Product-Market Fit ที่นักการตลาดสาย Startup ควรรู้ [แบบเข้าใจง่าย]
![Product-Market Fit ที่นักการตลาดสาย Startup ควรรู้ [แบบเข้าใจง่าย]](https://www.everydaymarketing.co/wp-content/uploads/2023/09/Cover-6.png)
ธุรกิจหรือไอเดียต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของลูกค้านั้น บางครั้งหลายๆก็เหมือนจะไปได้ดี แต่บางครั้งก็กลับไม่รอด ทั้งๆที่สินค้าและบริการมีไอเดียดีมากๆ ผู้ก่อตั้งจึงจำเป็นต้องการเคลื่อนตัวธุรกิจที่เหมาะสม ค้นหากลุ่มเป้าหมายได้ถูกจุด และทำให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าที่มีความสุข วันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์เฟรมเวิร์คที่ส่วนใหญ่คนในสายงาน startup น่าจะคุ้นหูกันดี นั่นก็คือ Product-Market Fit วันนั้นเราเลยจะพานักการตลาดไม่ว่าจะอยู่สายงาน startup หรืออื่นๆ มาทำความรู้จักไปพร้อมๆกัน

Product-Market Fit คือการพัฒนาสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี แล้วทำไมนักการตลาดต้องรู้เรื่องนี้ด้วย? อย่างที่บอกไปด้านบนคือการจะทำให้ธุรกิจของเรา success นั้นก็จะต้องใส่ใจทั้งด้าน “Product” หรือ solution ที่คิดออกมาดีพอหรือยัง การใช้งานง่ายหรือซับซ้อนมั้ย เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องไปตอบโจทย์อีกส่วนนึงก็คือ “Market” ทั้งในแง่การแบ่ง segmentation การเข้าใจ pain point และตลาดที่กว้างพอที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้นั่นเอง

โดยเรามักจะทำหลังจากช่วงที่เรามีไอเดียไปถึงทำ Prototype แล้วออกมาเป็น Minimum Viable Product (MVP) หรือสินค้าบริการที่สามารถใช้งานจริงได้แล้ว
สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจไปถึงฝันคือ?
- ตอบโจทย์ตลาด
- สร้างสิ่งที่คนต้องการ
- ลูกค้ามีความสุข
เพราะฉะนั้นแล้วคำนิยามสั้นๆง่ายๆของ Product-Market Fit คือ คุณกำลังแก้โจทย์ที่ผู้คนกำลังมองหาและพร้อมจะจ่ายและบอกต่อ
ตอบโจทย์ตลาด
ข้อนี้นึกง่ายๆเลยคือ ถ้าคุณเป็นเจ้าของรีสอร์ทที่พัก 100 ห้องติดภูเขา
- ถ้าคนอาหารไม่พอ → ผู้ประกอบการจัดทีมหาอาหารมาให้
- ถ้าคนต้องการที่พัก → ผู้ประกอบการหาวัสดุและสร้างที่พักเพิ่ม
ใน 2023 ก็เป็นอย่างงั้น แต่ความซับซ้อนมามากขึ้น เพราะฉะนั้นสร้างสิ่งที่คนต้องการ เพราะคนซื้อ (ด้วยเงิน) สิ่งที่เรา offer
สร้างสิ่งที่คนต้องการ
เวลาที่คนต้องการส่ิงใดสิ่งหนึ่งพวกเขาจะมีการประเมินจากในสมองของพวกเขาโดยไม่รู้ตัวและเปรียบเทียบคุณค่า ราคาและสิ่งที่ต้องการเสมอ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับบริบทนั้นๆด้วย ทั้งสถานที่ สถานการณ์ หรือ pain point ที่เจอ
เช่น
- น้ำเปล่าในร้านสะดวกซื้อ → 1$ โอเค
- น้ำเปล่าในทะเลทรายหลังจาเดินมา 10 กิโล → 10000$ โอเค
สูตรง่ายๆระหว่าง คุณค่า VS ราคาคือ
- คุณค่า > ราคา → “ฉันจะซื้อเดี๋ยวนี้”
- คุณค่า = ราคา → “ไว้ก่อน เดี๋ยวมาซื้อวันหลัง”
- คุณค่า < ราคา → “ไม่ซื้อ”
ดังนั้นคุณค่าที่คาดหวังที่มีมากกว่าราคา คนก็มักจะยอมจ่ายโดยทันที เพราะฉะนั้นต้องหามันให้เจอ ว่าอะไรคือคุณค่าของสินค้าหรือบริการของคุณ
ลูกค้ามีความสุข
Sam Altman CEO ของ OpenAI บอกว่า Product/market fit คือ การที่ผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีผู้ใช้ที่รักสินค้าคุณมากเพียงพอและกล้าพอจะไปบอกต่อคนอื่น ซึ่งเราไม่สามารถ Scale ธุรกิจ ไปได้สวยงามได้เลยถ้าเจอแต่ลูกค้าไม่มีความสุข
แต่ก็ยังไม่สายไปสะทีเดียวถ้าคุณเจอเหตุการนั้น คุณสามารถแก้ไขได้โดย
- คุณค่าที่คุณมอบให้ → เพิ่มข้อเสนอที่ดีขึ้น
- วิธีที่ส่งมอบคุณค่า → ถ้ายังไม่ดีก็แก้ที่กระบวนการ
- ความเร็วที่คุณส่งมอบ -> ถ้ายังช้าเกินไป ก็ปรับปรุงที่กระบวนการ
มาแจกสูตรสำเร็จและตัวอย่างการคิด Product-Market Fit กัน
มาถึงขั้นตอนนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับนักการตลาดมากขึ้น เพราะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า
- ใครจะซื้อสินค้าจากคุณ -> ลูกค้า
- จะซื้อสินค้าได้จากที่ไหน -> ช่องทาง
- ทำไมเขาต้องซื้อคุณ -> ข้อความ หรือสิ่งที่จะสื่อ
Paypal แพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์ที่สะดวกและปลอดภัย ซึ่งเราอยากให้ทุกคนลองนึกภาพเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่การทำธุรกรรมการเงินออนไลน์นั้นยังไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่

ตอบโจทย์ตลาด
PayPal เริ่มต้นจากการเป็นกระเป๋าตังดิจิตัลสำหรับระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย แต่พวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เจ๋งมากพอในการตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ไม่ได้แก้ปัญหาที่ถูกจุด เพราะในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 ค้าขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วมาก แต่คนก็ยังความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยผ่านการซื้อของ หรือทำธุรกรรมออนไลน์
สร้างสิ่งที่คนต้องการ

การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างด้วยการให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าบัญชีเอง เลือกเชื่อมโยงบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องเปิดแอพหลายๆแอพ และไม่ต้องคอยมานั่งจำรหัสแต่ละที่ให้วุ่นวายอีกด้วย หรือถ้าหากต้องการรับเงินก็ใช้เพียงแค่อีเมลล์ได้เลย แพลตฟอร์มนี้ยังให้การคุ้มครองผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงสำหรับผู้ใช้ในการทำธุรกรรมออนไลน์
ลูกค้ามีความสุข

นอกจากนั้นยังเสนอ Referral Program ให้กับผู้ใช้งานที่บอกต่อจะได้รับ $20 ไปเลย เมื่อพอมีฐานลูกค้ามากพอ ก็ได้เชื่อมกระเป๋าตังอันนี้ผ่าน eBay และเจ้าอื่นๆ ตามมา ทำให้ทุกๆ touch point ของลูกค้าสามารถเชื่อมกับบัญชี PayPal ได้เลย
โดยสรุปแล้ว ความสำเร็จของ PayPal สามารถนำมาประกอบกับความสามารถในการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดผลิตภัณฑ์ตามกาลเวลา เริ่มต้นจากการหาจุดที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาด จากนั้นก็คิดกลยุทธ์ธุรกิจดีๆออกมา ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือกับผู้ค้ารายใหญ่เพื่อการเติบโตของธุรกิจ การเชื่อมบัญชีกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อการเติบโตใหม่ และทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง วิธีการเหล่านี้นั้นช่วยให้ PayPal กลายเป็นธุรกิจที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงินเลยทีเดียว