวเล็กใน Twitter เพื่อตามเทรนด์ได้เลยค่ะ
ตัวอย่างแคมเปญ Black Friday
จอยเทศกาล Black Friday ให้เก๋และ Effective แบบ IKEA
สรุปวันช้อปแห่งชาติ Black Friday และ Trend & Strategy สำหรับตลาดไทย
จากคำถามที่ว่า Black Friday คือวันอะไร สำหรับนักการตลาดไทยแล้ว Black Friday ไม่ใช่แค่วันธรรมดาอีกต่อไปค่ะ เพราะพ่อค้าแม่ค้าเล็ก ๆ บนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ต่างขานรับไปก่อนคุณเรียบร้อย จะมองว่าเป็นเทศกาลที่แข่งขันกันสุด ๆ ทั้งสร้างความท้าทายและโอกาสมากมายเลย ว่าทีมการตลาด กลยุทธ์ และครีเอทีฟจะสร้างสรรค์แคมเปญลดราคาอย่างไร สื่อสารอย่างไรไม่ให้ลดคุณค่าแบรนด์ แต่สามารถพาแบรนด์ให้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลสิ้นปีได้อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ในวันที่การแข่งขันสูงสุดแห่งปีแบบนี้ แคมเปญโฆษณาและการส่งเสริมการขายจะต้องไม่เพียงแต่จะต้องดึงดูดเท่านั้นแต่ยังต้องแข็งแกร่งพอที่จะไม่ตายให้คู่แข่ง ขุนการวิเคราะห์ข้อมูล, การเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า, และการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้มาใช้ให้เต็มที่ได้เลย
เพราะอย่างที่ย้ำในบทความนี้ว่าการสร้างแคมเปญไม่ใช่แค่การลดราคาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับลูกค้าด้วยค่ะ ที่จะทำให้เกิดการจดจำและเล่าต่อ มีการรับมือการยอดออเดอร์ที่อาจหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก และการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แต่ท้ายที่สุด ความสำเร็จในวัน Black Friday สำหรับนักการตลาดไม่ได้มาจากตัวเลขยอดขายเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่ยังมาจากความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าที่จะยืดยาวไปอีกหลายปีหลังจากการขายครั้งใหญ่นี้จบลง เป็นเพียงการเริ่มต้นของการทำให้แบรนด์อยู่ในใจลูกค้าในยุค Solo Economy เศรษฐกิจคนโสด การตลาดคนโสด คนไม่มีลูก และกลุ่ม Pet Lover 2024