7 Digital Consumer Insights 2024 เจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคไทยและอาเซียน
รายงานเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยและอาเซียน Digital Consumer Insights 2024 จากรายงานของ META ที่ปล่อยออกมาทุกช่วงปลายปี จะพาเราไปดูทุกแง่มุมของคนทำ Digital Marketing ต้องรู้ ว่าผู้บริโภควันนี้เปลี่ยนไปอย่างไร คนไทยเปลี่ยนไปขนาดไหน มี insights อะไรเกิดใหม่บ้าง ไปจนถึงโอกาสทางธุรกิจที่คาดไม่ถึง และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้มีคำตอบให้ เรามาดูรายงานของ META บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วหายใจกันลึก ๆ เพราะบอกเลยว่าได้อ่านจนเหนื่อยแน่นอน แต่รับรองว่าคุ้มที่ได้อ่านครับ
ภาพรวมพฤติกรรมผู้บริโภคไทยและอาเซียน Digital Consumer Insights 2018 – 2023
จากภาพจะย้อนให้เห็นวิวัฒนาการของ Digital Consumer Insights ไทยและอาเซียนผ่านรายงานของ Facebook และ META ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นภาพว่าจากยุคของการเริ่มต้นเศรษฐกิจออนไลน์ หรือ Digital Economy เมื่อปี 2018 มาสู่วันนี้วันที่ทุกคนล้วนออนไลน์กันหมด แต่จะออนไลน์กันแบบไหนเป็นอีกเรื่องไหน
ส่วนหนึ่งเพราะได้สถานการณ์ล็อดาวน์จากโควิด19 เป็นตัวเร่งให้เราต้องออนไลน์อย่างก้าวกระโดด มาสู่วันนี้โรคระบาดซาลงไปกลายเป็นแค่โรคประจำถิ่นไม่น่ากลัว แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะดูสงบนิ่งไม่ค่อยมีอะไรให้ตื่นเต้น กลายเป็นว่าในปีนี้เราก้าวเข้าสู่ยุค AI แบบก้าวกระโดดกันทุกคน และนี่เองคือหนึ่งปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจ เศรษฐกิจ ไปจนถึงวิถีชีวิตประจำวันเราทุกคนอย่างหลีกหนีไม่ได้
รายงานฉบับนี้แบ่งออกได้เป็น 7 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย
- Value Seeking Insight คนไทยใช้เงินอย่างระวัง บวกกับมองหาความคุ้มค่าเมื่อใช้จ่ายทุกบาทยิ่งกว่าเดิม
- Gen Z วัยรุ่นยุคใหม่ที่ไม่เหมือนกับวัยรุ่นยุคไหนที่เคยมีมา
- Solo Economy การตลาดคนโสดและเศรษฐกิจคนมีคู่ที่ไร้ลูก
- แบรนด์ใหม่แตกหน่อเพื่อตอบทุกความต้องการที่แบรนด์ใหญ่มองข้าม
- Wellness Insight สุขภาพคือเรื่องใหญ่แต่จ่ายไม่ค่อยไหวแล้วจะทำอย่างไรดี
- Personalization จะกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทุกคนคาดหวังจากทุกแบรนด์
- AI Driven Business ขยายธุรกิจให้โตไวด้วย AI ที่ใช้ได้จริง
แต่ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาในแต่ละหัวข้อ เรามาดูภาพรวม Digital Economy เศรษฐกิจไทยและอาเซียนกันก่อนดีกว่าครับ
Southeast Asia Market Size 2024
ดูเหมือนจากภาพนี้จะไม่รวมประเทศ พม่า ลาว และ กัมพูชา เข้าด้วยกัน แต่จากประเทศที่เหลือทั้ง 7 รวมกันแล้วมีประชากรมากกว่า 700 ล้านคน ขนาด GDP สูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก
ใน 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโตถึง 1.6 เท่า เรียกได้ว่าโตเป็นอันดับ 3 และยังได้รับเงินลงทุนจากต่างชาติมากถึง 220,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปี 2010 ถึง 2 เท่าตัว
