Diesel ฉลองให้กับยอด Unfollow 14,000 คน หลังออกคอลเลคชั่น DIESEL PRIDE
Diesel มาแปลก ทำโพสฉลองให้กับยอดคนติดตามหรือ unfollow ที่มากถึง 14,000 คน หลังจากออกคอลเลคชั่นใหม่ Diesel Pride ในช่วงเทศกาล Pride Week ที่ยุโรป จนเกิดการต่อต้านจากเหล่าผู้ติดตามเดิมที่เป็นแฟนของแบรนด์ แต่ Diesel ก็หาได้แคร์ไม่ แต่กลับเฉลิมฉลองอย่างออกนอกหน้าให้กับสิ่งนี้จนกลายเป็น Viral
จากกระแสเรียกร้องความเท่าเทียมของความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ นั้น เป็นปัญหาของสังคมแทบทุกชาติทั่วโลกในวันนี้ เหมือนว่าสังคมเราในวันนี้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอีกครั้ง จากความเท่าเทียมทางเพศระหว่างหญิงและชาย เรากำลังอยู่ในยุคของความแตกต่างหลากหลายที่เรียกร้องให้สังคมเปิดใจยอมรับกันมากขึ้น และหนึ่งในความหลากหลายนั้นก็คือเรื่อง LGBTQ+ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์คน GEN Z ในวันนี้ที่เป็นกลุ่ม Pluralism
Diesel เองก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แสดงความเป็นขบถแบบสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าไม่บ้าก็คงไม่ใช่ Diesel ถ้าโลกไปซ้ายเค้าจะไปขวา แต่ถ้าโลกไปขวาเค้าอาจจะตีลังกากลับหลังก็ได้
แต่วันนี้ Diesel ไม่ได้แสดงออกถึงจุดยืนความแตกต่างจากแบรนด์ยุคใหม่ส่วนใหญ่ ที่ต้องการแสดงออกว่าตัวเองสนับสนุนประเด็นเรื่องความแตกต่างหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ แต่สิ่งที่ Diesel เลือกที่จะแตกต่างแบบสุดๆนั่นก็คือการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งถึงบรรดาผู้ติดตามหรือแฟนของแบรนด์เดิม ที่ไม่พอใจกับจุดยืนนี้ของ Diesel จนเกิดการพากัน Unfollow ไปกว่า 14,000 คนในช่วงสั้นๆ ที่ Diesel ออกคอลเลคชั่นใหม่ Diesel Pride ด้วยการออกมาทำโพสประกาศยินดีอย่างสุดขีดที่บรรดาลูกค้าเก่าๆหรือแฟนของแบรนด์เหล่านี้จะออกไปจาก Diesel ซะ
ความขบถของ Diesel ในครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แต่ถ้ากลับไปดูใน comment ของโพสนี้บน Instagram ของ Diesel จะพบว่า เต็มไปด้วยเสียงชื่นชมมากมาย และก็ทำให้หลายคนที่ไม่เคยสนใจแบรนด์ Diesel มาก่อน กลายมาเป็นกลุ่มแฟนใหม่ๆของ Diesel ในทันที
โพสนี้ของ Diesel สอนให้รู้ว่า เทรนด์เรื่องการสร้างแบรนด์ยุคใหม่ หรือ Branding 5.0 ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นการสร้างแบรนด์ที่รุกล้ำเข้าไปในหัวใจผู้คนจริงๆ
ท่ามกลางปัญหาต่างๆหรือ Social issues มากมายในสังคม ที่ผู้คนเริ่มเสื่อมศรัทธากับข้าราชการหน่วยงานรัฐมากขึ้น พวกเขาเหล่านี้ก็หวังพึ่งที่พึ่งใหม่ และหนึ่งในองค์กรที่เค้าหวังพึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่เป็นธุรกิจหรือแบรนด์ที่เค้าซื้ออยู่นั่นเอง
วันนี้ผู้คนใช้สิทธิผ่านการซื้อเพื่อบอกว่าตัวเองสนับสนุนแบรนด์ใด ดังนั้นถ้าแบรนด์ใดแสดงออกจุดยืนที่ชัดเจนร่วมกับพวกเขา แบรนด์นั้นก็จะได้เสียงสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าแบรนด์ไหนเลือกที่จะเชื่อคนละทาง หรือแม้กระทั่งไม่มีจุดยืนอะไรกับประเด็นเหล่านี้เลย แบรนด์นั้นก็เท่ากับว่าเริ่มถูกทิ้งไว้ข้างหลังทันทีแล้วครับ
แบรนด์ในวันนี้ต้องเป็นที่พึ่งให้ผู้คนและสังคมมากขึ้น เหมือนที่ผมเคยเล่าผ่านหัวข้อ Brand Democracy ให้ฟังก่อหน้านี้ ว่าการสร้าง Branding 5.0 นั้นต้องทำอย่างไร
หมดเวลาแล้วกับการเอาแต่ขายฝันให้ผู้คน เอาแต่สร้างภาพสวยหรูว่าถ้าซื้อเราแล้วจะเท่ห์เก๋อย่างไร ถึงเวลาที่แบรนด์ต้องลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ และกลับไปตอบจุดยืนของแบรนด์ด้วยการทำ ไม่ใช่เอาแต่พูด
การสร้างแบรนด์ในวันนี้แค่ Communication ไม่พอเสียแล้ว คุณต้อง Action แทน จนผู้คนเอาไปพูดต่อกันเองว่าคุณเป็นใคร และทำไมเค้าถึงต้องเลือกคุณ ท่ามกลางสินค้าหรือบริการที่คล้ายๆกับคุณเป็นร้อยเป็นพัน อย่าหลงคิดว่าตัวเองนั้นมีของที่ดีและเจ๋งมาก หรือมีจุดขายที่ทำให้ผู้คนต้องยอมต่อแถวอยากได้ ถ้าคุณยังคิดแบบนี้ คุณก็เป็นนักธุรกิจหรือนักการตลาดที่เพ้อฝันแล้วครับ
อ่านเทรนด์การสร้างแบรนด์ยุคใหม่ Brand Democracy https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/branding-trend-2019-social-issues/
ลองดูคอลเลคชั่น PRIDE จาก Diesel เพิ่มเติม https://uk.diesel.com/en/unisex/pride/?utm_campaign=conversion_ss19-main_capsule&utm_content=pride_linkbio&utm_medium=social-organic&utm_source=instagram