เทรนด์ E-commerce ที่น่าจับตามองในปี 2023

เทรนด์ E-commerce ที่น่าจับตามองในปี 2023

E-commerce 2023 ได้ปฏิวัติวิธีการจับจ่ายของผู้คนในโลกมากขึ้นค่ะ เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกมีมูลค่า 16.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 และคาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโดยไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวลงเลย ทำให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์จากทั่วโลกเป็นไปได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิม

วันนี้ปลื้มเลยจะมาเล่าเทรนด์ E-commerce ที่สำคัญในปี 2023 จากข้อมูล Alibaba ด้วยยอดขายออนไลน์คิดเป็นสัดส่วนส่วนใหญ่ของยอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลก และด้วยจำนวนตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าตัวเลขจะมีแนวโน้มสูงขึ้น แบรนด์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงกำลังใช้ประโยชน์จากร้านค้าและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรามาดูกันเทรนด์ยอดนิยมของปีนี้มีอะไรบ้าง

1. Video shopping

คอนเทนต์วิดีโอ กลายคอนเทนต์ที่มาแรงมาก เพราะว่าสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมกับผู้ชมทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ กำลังรวมคอนเทนต์วิดีโอเข้ากับกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซของพวกเขาค่ะ สร้างเทรนด์ใหม่ในอีคอมเมิร์ซ นั่นคือการ Video shopping

เทรนด์นี้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่ะ และคาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในปีนี้ ด้วยการชอปปิงผ่านวิดีโอ ไม่ว่าเป็นการ Live Stream หรือคอนเทนต์วิดีโอทั่วไปที่นำเสนอสินค้า เป็นประสบการณ์การชอปปิงที่สะดวกสบายในบ้านของตนเอง ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่ผู้คนต้องกักตัวอยู่บ้าน มันเลยเป็นเทรนด์มาเรื่อยๆ และ Video shopping ก็มีผลกับคนที่ไม่เวลาไปเดินหรือขี้เกียจไปเดินเลือกซื้ออีกด้วยค่ะ

2. ตัวเลือกการชำระเงินใหม่

ตัวเลือกการชำระเงินใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นในปีนี้ วิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมอาจจะช้าและไม่ตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกสบาย เนื่องจากขณะนี้ผู้คนชอปปิงออนไลน์กันเยอะมาก ทำให้อุตสาหกรรมการชำระเงินออนไลน์มีการพัฒนา เข้าสู่ดิจิทัล ส่วนอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเองก็พัฒนาที่ให้จะลูกค้าสามารถชำระเงินได้รวดเร็วและง่ายขึ้นในขณะกำลังชอปออนไลน์อยู่

สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกระเป๋าเงินมือถือ เช่น Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถจัดเก็บข้อมูลการชำระเงินได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจึงใช้อุปกรณ์ของตนในการชำระเงิน ในปี 2021 ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ 50% ชำระเงินโดยใช้โมบายวอลเล็ต และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะสูงถึง 53% ในปี 2025

แนวโน้มการชำระเงินอีคอมเมิร์ซอีกอย่างหนึ่ง คือการยอมรับรูปแบบการสมัครสมาชิกที่เพิ่มขึ้น บริการสมัครสมาชิกช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าซ้ำๆ โดยไม่ต้องใส่รายละเอียดการชำระเงินด้วยตนเองทุกครั้งที่สั่งซื้อ ทำให้ติดตามการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

3. Mobile Shopping

การชอปปิงผ่านมือถือได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า ในความเป็นจริง ยอดการขายบนมือถือคิดเป็น 53% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซในปี 2021 และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2023 นี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตของผู้บริโภคที่ใช้มือถือ

จริงๆ ต้องบอกว่าคนไทยเกือบทั้งหมดในปัจจุบันออนไลน์บนมือถือกันแล้ว และการชอปปิงผ่านมือถือก็ค่อนข้างสะดวก กว่าเข้าเว็บผ่านคอมพิวเตอร์ค่ะ จึงไม่แปลกที่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดียต่างๆ จะโฟกัสพฤติกรรมการใช้มือถือ อย่างเมื่อก่อน วิดีโอมักเป็นแนวนอน เพื่อมองผ่านจอคอมเเล้วภาพกว้างชัด แต่ตอนนี้วิดีโอได้ค่อยๆ ปรับเป็นแนวตั้ง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคที่ใช้มือถือมากขึ้น

4. Social Commerce

ต้องบอกว่าแพลตฟอร์มโซเชียล เป็นพื้นที่รวมผู้คนที่หลากหลาย ทำให้ Social Commerce เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้โดยตรงและเป็นส่วนตัว 

ธุรกิจสามารถใช้พลังของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Twitter, Instagram หรือ Facebook เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การขายนั่นเอง และแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็พยายามสร้างฟีเจอร์สำหรับ Business อยู่แล้วด้วยค่ะ ยิ่งทำให้ธุรกิจต่างๆ ยอมลงทุนบน Social Commerce

5. เงินเฟ้อและงบประมาณที่ตึงตัว

เงินเฟ้อและงบประมาณที่ตึงตัวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออีคอมเมิร์ซในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น อาจนำไปสู่การซื้อสินค้าน้อยลง และทำให้รายได้ของผู้ค้าปลีกออนไลน์ลดลง สุดท้ายก็ส่งผลต่อการแข่งขันระหว่างผู้ค้าปลีกและแบรนด์ต่างๆ เพิ่มขึ้นค่ะ

นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีแนวโน้มที่จะมองหาดีล ส่วนลด และวิธีอื่นๆ ในการประหยัดเงินอีกด้วยค่ะ สิ่งนี้อาจนำไปสู่ลูกค้าที่อ่อนไหวต่อราคามากขึ้นซึ่งไม่เต็มใจที่จะซื้อสินค้าราคาแพงนั่นเอง

6. Personalization

ในปี 2023 Personalization กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุด สิ่งนี้ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ปรับแต่งตามความสนใจ ความต้องการ และความชอบของพวกเขา แบรนด์สามารถเสนอการปรับเปลี่ยนในแบบของส่วนบุคคล โดยใช้ข้อมูลลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และเพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า

Personalization สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายวิธี ตัวอย่างที่เห็นชัดเลยก็เช่น แบรนด์ใช้การตั้งค่าส่วนบุคคลเพื่อส่งอีเมลที่กำหนดเองและการแจ้งเตือนแบบพุช หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ซึ่งมันจะช่วยสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น เพราะการปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลยังช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้น สามารถช่วยเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าได้ค่ะ

สรุปเทรนด์ E-commerce ที่น่าจับตามอง

ปลื้มมองว่าเทรนด์เหล่านี้มีมาสักพักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ Video shopping , New payment , Mobile Shopping , Social Commerce หรือ Personalization เอง แต่ปี 2023 สิ่งเหล่านี้อาจเป็นภาพที่ชัดขึ้น และจะเห็นว่าอีคอมเมิร์ซค่อนข้างเติบโตอย่างต่อเนื่องค่ะ

แม้ว่าอีคอมเมิร์ซจะประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น แต่ก็ยังมีความท้าทายใหม่ๆ เช่น การตลาด การป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ การส่งคืนและการคืนเงิน เรื่องของ Customer Service และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอยู่ค่ะ ดังนั้นเราสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้ด้วยการทำความเข้าใจแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดค่ะ

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

Source

Yoswimol

🎡PLEUM | Data Research Executive ในเครือการตลาดวันละตอน | สนใจเรื่องการตลาด ชอบดูการแข่งขันทางการตลาด และเป็นทาสตลาด... ทุกบทความตั้งใจเขียนมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้อยากเขียนต่อไปเลย☺️

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *