การตลาด Heinz ทำสีสัก จาก Pantone ซอสมะเขือเทศ

การตลาด Heinz บราซิล ทำแคมเปญเพื่อสร้าง Awereness ในกลุ่ม Gen Z ให้กับแบรนด์ โดยการครีเอทเป็นสีสำหรับสักที่ใช้ สีแดง Pantone ภายใต้ลิขสิทธ์ของ Heinz มาช่วยแก้ Pain Point เพราะสีแดงเป็นสีที่แพ้ง่ายมาก จากกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าเกิดเป็น Heinz Tattoo Ink เปลี่ยนซอสมะเขือเทศ เป็นสีสัก สินค้าใหม่เอาใจแฟนด้อมชอบสักลาย และคนที่ชอบสักสีแดง

ที่มา : Heinz Brasil

ในยุคปัจจุบัน การสักลายเริ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค Gen Z ในเชิงบวก และมีมุมมองของการเป็นศิลปะมากขึ้น แต่ในวงการสักก็มักเกิดเหตุการณ์บางอย่างบ่อย ๆ เช่นการแพ้สีสำหรับสักลาย ที่อาจเกิดจากการแพ้ส่วนผสมที่อยู่ในหมึกที่ใช้ มักมีการยอมรับกันในวงการสักว่า “สีแดง” เป็นสีที่มีปัญหามากที่สุด และถูกแบนจากหลายประเทศ เพราะเมื่อสักไปแล้วทำให้มีความเสี่ยงเกิดอาการแพ้สีนี้ขึ้น โดยจะมีอาการผื่นคัน หรือแม้กระทั้งเป็นมะเร็งผิวหนัง และยังเป็นสีที่กำจัดออกได้ยากที่สุด อีกด้วย

Heinz มีแฟนด้อมชอบสักรูปซอสมะเขือเทศ

ในกลุ่มคนสักมักจะเลือกลายสักที่เป็นแบรนด์สินค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสินค้านั้น และ ไฮนซ์ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่กลุ่มคนนิยมสัก ตั้งแต่การสักโลโก้ ไปจนถึงการสักรูปขวดซอสมะเขือเทศ ด้วยรูปทรงที่คลาสสิกของไฮนซ์  ความโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ จากซอสมะเขือเทศที่กินคู่กับไข่เจียว ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ และศิลปะบนร่างกายสำหรับผู้บริโภค

ที่มา : Heinz Brasil

การตลาด Develop Product Heinz Tattoo Ink เปลี่ยนจากซอสมะเขือเทศเป็น สีสักที่ปลอดภัยเอาใจแฟนด้อม

Heinz จับ Pain point  กลุ่มแฟนคลับที่ชอบสัก จากปัญหาสีแดงที่มักทำให้แพ้ นำมาแก้ปัญหาให้ลูกค้าเป็นสีที่ปลอดภัยกับผู้สักเพื่อตอบโจทย์ปัญหานี้ กลยุทธ์นี้ค่อนข้างจะฉีกกฎของความครีเอทไปมาก ใครจะไปคิดได้ว่า วันหนึ่งแบรนด์ซอสมะเขือเทศจะมาผลิตสีสักขาย จริงไหมล่ะคะ? 

แต่ด้วย Target ที่ Heinz โฟกัสในครั้งนี้คือกลุ่มคน Gen Z การทำโฆษณาโปรโมทตามโซเชียลแบบเดิม ๆ ก็มีแต่จะทำให้ลูกค้า Skip โฆษณาทิ้งแน่นอน ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่มีรสนิยมชอบในรอยสัก และบวกกับมีกลุ่มลูกค้าแฟนด้อมที่เป็นแฟนคลับสายสักลายอยู่แล้วการผลิตสีสักออกมา นี่ก็ถือเป็นการยิงเป้าได้ตรงจุดที่สุดแล้วค่ะ

ที่มา : Heinz Brasil

3 Insight ของ Heinz กับไอเดียการทำสีสัก 

1.เนื่องจากความต้องการจับกลุ่มลูกค้า GenZ ที่เป็นคนยุคใหม่ และได้มีการพบ Data ที่น่าสนใจคือ 46% ของคน Gen Z มักมีรอยสักอย่างน้อยหนึ่งรอย นั่นก็หมายถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมสักกันนั่นเอง ดังนั้นการจะจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้แบรนด์ก็ต้องเข้าไปแทรกซึมอยู่ในความสนใจของลูกค้านั่นเองค่ะ

2.มีแฟนด้อมที่ชอบสักรูปซอสมะเขือเทศไฮนซ์ทั่วโลกเลย ผู้เขียนก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ ว่าทำไม? มีทั้งสักโลโก้ และสักรูปซอสมะเขือเทศ Heinz เลยค่ะ อาจเป็นเพราะเป็นรูปที่มีความคลาสสิคขนาด Ed Sheeran ก็ยังสักเลยค่ะ ซึ่งในตอนนั้นได้ทำแคมเปญเพื่อหารายบริจากในองค์กรการกุศลค่ะถือเป็นการติดโฆษณาแบบถาวรให้กับ Heinz ไปเลย เเละยังเป็นโฆษณาที่สามารถเคลื่อนที่ได้อีกด้วยนะคะ 

3.การตอบโจทย์ Pain point สีสักสีแดงที่ไม่ปลอดภัย จากฐานแฟนด้อมที่ชอบสักรูปซอสมะเขือเทศ Heinz  แต่ติดที่สีแดงมักจะเป็นสีที่ทำให้เกิดอาการแพ้ บางคนไม่กล้าเสี่ยงจึงเลือกสักเป็นสีดำแทน แต่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์กับความเป็น  Heinz ได้ 100% ซอสมะเขือเทศ มันจะเป็นสีดำได้ยังไงล่ะ มันต้องสีแดงสิ่ถึงจะเป็นซอสมะเขือเทศที่สมบูรณ์ใช่ไหมล่ะคะ?

