5 ไอเดียกลยุทธ์ Call To Action (CTA) ดึงดูดให้ลูกค้ากดคลิก

5 ไอเดียกลยุทธ์ Call To Action (CTA) ดึงดูดให้ลูกค้ากดคลิก

5 ไอเดียกลยุทธ์ Call To Action (CTA) ดึงดูดให้ลูกค้ากดคลิก

จากข้อมูลของ We are social ภาพรวมจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศในต้นปี 2023 พบว่า มีคนไทยที่กำลังใช้โซเชียลมีเดียก็มีมากกว่า 52.25 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 72.8% ของคนไทยทั้งประเทศ 

โอกาสของการทำ Digital Marketing ก็มีมากขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละแบรนด์ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้แค่ไหนค่ะ คำถามคือแล้วจะมีซักกี่คนที่เห็นคอนเทน์การตลาดและโฆษณาโดยไม่ไถผ่านไปเฉย ๆ วันนี้เตยเอาหนึ่งในกลยุทธ์เบสิกแต่ใช้ได้ดีอยู่มาฝากกันค่ะ นั่นคือ Call To Action หรือ CTA 

เพราะใครที่อยากทำ การตลาดออนไลน์ให้ปัง อยากเป็นตัวแม่ไม่ควรพลาดสิ่งนี้จริง ๆ

Call To Action คืออะไร

อธิบายอย่างง่าย Call To Action หรือ CTA เป็น ตัวกระตุ้นความสนใจให้ผู้อ่านหรือผู้ชมทำอะไรบางอย่าง เปรียบเทียบง่าย ๆ มันเหมือน “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ให้ลูกค้าตัดสินใจได้และลดความลังเลในการกระทำ

สำหรับใครที่นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร เตยอยากให้ลองนึกว่าเคยเห็นรูปประโยค เช่น “ซื้อทันที” หรือ “ดาวน์โหลดฟรี” หากอ๋อ นึกออกในใจแล้วล่ะก็ พวกนี้ก็คือตัวอย่างของ Call To Action ที่เห็นได้ทั่วไปนั่นเองค่ะ

เพื่อให้เกิดความกระชับมากขึ้น ในบทความนี้เตยจะใช้ตัวย่อ CTA แทนการคำเต็ม Call To Action แทนนะคะ

ซึ่งวันนี้เตยได้รวมรวบตัวอย่าง CTA ที่ทำตามได้ง่าย ๆ จนไปถึงขั้นแอดวานซ์ทั้งหมด 5 ไอเดีย มาฝากให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจกันค่ะ หรือใครที่มีไอเดียใหม่ ๆ ในการทำ CTA สามารถแชร์ได้ในคอมเมนต์ได้เลย

#1 Contextual content CTA

contextual content Call To Action (CTA)
ที่มา: http://bit.ly/414fTci

เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการหยิบยกบริบทโดยรอบมาปรับใช้ค่ะ จากตัวอย่างในรูปจะเป็นการใช้ CTA ให้ดาวน์โหลดหนังสือฟรีที่มีความเกี่ยวเนื่องกับตัวบทความในเว็บ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่ม traffic และการเข้าถึงให้กับเว็บไซต์หรือ blog ได้ดีมาก ๆ ค่ะ

เราอาจเสนอในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน หรือ พิจารณาแล้วว่าผู้ใช้รายนี้น่าจะชอบในสิ่งนี้ มาปรับใช้เป็น CTA ก็ได้เช่นกัน ทำให้เป็นการ ‘แอบขาย’ ที่แยบยล ไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถูกเสนอขายมากเกินไปนั่นเองค่ะ

หากสังเกตดี ๆ เราจะพบว่าในตัวอย่างไม่ได้ใช้คำว่า Free Download แต่เป็นการใช้คำที่สื่อให้เห็นว่าผู้กระทำได้ประโยชน์อย่าง Get your Copy! ดังนั้นเราควรเลือกใช้คำเชิงบวกต่อตัวผู้อ่านโดยตรง เพราะการเลือกคำมีผลกับความรู้สึกต่อผู้อ่านนั่นเองค่ะ

#2 Subscribe for more content CTA

subscribe for more content Call To Action CTA
ที่มา: http://bit.ly/414fTci

อย่างที่เรารู้กันดีว่า ข้อมูลผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล์ หรือช่องทางโซเซียลมิเดีย สิ่งเหล่านี้คือแหล่งข้อมูลชั้นดีในการทำ การตลาด แต่การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อมูลผู้ใช้บางอย่าง นั้นอาจไม่ง่ายค่ะ