บอกให้รู้ว่าประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนอาจไม่น่าสนใจมาก แต่พอจับทั้งอาเซียนมามัดรวมกันกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่ใครก็มองข้ามไม่ได้ครับ
เศรษฐกิจไม่โตมาก แต่ความมั่นใจผู้บริโภคโตดี
จากภาพจะเห็นว่าเศรษฐกิจแต่ละประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่นั้นโตลดน้อยลงจากปีก่อน ประเทศไทยเองเป็นประเทศเดียวที่โตเป็นสีเขียวในอาเซียน และบวกกับดัดชนีความมั่นใจผู้บริโภคชาวอาเซียนส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นบวกสีเขียวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ส่วนประเทศไทยเองแม้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดในอาเซียนเหมือนมาเลเซีย แต่ก็ +5 จุด ถือว่าดีเป็นอันดับสอง ส่วนฟิลิปปินส์นี้น่าห่วง ติดลบถึง 11 จุด
โอกาสทางธุรกิจในอาเซียน 2024
ด้วยความที่จำนวนประชากรอาเซียนที่พูดมาทั้งหมดมากเป็นอันดับ 3 ของโลก จาก 700 ล้านคน ย่อมหมายถึงกำลังซื้อมหาศาล บวกกับกว่า 47% ของประชากรอาเซียนอายุต่ำกว่า 30 นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีความต้องการซื้ออะไรอีกมาก และยังมีความสามารถบวกกับอายุที่จะสามารถทำงานหาเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกนาน
และภายในปี 2030 กว่า 60% ของชาวอาเซียนนั้นอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของประเทศตัวเองเป็นหลัก สะท้อนถึงการกระจุกตัวของผู้คน ความสะดวกสบายในการกระจายสินค้าที่ไม่ต้องส่งออกไปทั่วประเทศก็เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้
ปัจจัยสุดท้ายที่สำคัญมากคือประชากรวัยทำงานในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นอีก 24 ล้านคนภายในปี 2030 พอเห็นภาพโอกาสที่เศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโตยิ่งกว่านี้ในไม่อีกกี่ปีข้างหน้าไหมครับ
28 Unicorns Startup ในอาเซียน
แม้ประเทศไทยจะ Unicorn จริงแบบนับนิ้วมือเดียวได้ แต่รู้ไหมครับว่าทั้งอาเซียนนั้นเรามีบริษัท Startup ที่อยู่ในระดับ Unicorn มากถึง 28 บริษัทเลยทีเดียว รวมเม็ดเงินการลงทุนไปกว่า 676,000 ล้านดอลลาร์ตอนปลายปี 2022
ถือว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาลกว่าที่คิดไว้มาก และเมื่อดูในสัดส่วนเม็ดเงินที่ลงทุนมาก็จะเห็นว่าไปกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มบริษัทที่ทำด้าน Technology ตามมาด้วย Transport การขนส่ง อย่างบ้านเราก็มี Flash ที่โด่งดัง แต่ในปี 2022 ดูเหมือนบริษัท Startup ด้านการผลิตจะได้รับเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากครับ
รายได้ผู้บริโภคไทยและอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นบน
จากภาพนี้บอกให้รู้ว่าประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มพัฒนาแล้ว เทียบเคียงกับมาเลเซีย และสิงค์โปร (นี่เราพัฒนาแล้วหรือ ?) รายได้ของผู้บริโภคคนไทยเองเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า 2.2% มาเลเซียสูงกว่าเราอยู่ที่ 2.7% ส่วนเราสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอเมริกาซึ่งอยู่ที่ 1.7%
ส่วนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในอาเซียนอย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย นั้นมีตัวเลขการเติบโตของรายได้ประชากรที่สูงกว่าเรามาก เวียดนามอยู่ที่ 5% เลยทีเดียว
ส่วนในข้อมูลจำนวนครอบครัวที่มีรายได้ตั้งแต่ต่ำ ต่ำกลาง กลางสูง และสูง นั้นก็ขยับเปลี่ยนแปลงไป ดูเหมือนว่ากลุ่มครอบครัวที่มีรายได้ค่อยไปทางน้อยน่าจะลดลงในปี 2030 และไปเพิ่มในกลุ่มครอบครัวรายได้ปานกลางค่อนสูง และสูง มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นั่นบอกให้รู้ว่าจะมีความต้องการใหม่ๆ เกิดขึ้น ผู้บริโภคในไทยและอาเซียนจะต้องการสินค้าหรือบริการที่แตกต่างมากขึ้น นำมาสู่หนึ่งคำสำคัญในรายงานปีนี้ นั่นคือคำว่า Premiumization
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยและอาเซียน Digital Consumer Insights & Economy 2024
ประเทศไทยเราและภูมิภาคอาเซียนแม้วันนี้จะดูเหนื่อยยากในการใช้ชีวิต แต่ดูเหมือนว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอนาคตเราและเพื่อนบ้านจะสดใสจากขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น
ภาพรวมประชากรเราเยอะติดอันดับต้น ๆ ของโลก บวกกับความสามารถทางเศรษฐกิจที่เมื่อรวมกันแล้วสูงมากจนใครก็มองข้ามไม่ได้ ยังไม่นับประชากรส่วนใหญ่ยังคงเป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงานหาเงินเต็มที่ และใช้เงินแบบเต็มเหนี่ยว
ทั้งหมดนี้คือเชื้อเพลิงในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลว่าเราต้องทำธุรกิจอย่างมีความหวัง ในขณะเดียวกันก้ต้องปรับตัวและเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจไปจนถึงการผลิตให้เข้ากับบริบทใหม่ที่กำลังจะมา
เพราะยังมีผู้บริโภคอีกมากที่กำลังจะมีเงินให้ใช้ มีเงินรอให้ใช้ และอยากจะใช้เงินที่มีมากขึ้นให้เกิดประโยชน์มากกว่าเดิมครับ
ถ้าพร้อมแล้วเราไปสำรวจเจาะลึก 7 Digital Consumer Insigths Thai & Asean 2024 พฤติกรรมผู้บริโภคไทยและอาเซียน จากรายงานของ META กันครับ
1. Value Seeking ผู้บริโภควันนี้ใช้เงินน้อยลง และคิดก่อนใช้มากขึ้น
แม้ภาพรวมจะดูดี แต่ปัจจุบันนี้ผู้บริโภคไทยและอาเซียนล้วนใช้เงินที่มีอย่างระมัดระวังมากขึ้น จากข้อมูลรายงานของ META ฉบับนี้บอกให้รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ปีนี้และมีแนวโน้มว่าจะไปถึงปีหน้า 2024 การใช้เงินจะลดลงยิ่งกว่าช่วงปีก่อนหน้าด้วยซ้ำ
ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในอาเซียนมีแนวโน้มจะลดลงถึง 20% จาก 32% ขยับไปถึง 40% ส่วนประเทศพัฒนาแล้วอย่างเรา มาเลเซีย และสิงค์โปร แนวดน้มการใช้เงินจะลดลงประมาณ 6-7%
บอกให้รู้ว่าเงินจะฝืดลงอีกพอสมควร และเมื่อดูจากดาต้าเพิ่มเติมจะเข้าใจว่าการที่ผู้บริโภคเลือกใช้เงินลดลงด้วยปัจจัยแบบไหนบ้างตามรูปนี้ครับ
- 23% ซื้อเมื่อมีโปรเท่านั้น
- 18% งดการซื้อที่ไม่จำเป็น
- 17% ซื้อน้อยลง
- 17% เปลี่ยนไปซื้อของที่ถูกลง
- 11% งดการซื้อตุนไว้เยอะๆ แบบเดิม
- 7% ทำใช้เอง
- 7% ซื้อเหมาเพื่อเอาส่วนลด
เมื่อรู้ในภาพรวมการใช้เงินที่ลดลงแล้ว เรามาดูรายละเอียดเจาะลึกอีกหน่อยดีกว่าครับ ว่าในกลุ่มสินค้าหรือบริการแบบไหนบ้างที่ผู้บริโภคเลือกใช้เงินลดลง และมีกลุ่มไหนบ้างที่พอจะเพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยเท่าเดิมก็ยังดี
ผู้บริโภคชาวไทยใช้เงินกับอะไรมากขึ้นหรือลดลงบ้าง
กลุ่มที่ลดลงมาก
- 63% เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
- 55% การท่องเที่ยว
- 53% เครื่องใช้ไฟฟ้า
- 52% สินค้าเด็ก
กลุ่มที่ลดลงน้อย
- 43% การกินข้าวนอกบ้าง หรือการสั่งอาหารเข้ามากิน
- 42% การดูแลสุขภาพกายและใจ
- 29% ของใช้ส่วนตัว และของดูแลบ้าน
- 29% อาหารในชีวิตประจำวัน
ภาพรวมทั้งอาเซียนดูคล้าย ๆ กันหมด ยกเว้นเวียดนามที่กลุ่มเกมและบันเทิงที่ลดลงมากเป็นอันดับ 3
จากในกลุ่มสินค้าแล้วมาดูที่ข้อมูลกลุ่มช่วงรายได้กันบ้างครับ ว่าผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มช่วงรายได้นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องไหนบ้าง และมีอะไรบ้างที่เหมือนหรือต่างกัน
กลุ่มรายได้น้อยให้ความสำคัญกับ
- Social media
- กินข้าวนอกบ้าน
- ความสวยความงาม
- Streaming ดูหนังออนไลน์
- การท่องเที่ยวภายในประเทศ
- สินค้า Gadget
- เสื้อผ้าแบรนด์ต่าง ๆ
- เที่ยวคาเฟ่ร้านกาแฟ
กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางให้ความสำคัญกับ
- Social media (เหมือนกันทุกกลุ่ม)
- กินข้าวนอกบ้าน (เหมือนกลุ่มรายได้น้อย)
- Streaming ดูหนังออนไลน์
- ความสวยความงาม
- การท่องเที่ยวภายในประเทศ (เหมือนกันทุกกลุ่ม)
- เสื้อผ้าแบรนด์ต่าง ๆ
- เที่ยวคาเฟ่ร้านกาแฟ
- สินค้า Gadget
- เที่ยวต่างประเทศ
กลุ่มผู้มีรายได้สูงให้ความสำคัญกับ
- Social media (เหมือนกันทุกกลุ่ม)
- Streaming ดูหนังออนไลน์
- กินข้าวนอกบ้าน
- ความสวยความงาม (เหมือนกลุ่มรายได้ปานกลาง)
- การท่องเที่ยวภายในประเทศ (เหมือนกันทุกกลุ่ม)
- เที่ยวคาเฟ่ร้านกาแฟ (เหมือนกลุ่มรายได้ปานกลาง)
- เที่ยวต่างประเทศ
- สินค้า Gadget
- บริการเรียกรถผ่านแอป
สรุปภาพรวม Digital Consumer Insights ไทยและอาเซียน 2024 ที่ 1 : Value Seeking ใช้เงินอย่างฉลาดและคุ้มค่ามากกว่าเคย
ดูเหมือนเราจะหมดยุคการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกันไปแล้ว เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ล้วนบอกว่าตัวองจะใช้เงินให้น้อยลง แถมที่ใช้น้อยนั้นยังจะใช้ให้ฉลาดมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามทุกคนล้วนต้องใช้เงินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หน้าที่ของนักการตลาดและคนทำธุรกิจอย่างเราต้องมองให้ออกว่าผู้บริโภคเอาเงินไปใช้ตรงไหน
ที่เหลือคือเราก็ปรับตัวไปอยู่ตรงจุดที่คนเอาเงินไปใช้ให้ทัน บวกกับทำสินค้าหรือบริการออกมาให้ดี ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรบ้างที่คนใช้เงินกันน้อยลงกว่าเดิมมาก และมีอะไรบ้างที่คนยังคงใช้เงินกับสิ่งนั้นเหมือนเดิมหรือแทบไม่ลดลง
ไปจนถึงแต่ละกลุ่มฐานรายได้นั้นใช้เงินแบบไหน ให้ความสำคัญกับอะไร ทั้งหมดนี้เราต้องเอาไปปรับใช้กับกลยุทธ์ธุรกิจและทิศทางการตลาดปีหน้า และใน Digital Consumer Insights 2024 ที่ 2 จะพาไปความรู้จักผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่เป็นกลุ่มใหม่ นั่นก็คือ Gen Z หรือที่เรามักเรียกกันว่าวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ แต่อย่าเพิ่งประมาทคิดว่าวัยรุ่นวันนี้ก็เหมือนวัยรุ่นแบบ Gen Y หรือ Gen X ที่เคยพิชิตมา
บอกได้เลยว่าวัยรุ่นวันนี้ไม่เหมือนรุ่นไหน ๆ ที่นักการตลาดเคยรู้จักมา เราต้องมาทำความรู้จักวัยรุ่นกันใหม่ วัยรุ่นที่แสนจะทรงพลังในการกระตุ้นให้คนทุกวัยซื้อตามจนของขาดตลาดมากนักต่อนักครับ
2. เจาะลึกพฤติกรรม Insight Gen Z ไทยและอาเซียน 2024 คนรุ่นใหม่วันนี้มีเงิน กล้าลองเสี่ยงกับเทคโนโลยีใหม่ และพร้อมเปย์ให้กับตัวเองมากที่สุด
Gen Z หรือวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ หนุ่มสาวที่อยู่ทั้งในวัยทำงานและวัยเรียนนั้นเป็นกลุ่ม Market Segment ที่นักการตลาดทั่วโลกจับตามอง แบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลกอยากได้พวกเขาเป็นลูกค้ามากที่สุด
เพราะถ้าดูจากแค่ในด้านของจำนวน Gen Z ในอาเซียนเราก็มีสัดส่วนมากถึง 23% แล้ว ยังไม่นับว่าในทั่วทั้งทวีป APAC หรือเอเซียแปซิฟิกจำนวน Gen Z ที่อยู่ในช่วงอายุ 18-24 ปี ก็มีมากกว่า 500 ล้านคน
จากกราฟจะเห็นว่าสัดส่วน Gen Z ในอาเซียนเรานั้นสูงกว่าสหรัฐอเมริกา และหลาย ๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ถ้าเจาะลึกดูแค่สัดส่วนของ Gen Z ในไทยยิ่งมากขึ้นไปอีก เพราะสูงถึง 35% ของบรรดานักช้อปคนที่จับจ่ายใช้สอยทั้งหมด
ส่วน Gen Z ในประเทศสิงค์โปรเองก็มีกำลังซื้อสูงมาก มากถึงตกเดือนละ 4,200 ดอลลาร์สิงค์โปร คิดเป็นเงินไทยก็แสนบาทโดยประมาณ รู้แบบนี้แล้วจะยังไม่กำหนดกลยุทธ์พิเศษเพื่อพิชิตใจ Gen Z ให้ได้อีกหรอครับ
เมื่อรู้ว่า Gen Z สำคัญแบบนี้แล้ว เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรมากน้อยกว่ากัน และเมื่อเทียบกับ Gen อื่น ๆ ที่ผ่านมาหละเหมือนหรือกันขนาดไหน
3 เรื่องที่ Gen Z ให้ความสำคัญมากที่สุด
- ตัวเอง
- การทำงาน
- เพื่อนฝูง
เมื่อเทียบกับคน Gen Y, Gen X และ Silent Generation จะเป็นแบบนี้ครับ
- การทำงาน
- เพื่อนฝูง
- ตัวเอง
และ Baby Boomers ให้ความสำคัญที่ไม่เหมือนกับคนทุกเจนแบบนี้ครับ
- เพื่อนฝูง
- การทำงาน
- ตัวเอง
จะเห็นว่า Gen Z หรือวัยรุ่นวันนี้ให้ความสำคัญและสนใจตัวเองเป็นหลัก รองมาคือเรื่องงาน เพราะอยู่ในวัยกำลังสร้างตัว แล้วสุดท้ายคือมิตรภาพเพื่อนฝูง พอเห็นแนวทางสินค้าและบริการ ไปจนถึง Marketing Communication ที่จะทำการตลาดหาพวกเขาแล้วใช่ไหมครับ
ถัดมาอีก Gen Z Insight สำคัญ นั่นก็คือ Digital Behaviour Insight วัยรุ่นออนไลน์อย่างไร ใช้ดิจิทัลกันแบบไหนครับ
- 72% Gen Z สิงค์โปร ชอบช้อปปิ้งซื้อสินค้าออนไลน์
- 71% Gen Z มาเลเซีย ชอบดูวิดีโอทางมือถือ
- 67% Gen Z ไทย ชอบใช้และเล่น AR Filter เป็นหลัก (นี่คือการทำ Brand Digital Experience)
- 65% Gen Z ไทย นิยมลองสินค้าผ่าน AR ในร้าน
- 50% Gen Z ฟิลิปปินส์ เชื่อรีวิวมาก (การตลาด Influencer ต้องมากับวัยรุ่นประเทศนี้นะ)
ภาพรวม ๆ ดูเหมือนว่าวัยรุ่น Gen Z ไทยติดใจกับการใช้ AR Filter เพื่อสร้าง Digital Experience ก่อนใช้เงินกันมากถึง 1 ใน 3 ครับ ถ้าแบรนด์ใครยังไม่ทำรีบทำ แต่ถ้าใครทำแล้วก็อย่าชะล่าใจ กลับไปดูให้ดีว่าเราทำให้มันดีกว่านี้ได้หรือไม่
Gen Z วัยรุ่นไทยออนไลน์วันละกี่ชั่วโมง
หนึ่งในคำถามที่นักการตลาดทุกคนอยากรู้เสมอคือ ลูกค้าเราออนไลน์มากน้อยเท่าไหร่ รายงานชุดนี้ก็มีคำตอบให้ครับ โดยวัยรุ่น Gen Z ไทยออนไลน์วันละ 6.3 ชั่วโมงโดยประมาณ เทียบกับคน Gen อื่นที่ออนไลน์แค่ 4.6 ชั่วโมง ถือว่าต่างกันมากนะครับ
ส่วน Gen Z เพื่อนบ้านในอาเซียนเองก็ออนไลน์ไม่น้อยกว่าเรามากนัก จะมีที่น้อยสุดคือเวียดนาม แค่วันละ 5.2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ส่วนเมื่อถามเจาะลึกข้อมูลกับกลุ่ม Gen Z ที่มีรายได้สูงพบว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีอะไรอีกบ้าง และเมื่อเอาคำถามเดียวกันไปเทียบกับคนเจนอื่นได้คำตอบที่น่าสนใจดังนี้
Crypto ดูเหมือน Gen Z จะ All in มากกว่าคนทุกเจนในอาเซียน (ก็น่าจะเจ็บหนักเหมือนกันนะ) ตามมาด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่าง AR และก็ EdTech หรือการเรียนออนไลน์ ตามมาติด ๆ คือการใช้บริการ FinTech กับ Metaverse
ส่วนเทคโนโลยีที่เจนอื่นใช้เยอะกว่า Gen Z ก็มีเรื่อง HealthTech การหาหมอทางออนไลน์, NFT และ VR ครับ
Gen Z Journey Insight
มาถึงเรื่องสุดท้ายของ Gen Z ในรายงานฉบับนี้และสำคัญสุดเช่นกัน นั่นก็คือ Jounrey การซื้อสินค้าของพวกเขาเป็นอย่างไร ปรากฏว่าพวกเขามีการซื้อทั้งออนไลน์และออฟไลน์สลับกัน บวกกับได้รู้จักสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ แบบไม่มีช่องทางใดเป็นหลักแล้ว
แต่โซเชียลมีเดียก็ยังคงเป็นช่องทางหลักที่ Gen Z ใช้เวลาด้วยมากที่สุด ถ้าสรุปข้อมูลจาก Consumer Journey จะได้ดังนี้ครับ
Discovery Stage ในการเจอแบรนด์ใหม่ 54% เจอทางออนไลน์ และในนั้นเป็นเจอผ่านโซเชียลมีเดียสูงถึง 52% เมื่อเทียบกับคนเจนอื่นที่ต่างกันพอสมควร แค่ 43% เท่านั้น (ตามภาพ)
Evaluation Stage ในการประเมินว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ 58% ใช้ช่องทางออนไลน์ และ 47% ในนั้นประเมินผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เทียบกับคนเจนอื่นที่อยู่แค่ 39% เท่านั้น
Purchase Stage เมื่อจะซื้อ Gen Z 75% บอกว่าซื้อทางออนไลน์ และในนั้นมีมากถึง 47% ที่เป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย
สรุปง่าย ๆ ได้ว่าถ้าเรามีงบการตลาดจำกัด มีคนจำกัด โฟกัสช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลักก็รอดได้ไม่ยากครับ
สรุป Gen Z Consumer Insights 2024 พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ วัยรุ่นไทยและอาเซียน
ดูเหมือนว่า Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักทางการตลาดของธุรกิจต่าง ๆ จริง ๆ เมื่อพวกเขาออนไลน์เยอะที่สุด แถมยังให้ความสำคัญกับตัวเองมากที่สุด และก็ใช้ช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ดังนั้นเราต้องหาทางปรับสินค้าหรือบริการของเราให้ตอบ Insight เหล่านั้น
ถ้าอยากเป็นแบรนด์ที่ได้ไปต่อในยุค 2030 ต้องรีบจับ Gen Z ให้ได้และดูแลพวกเขาให้ดีก่อนคู่แข่งครับ
และจากการที่ Gen Z ให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นหลัก ก็ยังก่อให้เกิดเทรนด์ใหม่ในไทยและอาเซียนนั่นก็คือ Solo Economy ซึ่งจะเป็นหัวข้อสำคัญถัดไปที่จะเล่าให้ฟัง
อ่านบทความตอนที่ 2 : https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/solo-economy-thai-and-asean-digital-consumer-insights-2024-from-meta-report/
Source: https://web.facebook.com/business/m/sync-southeast-asia?_rdc=1&_rdr