รู้จัก 9 ประเภทโลโก้ พร้อมวิธีการใช้งาน EP.2 (จบ)
กลับมาตามสัญญากับบทความ รู้จัก 9 ประเภทโลโก้ พร้อมวิธีการใช้งาน EP.2 อาจจะขาดช่วงไปนานเลย ต้องขออภัยสำหรับคนที่รอติดตามด้วยนะคะ และสำหรับคนที่เพิ่งมาเจอะเจอกันในบทความนี้ หากอ่านบทความนี้จบ แล้วสนใจอยากศึกษา ประเภทโลโก้ ที่เหลือเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านเพลิน ๆ ได้ในบทความด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ ผู้เขียนสรุป Short note ไว้ให้ท้ายบทความเหมือนเดิม เพื่อให้ผู้อ่านสามารถย่อยความรู้เอาไปใช้ได้ไวที่สุดค่ะ
จากบทความก่อนหน้านี้ เราได้ทำความรู้จัก ประเภทโลโก้ ที่ 1-5 กันไปแล้ว ดังนั้นเราจะยังเหลืออีก 4 ประเภทโลโก้ หรือ ประเภทโลโก้ที่ 6-9 ที่เราจะมาทำความรู้จักในบทความนี้กันค่ะ ซึ่งโลโก้ทั้ง 4 ประเภทดังกล่าว ประกอบด้วย
- Abstract Logo
- Combination Logo
- Emblem Logo
- Dynamic Logo
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เราไปพบกับประเภทโลโก้ที่ 6-9 กันได้เลยค่ะ Let’s go!
ประเภทโลโก้ ที่ 6-9 คืออะไร มีข้อดียังไง เหมาะกับแบรนด์แบบไหน และต้องระวังอะไรบ้าง?
6. Abstract Logo
Abstract logo เป็นโลโก้ที่ประกอบด้วยเพียงสัญลักษณ์ ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าวจะออกแบบมาโดยเฉพาะของแบรนด์เท่านั้น ไม่ซ้ำใคร และไม่จำเป็นต้องเลียนแบบ Objects ที่มีอยู่ในชีวิตจริงค่ะ แต่บางสัญลักษณ์ก็ไม่ได้สื่อออกมาตรง ๆ ว่า สิ่งนี้คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร หรือเรียกได้ว่ามีความหมายเป็นนามธรรมตามชื่อประเภทโลโก้เลยค่ะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละแบรนด์ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นการตีความในด้านของอารมณ์ความรู้สึกค่ะ
ข้อดีของ Abstract Logo
เนื่องจากโลโก้ Abstract logo ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็น Objects ในชีวิตจริงเท่านั้น จึงทำให้ไม่มีกรอบในการออกแบบ สามารถสร้างสรรค์ได้เต็มที่ จะเป็นสัญลักษณ์อะไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องสื่อสารคุณค่าหลักที่แบรนด์ยึดถือ หรือสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะเน้นค่ะ
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ Abstract Logo
Abstract logo เหมาะกับแบรนด์ที่ทำสินค้าหรือบริการหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น Nike เป็นแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับกีฬาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์กีฬา ซึ่งโลโก้ของ Nike หรือมีชื่อเรียกว่า Nike Swoosh เป็นตัวอย่างของ Abstract Logo Mark ชั้นดีเลยค่ะ เมื่อเรามองเผิน ๆ อาจจะดูไม่ออกว่าโลโก้นี้เป็นภาพอะไรกันแน่ เครื่องหมายถูกหรือป่าว? แต่ไม่สำคัญเลย เพราะโลโก้นี้จะเน้นในด้านความรู้สึกมากกว่า ด้วยเส้นที่มีความฉวัดเฉวียนจึงให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวและความเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับ Brand Message ของ Nike ที่เกี่ยวกับความเป็นนักกีฬาและความสำเร็จ นอกจากนี้โลโก้นี้ยังถูกนำมาใช้กับสินค้าทุกประเภทของ Nike ได้อย่างเข้ากันด้วยค่ะ
ข้อควรคำนึงก่อนใช้ Abstract Logo
อย่าลืมเช็คด้วยว่า Abstract logo สื่อความเข้าใจที่เป็นสากลหรือไม่? ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ต้องสามารถเข้าใจความหมายในโลโก้ได้เหมือนหรือใกล้เคียงกัน ดังนั้นความเป็นสากล ความไม่คลุมเครือหรือเข้าใจยากจนเกินไป และความเรียบง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบ Abstract logo ค่ะ
7. Combination Logo