ดังนั้น ถ้าเราอยากได้อะไรบางอย่างจากเขา เราก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนให้กลับไปค่ะ จากตัวอย่างในรูปจะเป็นการยื่นหมูยื่นแมว ให้สมัครโดยใช้อีเมล์เพื่อแลกกับเคล็ดลับการตลาด เทรนและข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ เรียกได้ว่า วิน-วิน กันทั้งสองฝ่ายนั่นเองค่ะ เตยมองว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เราได้ข้อมูลแบบไม่บิดเบือน เพราะพวกเขาเต็มใจที่จะให้เพื่อแลกกับสิ่งที่พวกเขาต้องการนั่นเองค่ะ

#3 Discount code CTA

discount code Call to Action CTA
ที่มา: http://bit.ly/414fTci

วิธีต่อมาจะเป็นการใช้ส่วนลดเป็นตัวชูโรง อย่างในรูปจะเป็นการส่งโค้ดส่วนลดไปให้ผู้อ่าน เพื่อดึงดูดให้พวกเขาเข้าร่วมอีเวนท์ วิธีนี้เตยว่าเป็นอีกหนึ่งทางที่ไม่เลวเลย เพราะนอกจากจะดึงดูดลูกค้าได้แล้ว ยังเป็นการลดขั้นตอนในการชำระเงินอีกด้วย ทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณไปกับการโฆษณาเพื่อเข้าถึงลูกค้า

#4 Time delay CTA

Time delay CTA
ที่มา: http://bit.ly/414fTci

สำหรับวิธีนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนค่ะ แค่ใช้เวลาเป็นตัวสร้างความน่าสนใจ จากตัวอย่างก่อนหน้า จะเป็นการใช้ CTA ที่ปรากฎขึ้นมาพร้อมเนื้อหาอื่น ๆ อยู่แล้ว ภาษาบ้าน ๆ ก็ เปิดปุ๊บ! เห็นปั๊บ! แต่วิธีนี้จะไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เป็นการที่เปิดปุ๊บ อีกสักปั๊บถึงจะเห็น

วิธีนี้เตยคิดว่าไทม์มิ่งและความเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ค่ะ หากเรากะเวลาที่จะใช้ กลยุทธ์ นี้ไม่ถูก หรือทำให้เด้งขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป แทนที่พวกเขาจะรู้สึกสนใจ อาจกลับกลายเป็นรำคาญและกดปิดทิ้งไปทันที แต่สำหรับในตัวอย่าง จะเป็นการเด้งขึ้นมาเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของบทความ เรียกความตกใจและดึงดูดความสนใจไปในเวลาเดียวกัน

#5 Personalized CTA

Personalized
ที่มา: http://bit.ly/414fTci

สำหรับวิธีนี้จะแอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย เพราะเป็นการใช้ Personalized Marketing และเทคนิค Coding มาเป็นส่วนประกอบ จากตัวอย่างในรูปจะเป็นการระบุชื่อของคน ๆ นั้นลงไปใน CTA นั่นเองค่ะ ซึ่งเตยมองว่าเป็นวิธีที่เตะตามาก เพราะถ้าเตยเห็นชื่อตัวเองแปะอยู่ในนั้น เตยคงให้ความสนใจกับมันและเลือกที่จะอ่านเจ้าสิ่งนี้ก่อนแน่นอน

สรุป 5 ไอเดียเพื่อ กลยุทธ์ Call To Action (CTA) ดึงดูดให้ลูกค้ากดคลิก

และนี่ก็คือ 5 ตัวอย่างการใช้ Call To Action ที่ทำให้คนอยากกดคลิกมากขึ้นที่เตยนำมาแชร์ในวันนี้ มีทั้งที่ทำตามได้ง่าย ๆ ปรับใช้จากสิ่งรอบตัว ตามบริบทของแบรนด์และแผนการตลาดของนักการตลาดเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จนไปถึงขั้นที่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เพื่อให้นักการตลาดสามารถพัฒนา กลยุทธ์ Call To Action ได้ไม่ตกเทรนด์

เตยหวังว่าตัวอย่างเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

Source: https://bit.ly/414fTci

Toey Waritsa

ใบเตย หรือเรียกว่าเตยก็ได้ค่ะ ทำ Data Research Insight เป็นอาชีพเสริม อาชีพหลักเลี้ยงแมว ทุกบทความเขียนออกมาด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อหาเงินเลี้ยงแมวค่ะ😺🫶🏻

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *