Social Media Trends 2021 – 10 เทรนด์โซเชียลปี 2021

หลายคนเริ่มอยากรู้เทรนด์ของปีหน้ากันแล้ว วันนี้เพลินเลยหยิบ Report จาก Hubspot และ Talkwalker มาสรุปให้ฟังกันว่า Social Media Trends 2021 จะมีอะไรน่าสนใจ และเน้นไปในทิศทางไหนบ้าง เพราะเอาจริงๆ ว่าหลังจากที่มี COVID19 เกิดขึ้น การตลาดแบบเดิมๆ ที่ต้นปีเดือนมกราคมยังทำอยู่ หลายๆ คนเริ่มพับเก็บไปแล้วเพราะใช้ไม่ได้ เหตุการณ์และอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปไวมาก งั้นวันนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าอะไรอิน อะไรเอ้าท์ 

เทรนด์ที่ 10: UGC วันนี้คือการ Remix

Remix ถ้าแปลตรงตัวก็คือการเอา content ที่มีอยู่แล้ว มายำใหม่ให้เกิด New Content ใหม่ใช่ไหมคะ วันนี้ด้วยพลังแห่งวิกฤษแสนโหดร้าย เลยทำให้เทรนด์การ Remix เนี่ยแหละมันบูมขึ้นแบบเห็นได้ชัด เพราะหลายๆ คนออกไปไหนไม่ได้ ต้องกักตัวอยู่แต่บ้าน ไม่ได้ออกไปสร้าง Content ใหม่ที่ไหนเลย เค้าก็เลยต้องหยิบคอนเท้นต์คนอื่น หรือของแบรนด์ที่ทำอยู่แล้วมา Remix หรือเรียกว่าเป็นการ Cover ก็ยังได้ 

โดยพฤติกรรมแบบนี้ เราเห็นได้ทั่วไป โดยเพราะบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ที่เปิดให้คนทั้ง Co-Create แบบ Duet ร่วมกัน หรือว่าจะเป็นการ Cover เต้น รับ Challenge จนทำให้ Brand Resonance ดังต่อยอดไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่าเนื้อหาของแบรนด์นั้นมาน่าโคฟหรือ Remix นั่นเองค่ะ

เพราะฉะนั้นในปี 2021 หากอยากให้คน Engage กับแบรนด์เยอะๆ ก็ลองจัด Content ปังๆ ที่ให้คนสามารถนำไป Remix โชว์ความเป็นตัวเองในการ Cover เผย Creativity กันเยอะๆ นะคะ ถ้าคิดอะไรไม่ออกละก็ เริ่มใช้ TikTok ก่อนเลยก็ได้ แล้วค่อยขยายจากแพลตฟอร์มนั้นไปสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ ค่ะ

เทรนด์ที่ 9: การทำคอนเท้นต์แบบ 4Cs

ในปีหน้า ถึงแม้ว่าโควิดจะเริ่มเบาบางลง จนเหมือนว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะในไทย เริ่มจะลืมไปแล้วว่า COVID19 นั้นโหดร้ายเพียงใด แบรนด์ก็ยังควรที่จะสร้าง Content เพื่อตอกย้ำเกี่ยวกับมันอยู่ค่ะ โดย 4Cs ที่ว่าก็คือ Community / Contactless / Cleanliness และ Compassion เพราะลูกค้าหวังเป็นอย่างมากว่า สถานที่ที่ไป หรือสินค้าต่างๆ นั้นจะปลอดภัย และห่างไกลเชื้อโรค หลายๆ คนคิดว่าคนเลิกแคร์แล้ว แต่จริงๆ Search Trends ยังมีอยู่เรื่อยๆ แถมมันคือช่วงนี้เลย ที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นค่ะ

โดยผู้บริโภคจะหวังว่าแบรนด์จะเป็นอีกทางนึงที่จะช่วยอัพเดทข่าวสาร หรือปกป้อง Community ของพวกเค้าให้สะอาด ปลอดภัยด้วย ดังนั้น Content ในปีหน้า ก็อย่าลืมตอกย้ำเรื่องความเข้าอกเข้าใจ ความสะอาด และความปลอดภัยเข้าไปด้วย เพื่อเป็นการย้ำลูกค้าว่า มาตรฐานของเรายังใส่ใจอยู่นั่นเองค่ะ

เทรนด์ที่ 8: ทำ Meme บ้าง

 วันนี้ต้องลืมการใช้ Emoji ไปก่อนนะ พวก GIFs ก็เอาเก็บไว้ไปพักก่อน เพราะชั่วโมงนี้ต้องให้เค้าคนนี้เลย Memes ตลกๆ กระแทกใจทั้งหลายที่แพร่เร็วมากทั่วอินเตอร์เน็ต จนกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนเริ่มคุยกันแล้ว ซึ่งบอกเลยว่า อนาคตเหล่า Social Listening อาจจะต้องเริ่มจับ Memes พวกนี้ให้ได้ด้วย ว่ามาจาก Keywords อะไร คนถึงเลือกใช้ Meme ตัวนี้

เหตุผลหลักๆ ก็คือ การใช้ Memes นั้นเป็นไปในด้านที่สนุก แต่ก็มีความเสียดสีอยู่ข้างในด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Expression หรือการแสดงออกทางอารมณ์แบบ ‘แล้วแต่เถอะ..’ หรือการมองบนทั้งหลาย ที่แบรนด์ต้องเข้าใจบริบทการใช้งานของ Memes เหล่านี้ก่อนลงไปเล่นกับมันค่ะ

เทรนด์ที่ 7: ดึง Memories เก่าๆ ของคนกลับมา

หลายๆ คนเอาแต่หวนคิดถึงว่า 2019 มันดีมากแค่ไหน ยิ่งเป็นคนไทย ประโยคฮิตๆ อย่าง ‘รู้งี้…’ นั้นฮิตมาก อย่างตัวเพลินเองกับพี่สาวนี่พูดกับแทบทุกวันว่า ‘รู้งี้ช่วงเดือนตุลาไปเที่ยวต่างประเทศดีกว่า’ แล้วเก็บเที่ยวไทยมาใช้ปีนี้แทน เพราะฉะนั้นการดึงความรู้สึกดีๆ ความทรงจำดีๆ ในวันเก่าๆ กลับมา จะทำให้คนสามารถคิดถึงและมีแนวโน้มที่จะ Engage กับโพสต์ของเรามากขึ้นค่ะ

สาเหตุหลักๆ ก็คือ คนอยากจะรู้สึกดีมากกว่า อยู่กับอดีตก็ได้ ยอมทั้งๆ ที่วันนี้มันอาจจะแย่ก็ตามที โดยการทำการตลาดแบบ Nostalgia นี่ถูกใช้บ่อยมากในช่วง Depression 1920 ที่ทำให้คนรู้สึกดี มีความหวังแม้ในวันแย่ๆ เหมือนได้หลุดไปอยู่ในโลกที่อยากอยู่สักพักก็ยังดีนั่นเองค่ะ

เทรนด์ที่ 6: หมั่นสร้างบทสนทนาเพิ่มขึ้นอีก

อย่าลืมว่า Social Marketing คือการพูดคุยแบบ 2 ways communication เป็นหลัก เพราะฉะนั้นในฐานะแบรนด์ก็ไม่ควรเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว ควรชวนลูกค้า คนที่รักเรา ติดตามเรา พูดบ้าง อย่างบทความก่อนหน้านี้ที่เพลินเคยเขียนไปแล้วว่าการชวนพูด หรือการตั้งคำถามนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญให้ลูกค้าอย่างที่จะ Comment ตอบกลับมาหาเราค่ะ

อย่าลืมว่า การสร้างบทสนทนากับลูกค้ามันสำคัญมาก เพราะมันคือวิธีสำคัญในการสร้าง Relationship กับลูกค้าได้ อาจจะเริ่มจากการใช้ Bots ยิงเข้า Inbox แล้วตอบกลับด้วย Admin ต่างๆ นาๆ ที่ทำให้ลูกค้าได้คุยกับคน ยิ่งคนไทยด้วยแล้ว การได้คุย ต่อรอง สอบถามข้อมูลทั้งหลาย เป็นหัวใจสำคัญจริงๆ นะ

เทรนด์ที่ 5: จัดกิจกรรมหรือ Gaming เข้าสู้

แน่นอนว่า COVID19 ก็ทำให้หลายๆ คนที่ลังเลๆ ว่าจะเล่นเกมส์ดี ไม่เล่นดีเนี่ย หันมาเปลี่ยนใจ ไปเล่นเกมส์แบบเต็มตัว ในช่วงนั้นจำได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น Animal Crossing / Just Dance / หรือ Free Fire เรียกได้ว่าฮิตมาก ใครๆ ก็เล่นจนแบรนด์ใหญ่ๆ หลายแบรนด์อดใจไม่ไหว ก็ทำการ Collab กันไปหลายแบรนด์เลย โดยจาก Research เค้าบอกว่า คนเปลี่ยนมาเรียกตัวเองว่า Gamer มากขึ้นเยอะมาก จากเดือนสิงหาคมปี 2019 จำนวน 31.1 ล้านคน พุ่งมาเป็น 41.2 ล้านคนในเดือนกรกฏาคม 2020 หรือถ้าให้พูดเป็นเปอร์เซนก็คือ 32% เลยค่ะ

โดย Keywords ในตัว Social Listening ที่เค้าจับจากบริบทการเล่นเกม พบว่าค่อนข้างไปในทาง Positive เหมือนเป็นการ Connect แม้ตัวจะห่างกันแต่ก็ยังเชื่อมต่อกันได้ทางออนไลน์ ผ่านเจ้าเกมเหล่านี้แทน โดยแพลตฟอร์มที่พุ่งมาก เกี่ยวกับเรื่องเกมก็คือ YouTube และ Twitter ค่ะ

เทรนด์ที่ 4: การเชื่อมต่อกันแนวเก่าๆ เริ่มกลับมา

อีกหนึ่งผลพวงจากโควิดก็คือ การที่คนไม่สามารถติดต่อกันได้เหมือนเคย ทำให้การเชื่อมต่อแบบเก่าๆ อย่างการโทรศัพท์ อ่าน Newsletters หรือฟัง Podcasts ถูกดึงกลับมาใช้ แทนที่การสื่อสารใหม่ๆ อย่างการพิมพ์แชท อ่านข่าวจาก Social Media เป็นต้น สาเหตุหลักๆ ก็ต้องบอกว่า เพราะคนต้องการที่จะรู้สึก Intimate กับคนที่อยู่อีกฝั่งนึงมากขึ้น มากกว่าแค่ตัวหนังสือนั่นเองค่ะ

โดยในอเมริกา ช่วงก่อนโควิดพบว่า คนใช้แชทมากกว่าโทรอีกถึง 68% แต่พอมี COVID19 เกิดขึ้น ผลปรากฏว่า คนหันมาโทรหากันมากกว่า เพราะไม่อยากรอแชทด้วย และอยากรู้สึกใกล้ชิด ได้ยินเสียงเพิ่มขึ้นแทนค่ะ

เทรนด์ที่ 3: โซเชียลแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ก็จะใหญ่อยู่

ช่วงปีที่ผ่านมา หลายๆ คนก็อาจจะมีพูดถึงว่า เดี๋ยวแพลตฟอร์มนี้ก็จะหายไปแล้ว ต้องรีบไปโฟกัสช่องทางอื่นแทน แต่หากวัดจากจำนวน Message จากแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ทั้งหลายก็ทำให้เราเห็นว่า แพลตฟอร์มใหญ่พวกนี้เค้ายังไม่ได้จะไปไหนหรอกค่ะ เพราะเค้ามีการปรับตัวอยู่ตลอดให้เข้ากับ New Normal ใหม่ๆ ที่เข้ามาเสมอๆ อย่าง Twitter เองที่ดูเหมือนจะโตช้า ตัวเค้าเองก็ยังมีการปรับเข้าหา Voice Tweets ที่คนเริ่มใช้งานมากขึ้น หรือ Facebook ที่ลูกเล่นใหม่ๆ ให้เรา Surprise ได้อยู่เสมอ

ดังนั้น ถึงแม้แพลตฟอร์มยังหน้าเดิม แต่ลูกเล่นต่างๆ ไม่เหมือนเดิมตลอดนะ อย่าลืมอัพเดท Algorithm ต่างๆ อยู่เสมอ และปรับตัวไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงจากช่องทางเหล่านี้ด้วยค่ะ

เทรนด์ที่ 2: ข่าวปลอมมาเยอะแน่นอน

ปัญหานี้เพลินเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจ เพราะ Social Media เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ความจริงและเรื่องแต่งเริ่มจะคล้ายกันเข้าไปมากขึ้นทุกที ตั้งแต่การที่ Instagram หรือสื่อแพลตฟอร์มอื่นๆ สามารถเปลี่ยนคนๆ นึงจาก Lifestyle แบบนึงให้กลายเป็นอีกแบบได้ นี่ยังไม่รวมถึงข่าวปล่อม ข้อมูลเท็จมากมายที่รั่วไหลออกมาช่วง COVID19 ด้วย

ดังนั้นในปี 2021 คนจะคาดหวังว่าแบรนด์ต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรแจ้งอะไรผิดๆ จะช่วยในการ Verify กรองข่าวสาร ข้อมูลต่างๆ ให้ได้ดีกว่าการแชร์ลูกโซ่ต่อๆ มาจากคนรู้จักค่ะ นักการตลาดอย่าลืมว่ามีอะไร อย่าเพิ่งรีบแชร์ มือไวไปก่อนทุกครั้ง เพราะถ้าแชร์ผิดๆ ไปละก็ อาจจะเสียชื่อ เสียเครดิตแบรนด์ได้เลยค่ะ

เทรนด์ที่ 1: พลังของผู้บริโภคที่สนใจประเด็นสังคมมากขึ้น

หนึ่งในเทรนด์สำคัญที่พบผ่าน Social Listening ในปี 2020 เลยคือ การที่เด็นรุ่นใหม่ๆ ตั้งแต่ Gen Z ลงไปถึงรุ่น Alpha นั้น ล้วนแต่รับรู้และเข้าใจประเด็นปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นมากๆ ทำให้แบ รนด์และบริษัททั้งหลายคงจะหนี และหลบหลีกการพูดถึงประเด็นร้อนเหล่านี้ไม่ได้อีก ไม่ว่าจะเรื่องของสุขภาพจิต ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เรื่องของการเมือง สิ่งแวดล้อมและอื่นๆ อีกมากมาย

โดยสาเหตุหลักๆ ก็เพราะ COVID19 นั้นเป็นสิ่งที่กระทบพวกเค้าเข้าอย่างจัง 50% ของเด็กรุ่นนี้ จบมาด้วยไฟแรงกล้า แต่สุดท้ายต้องออกมาลอยๆ ตกงาน ไม่มีงานทำ นั่งอยู่บ้านเพราะโควิด สุดท้ายเลยทำให้เรื่องประเด็นสังคมเหล่านื้ เป็นหนึ่งในเรื่องหลักๆ ที่พวกเค้าจะสนใจ และอยากที่จะฟังจากแบรนด์ทั้งหลายค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 Social Media Trends 2021 ที่แบรนด์และนักการตลาดทุกคนควรรู้และรับมือให้ได้ในปีใหม่ที่กำลังเข้ามาอย่างไว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Memes หรือการสร้างบทสนทนาก็ตาม ลองนำ 10 ข้อนี้ ไปปรับใช้ให้เข้ากับสิ่งที่แบรนด์ของคุณกำลังทำอยู่ หรือเป้าหมาย direction ที่ตั้งเอาไว้ในปีหน้าดูนะคะ

ใครที่อยากได้ Full Report ของตัวเทรนด์นี้จาก Hubspot โหลดได้ที่นี่เลยค่ะ