CMMU เผย Never Normal Marketing กับ VACCINES Strategy
วันนี้วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดลได้เผยผลสำรวจธุรกิจไทย ทั้งในกลุ่ม Startup และ SMEs กว่า 450 ราย พบว่ากว่า 78% ของผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจาก COVID19 โดย 74% ของธุรกิจไทยนั้นยอดขายตก และมีรายได้ลดลง โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุด 3 อันดับแรกก็คือ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจบันเทิงหรืออีเว้นท์ และธุรกิจรับจ้าง และเมื่อไปสำรวจตลาดประเทศอื่นๆ ควบคู่ไปกับการศึกษากลุ่มผู้ประกอบการที่รอดจากวิกฤตโควิดมาได้ เหล่านักศึกษาจากวิทยาลัย CMMU ก็ได้คลอดกลยุทธ์ทางรอดใหม่ VACCINES Strategy ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับธุรกิจ SME และ Startup ให้ไปต่อได้ในวิกฤตต่อๆ ไปค่ะ
อะไรคือ VACCINES Strategy?
- NE(V)ER NORMAL: ข้อนี้ก็เพื่อบอกว่า ทุกธุรกิจต้องพร้อมในการปรับ-เปลี่ยนกลยุทธ์
ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เมื่อวิกฤตที่คาดไม่ถึง ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ในทางตรงและทางอ้อมค่ะ
2. DAT(A) DRIVEN: ข้อนี้ก็คือการเสนอให้ธุรกิจนั้นพึ่ง Data ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Internal หรือ External Data ก็ตาม ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างคลังข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการและต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการใช้ Data เพื่อเตรียมพร้อมและหาทางออกที่ดีที่สุดในการรับมือภาวะวิกฤตอยู่เสมอค่ะ
3. (C)OLLABORATION: ต่อมาก็คือส่วนของการทำ Partnership Marketing ที่แบรนด์ของเราสามารถCollab กันได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจในเครือเดียวกัน หรือต่างอุตสาหกรรม เพื่อก่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่ขับเคลื่อนแบรนด์ให้อยู่รอดค่ะ
4. (C)ONTENT: ส่วนข้อนี้เป็นอะไรที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว นั่นก็คือการทำ Content การสื่อสารต่างๆ ให้น่าสนใจ เข้าใจง่าย น่าซื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของการตลาดโดยเฉพาะในยุคนี้ ที่ต้องพึ่งการขายผ่าน Digital Media หรือ Social Media และลูกค้าเองก็ไม่สามารถจับหรือสัมผัสของได้ก่อนซื้อจริงนั่นเอง
5. NEW BUS(I)NESS: หากว่าเรารู้ทันสถานการณ์ มีการปรับตัวอยู่เรื่อยๆ หนึ่งในทางออกก็อาจจะเป็นการมองหาช่องว่าง หรือ Room สำหรับ Business ใหม่ๆ ที่แบรนด์เราควรดำเนินการไป โดยอาจจะเป็นคนละทิศทางกับสิ่งที่เราเคยทำมา หรืออาจจะเป็นสิ่งเดิมก็ได้ค่ะ โดยวิธีมองหาช่องว่างต่างๆ ก็อาจจะเริ่มจากการรู้จุดแข็งของตัวเอง รวมไปถึงการทำ SWOT Analysis / Target Analysis และอื่นๆ
6. RESILIE(N)CE: นั่นก็หมายถึงความยืดหยุ่นที่ทุกธุรกิจควรมี เพื่อพร้อมปรับตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างองค์กรแบบแบนราบที่ลดลำดับชั้นในการบริหาร และเพิ่มอิสระในการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น อาจจะมีการคาดคะเนเพื่อวัดความเสี่ยงในระยะยาว เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ก่อนเลยในอนาคตที่เราไม่อาจรู้ได้ค่ะ
7. T(E)CH ADOPTATION: หรือการเลือกใช้เทคโนโลยีหรือ Tools เครื่องมือต่างๆ ที่เข้ากับธุรกิจ เพื่อเป็นเหมือนตัว Accelerator ในการทำงานให้ไปได้ไวขึ้น เร็วขึ้น
8. GROWTH MIND(S)ET: นั่นก็คือ Mindset ในการมองหาโอกาสจากทุกวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง COVID19 หรืออื่นๆ อย่างแบรนด์ธุรกิจธนาคารที่ใช้โอกาสนี้ให้คนสมัครใช้ Promptpay โอนมากขึ้น หรือกรอกเดต้ามาใช้งานบริการของตัวเองมากขึ้นค่ะ
ซึ่งตัวอย่างของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID19 และได้ปรับตัวอย่างรวดเร็วก็คือ แบรนด์หอม โฮสเทล แอนด์ คุกกิ้ง ที่อยู่ในส่งของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 นั่นก็คือธุรกิจท่องเที่ยว โดยแบรนด์ก็ได้มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วหลังจากที่ยอดผู้เข้าพักเริ่มน้อยลงจนเข้าช่วง Lockdown โดยพบว่า Value หลักของแบรนด์คือการ Connecting กับผู้คน ก็เลยเปิดรับระดมทุนเพื่อหารายได้เลี้ยงพนักงาน พร้อมกับทำข้าวกล่องไปแจกจ่ายในช่วงโควิดแทน
สิ่งนึงที่น่าสนใจจากแบรนด์หอม โฮเทล แอนด์ คุกกิ้ง ก็คือ การที่แบรนด์กล้าที่จะยอมรับว่าวันนี้เราล้มลง และต้องการแรงช่วยเหลือ เพราะหากเจ้าของไม่กล้ายอมรับก่อน คนอื่นก็จะไม่มีทางรู้เลย ประกอบกับการสร้าง Brand love ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจก่อนสถานการณ์ COVID19 ที่มีมูลค่ามากกว่าแค่ขายสินค้าเฉยๆ เพราะวันนึงถ้าแบรนด์ล้มแบบช่วงโควิด ทุกคนที่คุณทำให้เค้ารักแบรนด์ของคุณได้ ก็จะกลับมาเพราะอยากให้แบรนด์ของคุณอยู่ต่อไปค่ะ
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญมากๆ ก็คือการเก็บ Data ในวันนี้ เพื่อเรียนรู้ลูกค้าของเราก่อนที่แบรนด์อื่นๆ จะแทรงหน้าและเอาลูกค้าไปจนหมดค่ะ อย่าลืมลองปรับใช้ VACCINES Strategy กับ Business Model วันนี้ดูบ้างนะคะ เราจะได้เตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์ หรือแม้แต่จะเป็น COVID19 ระลอก 2 ค่ะ
ใครที่สนใจอ่านเรื่องการตลาดในช่วง COVID19 เพิ่ม สามารถคลิกตรงนี้ได้เลยค่ะ
และหากท่านใดที่อยากชมงานแถลงข่างจากทีมนักศึกษาโดยตรงสามารถเข้าไปชมวิดีโอ LIVE ได้ที่นี่ค่ะ