Combination logo เป็นโลโก้ที่รวมทั้งรูปภาพและตัวอักษรไว้ด้วยกัน โดยเราสามารถจับ ประเภทโลโก้ ที่เป็นรูปภาพหรือสัญลักษณ์ กับ ประเภทโลโก้ ที่เป็นตัวอักษร คู่ไหนก็ได้มาคู่กันค่ะ เช่น จับ ประเภทโลโก้ Mascot คู่กับ Letterform หรือ Abstract คู่กับ Lettermark เป็นต้น ซึ่ง ประเภทโลโก้ ที่กล่าวถึงไป ผู้อ่านสามารถไปตามอ่านได้ในบทความก่อนหน้านี้ค่ะ (ลิงค์แปะไว้ตอนต้นของบทความ)
ข้อดีของ Combination Logo
Combination logo ช่วยสร้างการจดจำของลูกค้าได้ 2 ทาง ทั้งจากการจดจำผ่านตัวอักษรหรือผ่านรูปภาพ เรียกได้ว่า ทำ 1 ได้ถึง 2 นอกจากนี้โลโก้ประเภทนี้ยังง่ายต่อการ Rebrand ด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อน Nike ก็ใช้ Combination logo โดยรวมตัวอักษรที่เป็นชื่อแบรนด์ ซึ่งเป็นโลโก้ประเภท Wordmark และรูปภาพที่เป็นสัญลักษณ์ Nike Swoosh ซึ่งเป็นโลโก้ประเภท Abstract หลังจากนั้นเราจะเห็นว่า Nike ตัดทอนให้เหลือเพียงสัญลักษณ์ Nike Swoosh แต่ถึงกระนั้นด้วยเอกลักษณ์ของโลโก้ รวมทั้งการเป็นเบอร์ต้นในตลาด เลยทำให้ลูกค้ายังคงจดจำได้ว่าโลโก้นี้ คือแบรนด์ Nike ค่ะ
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ Combination Logo
Combination logo เหมาะกับแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มเปิดตัว เพราะโลโก้ประเภทนี้สื่อสารทั้งเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านรูปภาพ และคนจะได้รู้จักชื่อแบรนด์ผ่านตัวอักษรไปพร้อมกันเลย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์และสิ่งที่แบรนด์ทำได้เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้การจับคู่รูปภาพกับตัวอักษรจะช่วยสร้างภาพที่แตกต่างให้กับแบรนด์ได้ด้วยค่ะ
ข้อควรคำนึงก่อนใช้ Combination Logo
ควรออกแบบรูปภาพและตัวอักษรใน Combination logo ให้เรียบง่ายและมีความสอดคล้องกัน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ในทิศทางเดียวกัน และเมื่อแบรนด์สร้าง Awareness ได้ดีแล้ว เราก็สามารถใช้รูปภาพหรือตัวอักษรแยกกันได้ค่ะ
8. Emblem Logo
Emblem ในที่นี่แปลว่า ตราสัญลักษณ์ แม้แต่ชื่อ ประเภทโลโก้ ก็ให้ความรู้สึก Traditional แล้ว ดังนั้นเรามักจะพบเห็น Emblem logo ในตราประจำตระกูล หรือตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย และองค์กรภาครัฐต่าง ๆ ซึ่งทำให้โลโก้ประเภทนี้ดูมีความทางการมากที่สุดอีกด้วย โดย Emblem logo เป็นโลโก้ที่รวมทั้งรูปภาพและตัวอักษรไว้ด้วยกัน เช่นเดียวกับ Combination logo แต่จะรวมกันเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันมากกว่า และจะอยู่ในขอบเขตของ Shape ที่วางไว้ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม เป็นต้นค่ะ
ข้อดีของ Emblem Logo
Emblem logo ทำให้แบรนด์มีความเป็นมืออาชีพ ความดั้งเดิม ความขลัง ความคลาสสิก และให้ความรู้สึกว่าแบรนด์อยู่มานานแล้ว และจะยังอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ Emblem Logo
Emblem logo เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการทำให้รู้สึกถึงความมั่นคง มีอำนาจ หรือสื่อว่าเป็นแบรนด์ที่คงรักษาไว้ซึ่งคุณค่าแบบดั้งเดิม นอกจากนี้โลโก้ประเภทนี้จะดูดีเป็นพิเศษ เมื่อนำไปสลัก ดังนั้นจึงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแบรนด์ที่มี Uniform ค่ะ
ข้อควรคำนึงก่อนใช้ Emblem Logo
เนื่องจาก Emblem logo มักมีรายละเอียดมาก เพราะฉะนั้นในออกแบบควรคำนึงถึงการ Resizing logo ด้วย และตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ในโลโก้ให้ดีก่อนนำไปใช้งาน เพราะด้วยโลโก้มีรายละเอียดมาก อาจทำให้เวลาแก้ไขจะยากและใช้เวลาค่ะ
9. Dynamic Logo
