ไขเคล็ดลับ Branding Strategy ของ Tesla ให้เป็นตัวพ่อแห่งวงการรถ EV

เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อไหร่ เรามักจะนึกถึงแบรนด์อย่าง Tesla มาเป็นอันดับต้นๆ ที่เรามักจะนึกถึงความเป็นยานยนต์แห่งอนาคต ดีไซน์สวยงาม คุณภาพคับกล่อง และที่สำคัญเราจะรู้สึกว่าเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ฉีกกฏจากรถยนต์ไฟฟ้าแบบเดิม ที่ขับได้ช้าเหมือนเต่าคลาน คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งในวันนี้เราจะพามาถอดรหัสความสำเร็จของแบรนด์นี้กันว่า Tesla Branding Strategy มีอะไรที่ทำให้พา Tesla เป็น top of mind แห่งวงการรถยนต์ EV นั่นเอง 

สิ่งที่ Tesla แตกต่างจากแบรนด์อื่น 

หยิบยกประเด็นสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการที่ทำให้ Tesla ประสบความสำเร็จ เพราะว่าโฟกัสการทำรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ในขณะที่แบรนด์อื่นยังมองว่ารถยนต์ไฟฟ้า เป็นแค่ทางเลือกเท่านั้น ทำให้ได้ใจผู้ขับขี่สายรักษ์โลกเข้ามาเต็มๆ 

ใช้ Hype and event-style marketing คล้ายกับ Apple ที่ Elon Musk ยืมแนวคิดนี้มาจาก Steve Jobs  ซึ่งแนวคิดนี้จะเป็นการแสดงจุดยืนของแบรนด์และวิสัยทัศน์ที่ตัวเองเชื่อออกมา ว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้อย่างไร ซึ่งในเคสของ Tesla นั้นเรามักจะเห็นตาม Twiitter อยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นก็เป็นการตลาดที่ไม่เสียเงินเลย

ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย จริงอยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ใหม่และอาจจะดูซับซ้อนในสายตาของคนทั่วไป แต่ Tesla สามารถออกแบบชิ้นส่วนรถให้เหลืองเพียง 20 ชิ้นได้ ในขณะที่รถคันอื่นๆใช้ส่วนประกอบมากถึง 2,000 ชิ้น ทำให้สามารถปรับปรุงซอฟท์แวร์ของรถ เพื่อสร้างประการณ์ที่ดีและแปลกใหม่ให้กับคนขับได้ แถมยังเป็นการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นอีกด้วย 

การออกแบบที่ดูมีสไตล์ ซึ่งทางแบรนด์มีความเชื่อว่ารถที่ราคาแพงจะมาพร้อมกับรูปลักษ์ที่สวยงามเสมอ การออกแบบรถของ Tesla นั้นค่อนข้างดู innovative แต่เรียบง่าย เข้าถึงง่ายโดยเฉพาะกลุ่มคนวัยรุ่นนั่นเอง 

สร้างจุดยืนของแบรนด์ที่ครองใจใครหลายๆคน 

ด้วยความตั้งใจของแบรนด์ที่ “อยากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่ออนาคตของเรา ที่มาพร้อมกับคุณภาพและการออกแบบที่มีไสตล์” 

นอกจากนั้นยังคำนึงเรื่องการใช้งานและความรู้สึกที่ผู้ขับขี่จะได้รับทั้งประสิทธิภาพ ความเร็ว และในขณะเดียวกันก็รู้สึกเท่และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคน

ไอเดียที่ Tesla สร้างแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกช่องทาง 

Brand Promise : การเป็นผู้นำด้านรถไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ยังคงเน้นเรื่องประสิทธิภาพและการออกแบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมาพร้อมกับการรูปลักษณ์ของรถ โลโก้และสโลแกนที่สื่อถึงความตั้งใจของแบรนด์จริงๆ 

Brand Story : เรื่องราวของแบรนด์ที่สื่อออกมาผ่านสื่อต่างๆไปยังผู้บริโภคได้เข้าใจความเป็นมาของแบรนด์และสิ่งที่แบรนด์กำลังจะสื่อนั่นเอง

Innovation : คุณสมบัติของการเป็นผู้นำนั้นจะขาดไม่ได้เลยถ้าหากไม่มีการพัฒนาสินค้าอยู่บ่อยๆ โดย Tesla เองก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีและลงทุนกับการพัฒนาโปรดัคส์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

Purchase Moment : ง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะสามารถซื้อรถผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย 

Consumer Experience : สร้างประสบการ์ที่ดีที่ทำให้เพื่อนอยากซื้อตามหรือเป็นที่ต้องการของใครหลายๆคน 

แต่การทำธุรกิจก็ไม่ได้ราบรื่นไปสะทีเดียว Branding Strategy จะช่วยได้อย่างไร? 

หลายคนคิดว่าการเป็น Tesla นั้นช่างง่ายดาย เพียงแค่สร้างสินค้าเจ๋งๆออกมาก็ดังเพียงชั่วข้ามคืน! ซึ่งจะบอกว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว เพราะว่าเขาใช้เวลาถึงหลายปีจากรถที่ขายได้ไม่กี่พันคันหลังจากเปิดแบรนด์มาหลายปีกว่าที่เขาจะครองใจสาย EV นั้นไม่ใช่เรื่อง่ายเลย และมากกว่านั้นยังคงมีไม่น้อยที่ต้องกังวลว่าจะเป็นบริษัทรถที่น่าสนใจที่สุดในศรรษวรรษที่ 21 โดยการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่รถยนต์ไฟฟ้า” 

Tesla จะรักษาตำแหน่งเจ้าตลาดอยู่ได้หรือเปล่า? ในขณะที่คู่แข่งหันมาลงทุนในเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 

จะเห็นได้ว่าตลาดของรถไฟฟ้านั้นมีผู้เข้ามาเล่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งรถแบรนด์ดั่งเดิมอย่าง Toyota และ Nissan ที่หันมาใช้แบตเตอรี่แบบ solid-state ที่รัฐบาลญี่ปุ่นลงทุนจำนวนหลายพันล้านเยน เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าจริงหรือไม่? ซึ่งนั่นก็ทำให้ Tesla จะต้องออกมาพัฒนาคุณภาพ เพื่อยังคงรักษาฐานลูกค้าและความเป็นเจ้าตลาดไว้นั่นเอง 

ทำยังไงให้ Tesla มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นใน 10 ปีนี้? 

ในตอนนี้ถึงแม้ว่า Tesla จะเป็นเจ้าตลาดอยู่ แต่ยังคงเจาะกลุ่มตลาดของคนที่มีฐานะอยู่ ซึ่งก็มีแบรนด์อื่นๆเข้ามาในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง และทำราคาที่จับต้องได้มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามไม่แพ้กัน ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่อันหนักหน่วงของนักการตลาดที่นอกจะต้องรัษาลูกค้าไว้แล้ว ก็ยังคงต้องขยายฐานลูกค้าด้วย 

Tesla ควรที่จะหันมาโฆษณาเพิ่มขึ้นรึเปล่า? 

ถึงแม้ Tesla จะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่การที่แบรนด์นั้นไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวขอแบรนด์อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เรามีตัวตนแบบขาดๆหายๆ เพราะฉะนั้นแล้วการเล่าเรื่องราวลงบนโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ก็ทำให้คนเข้าถึงเราได้มากขึ้นและรู้จักตัวตนของแบรนด์เป็นอย่างดี 

เทคโนโลยียังพัฒนาไปต่อได้อีกไกลแค่ไหน? และจะชนะตลาด EV ได้อย่างไร ?

การแข่งขันในตลาดตอนนี้ก็ถือว่าดุเดือดพอสมควร ในฐานะที่เป็นเจ้าตลาดด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย Tesla ควรมีกลยุทธ์ในการพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งๆขึ้นไป ซึ่งนั้นก็ทำให้เรียกความเชื่อใจให้กับผู้ขับขี่ไปจนถึงนักลงทุน และบางครั้งอาจจะต้องไปร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เช่น เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากกว่านี้ หรือฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถสื่อสารการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่วางไว้ตั้งแต่แรก

จากที่อ่านมาทั้งหมด ขอสรุปเป็นแผนภาพจาก Belove Brand ที่เข้าใจง่ายมากๆ 

การนำวิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนแปลงตลาดของรถยนต์จากน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในขณะที่บริษัทอื่นมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นแค่ทางเลือกเพียงเท่านั้น แต่ Tesla ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าบางครั้งจะล้มเหลวก็ตาม นอกจากนั้น การมองเห็นโอกาสที่จะทำให้รถไฟฟ้าแตกต่างจากเดิมที่เคยมีมา เปลี่ยนภาพลักษณ์และความคิดของรถไฟฟ้าใหม่ โดยอาศัยโอกาสของเทรนด์ที่คนหันมาใส่ใจวิ่งแวดล้อมมากขึ้น และทำให้สามารถสร้างความนิยมในวงกว้างได้เป็นอย่างดี ผ่านการเล่าเรื่องแบรนด์และจุดยืนที่ชัดเจน พร้อมกับประสบการณ์ที่ผู้ขับขี่จะได้รับ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้เป็นแบรนด์ที่ดูล้ำสมัยและเข้าใจผู้ขับขี่ เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นแบรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ต้นๆที่คนมักจะนึกถึง 

Source : Beloved Brands

อ่านบทความอื่นๆ ของการตลาดวันละตอนได้ที่นี่