จาก Pain point นี้ ไฮนซ์จึงพัฒนาสีสำหรับสักที่ปลอดภัยและเป็น Pantone ของไฮนซ์ เพื่อแฟนด้อมที่ชอบสักค่ะ แล้วก็นำมาสู่การพัฒนาสินค้า ที่ฉีกจากกรอบของการเป็นสินค้าประเภทอาหารไปเลย แต่นำมาขยายผลจากความสนใจของกลุ่มลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ เพราะคนไม่ได้มอง Heinz เป็นซอสมะเขือเทศอีกต่อไป แต่มองไปถึงศิลปะ

ดังนั้น Heinz จึงเป็นกลายเป็นสีสักที่ปลอดภัย โดยพัฒนามาจากความต้องการ และ Insight ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์นั่นเอง

ที่มา : Heinz Brasil

จาก Heinz Ketchup  สู่ Heinz Tattoo Ink

แคมเปญนี้ทำในประเทศบราซิลค่ะ เริ่มขึ้นโดย Heinz ร่วมมือกับ Electric Ink ซึ่งเป็นบริษัทของบราซิลที่ผลิตเครื่องมือสัก และหมึกสำหรับสัก จากแนวคิดของ Heinz ที่ต้องการผลิตสีสักที่ปลอดภัยกับผู้สักมากที่สุด ขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถันนี้ใช้เวลาถึง 14 เดือน ในการพัฒนาสูตรหมึกสักที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงส่วนผสมทั้งหมด 4,000 รายการที่ทำให้เกิดอาการแพ้โดยใช้สี Pantone ของ Heinz Tattoo Ink นี้เป็นลิขสิทธ์อย่างถูกต้อง ได้รับผ่านการควบคุมคุณภาพเพื่อสามารถใช้ในร้านสักบราซิล ได้จริง และมีการผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับร้านสักทั่วประเทศบราซิลอีกด้วยนะคะ

ในการโปรโมทเเคมเปญนี้เปิดตัวด้วยคอลเลกชั่นรอยสักที่มี Inspirantion จาก Heinz ทั้ง 57 ลายที่ออกแบบโดยศิลปิน 5 คน และมีวิดีโอโปรโมทแคมเปญนี้ ออกมาทางโซเชียลมีเดียด้วยค่ะ

ผลจากการตลาด แคมเปญนี้ Heinz ได้อะไรบ้าง?

1.Heinz ได้ Organic awareness ไปเต็ม ๆ ให้กับแบรนด์ทั้งจากกลุ่มผู้บริโภคเอง ที่พูดถึงบนกระทู้ Twitter  และมีสื่อนำเเคมเปญนี้ไปลงเช่น Vogue, It’s Nice That และ Hypebeast 

จะเห็นได้เลยค่ะ การทำแคมเปญทางการตลาด ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำโฆษณาเพื่อขายสินค้าเดิม ๆ เสมอไป หากแบรนด์ทำการบ้านของแบรนด์มาดี และพบความต้องการของกลุ่มลูกค้า ก็สามารถนำมาพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ได้เช่นกัน เหมือนที่ Heinz พัฒนามาผลิต Heinz Tattoo Ink เพื่อช่วยแก้ปัญหากลุ่มคนที่แพ้สีสักเป็นต้น

2.Awareness Long term จากแคมเปญนี้สร้างการรับรู้ให้ลูกค้าตระหนักถึงแบรนด์ ว่าเป็นสินค้าที่คำนึงถึงความใส่ใจ และให้ความสำคัญกับส่วนผสมมากเพื่อผลิตสินค้าที่ดีออกมาให้กับลูกค้า เหมือนกับที่ Heinz ผลิตสีสักที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและยังใช้เวลาถึง 14 เดือน เพื่อผลิตสินค้าที่ปลอดภัยออกมา ซึ่งก็ส่งผลทางอ้อมด้วยว่าเจ้าซอสมะเขือเทศไฮนซ์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารของเรานี้ ก็เป็นซอสที่มีคุณภาพ และผลิตมาด้วยความใส่ใจค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะกับแคมเปญที่ผู้เขียนนำมาฝากในครั้งนี้หวังว่าจะสร้างไอเดียให้กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ  เพราะการพัฒนาสินค้า อาจไม่ใช่การต่อยอดจากการขายสินค้าชนิดเดิมเสมอไป หากเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการก็สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจได้เหมือนกันค่ะ

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอน เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่t