และแล้วเราก็มาถึงโลโก้ประเภทสุดท้ายกันแล้วค่ะ Dynamic logo เป็นโลโก้ที่เกิดมาพร้อมกับยุค Digital เลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งมีความแตกต่างจากโลโก้อื่น ๆ อยู่ที่ว่า โลโก้ประเภทนี้จะปรับตัวเองให้เข้ากับบริบทการใช้งาน หรือหมายความว่า องค์ประกอบในโลโก้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรูปภาพ ตัวอักษร สี ฯลฯ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สำคัญคือต้องทำให้คนยังรู้ว่าโลโก้นี้เป็นของแบรนด์อยู่ โดยอาจจะ fix บางองค์ประกอบไว้ว่าห้ามเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้ทำลายเอกลักษณ์ที่สร้างการจดจำของแบรนด์ไป และไม่ว่าโลโก้ของแบรนด์จะอยู่ในประเภทไหนก่อนหน้านี้ ก็สามารถทำให้เป็น Dynamic Logo ได้เช่นกันค่ะ
ข้อดีของ Dynamic Logo
อย่างที่กล่าวไปว่า Dynamic Logo เป็น ประเภทโลโก้ ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์ได้ ดังนั้นแบรนด์จึงสามารถสร้างสรรค์ได้เท่าที่ต้องการ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างแบรนด์ เช่น หน้าเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย สินค้า หรือ โฆษณา เป็นต้น
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ Dynamic Logo
Dynamic Logo เป็นตัวเลือกดีสำหรับแบรนด์ที่เกี่ยวกับ ความบันเทิง สื่อ หรือ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกตัวอย่างเคสใกล้ตัว อย่าง ไทยรัฐ สื่อข่าวชื่อดัง ที่แตก Sub brand มากมาย เพื่อตอบโจทย์ความสนใจและไลฟ์สไตล์ของผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น Thairath Online, Thairath Plus, Thairath Money, Thairath Sport หรือ Thairath Podcast ซึ่งโลโก้ Sub brand แต่ละรายการของไทยรัฐ มีการปรับดีไซน์ให้แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังคงเอกลักษณ์ ตัว T หรือ ไม้มาลัย ใช้เป็นจุดร่วมของโลโก้ ซึ่งทำให้เมื่อพบเห็นแล้ว ผู้ชมก็รู้ได้ทันทีว่าโลโก้นี้เป็น Sub brand ในเครือของไทยรัฐค่ะ
ข้อควรคำนึงก่อนใช้ Dynamic Logo
พยายามอย่าปรับเปลี่ยนดีไซน์โลโก้จนสูญเสียการเชื่อมโยงโลโก้กับผู้คน การเชื่อมโยงที่ว่า อย่างเช่น คนบางคนอาจจำสีประจำโลโก้ หรือจำรูปภาพหรือสัญลักษณ์ในโลโก้ของแบรนด์ได้ ซึ่งถ้าแบรนด์ปรับเปลี่ยนโลโก้บ่อยเกินไปจะทำให้การเชื่อมโยงระหว่างโลโก้กับผู้คนลดลงค่ะ เหมือนกับว่า ยังไม่ทันจำอันเก่าได้ อันใหม่มาอีกแล้ว ดังนั้นก่อนที่แบรนด์จะปรับเปลี่ยนโลโก้เพื่อ serve objectives ใด ๆ ไม่ว่าจะการ Rebrand หรือ ออกแบบโลโก้สำหรับ New Product จงคำนึงถึงผลลัพธ์ของการปรับเปลี่ยนนั้น และอย่าลืมคงเอกลักษณ์ที่สร้างการจดจำของแบรนด์ไว้ให้ได้ด้วยนะคะ
สรุป
ก็จบกันไปแล้วกับซีรีส์บทความ ประเภทโลโก้ ทั้ง 9 ประเภท เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะมองภาพรวมและเก็ต Concept ของโลโก้กันบ้างไหมเอ่ย ถึงแม้โลโก้จะเป็นองค์ประกอบของแบรนด์ที่ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ หากเปรียบเทียบกับองค์ประกอบอื่น ๆ อย่าง การพัฒนา Product, การตั้งราคา, การออกแบบร้านค้า หรืออื่น ๆ ซึ่งบางทีอาจทำให้เราลืมใส่ใจโลโก้ไป แต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากนะคะ โดยสถิติจาก GaggleAMP ระบุว่า 75% ของผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้จากโลโก้ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
ดังนั้น สำหรับผู้อ่านท่านใดที่กำลังจะสร้างแบรนด์ หรือ Rebrand ของตัวเอง และสงสัยอยู่ว่า เราควรจะออกแบบโลโก้อย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจและสร้างการจดจำได้ดี โลโก้แต่ละประเภทมีข้อดีอย่างไร และก่อนจะออกแบบโลโก้ประเภทนั้นควรคำนึงถึงสิ่งใดก่อน ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ซีรีส์บทความเรื่องนี้ จะช่วยตอบคำถาม หรืออย่างน้อยก็สามารถเป็นหนึ่งในช้อยส์คำตอบของผู้อ่านได้นะคะ
Short Note ประเภทโลโก้ ที่ 6-9
สำหรับใครที่สนใจอ่านบทความอื่นๆ หรือ ต้องการอัปเดตความรู้การตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ช่องทาง Website, Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนตามนี้ได้เลยค่ะ
Sources