Thailand Mobile Expo จัดงานแบบ O2O รองรับพฤติกรรม Showrooming-Webrooming
ในช่วงโควิดและ Post-COVID19 เราก็ได้เห็นหลายๆ แบรนด์มีการปรับตัวสู่ออนไลน์หรือ Digital กันมากขึ้น ร้าน Retail แบรนด์ก็หันมาทำ O2O หรือ Omnichannel โดยให้คนสั่งออนไลน์มารับหน้าร้านได้แล้ว ซึ่งวันนี้เคสแบรนด์ที่เพลินจะมาเล่าไม่ใช่แบรนด์ที่มีหน้าร้านอะไรทั่วไป แต่เป็นเชิงงาน Event หรือมหกรรมแสดงสินค้า Thailand Mobile Expo 2020 นั่นเองค่ะ ที่เค้าหันเข้าสู่ Online มากขึ้น แต่ถึงยังนั้น ก็ไม่ได้มา Online แบบเพียวๆ เพราะปีนี้เค้าจัดงานแบบ O2O หรือเรียกให้เข้าใจในภาษาการตลาดก็คงเป็น Omnichannel Experience ค่ะ
Challenge ของงาน Thailand Mobile Expo
แน่นอนว่าปัญหาหลักคงหนีไม่พ้นสถานการณ์โควิด ที่ทำให้งานต้องถูกเลื่อนออกมาจัดวันที่ 2-5 กรกฎาคมนี้แทน และถึงแม้ว่าวันนี้ความตึงเครียดเริ่มหายดีขึ้น แต่สิ่งที่น่ากังวลอย่าง Safety measures หรือว่า Spending power ของคนยังคงเป็นที่น่ากังวลอยู่ว่ามันจะกลับมาดีขึ้นด้วยไหม ทำให้ทางผู้จัดงานต้องทำการบ้านกันหนัก เพราะผู้จัดงานไม่ได้ดูแลแค่ลูกค้าผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ผู้จัดงานยังต้องดูแลแบรนด์ที่จะเข้ามาจัดบูธด้วย ว่าจะมีคนมาเดินดูสินค้าในงานแน่
Opportunity:
ทางแบรนด์เค้าก็เลยทำการบ้านกันอย่างหนักค่ะ สิ่งนึงที่ส่อแววว่าเป็นสัญญานโอกาสที่ดีก็คือ Data จากยอดขายของ Marketplace อันดับต้นๆ อย่าง Shopee และ Lazada. ที่ถึงแม้ว่าคนไทยจะกักตัวอยู่บ้าน แต่ความต้องการนั้นไม่ได้หยุดตามไปด้วย เพียงแต่ย้ายมาช้อปบนออนไลน์มากขึ้น
นอกเหนือจากนั้น Data ของยอดขายของ iPhone SE และ Laptop ก็ยังขายดีเอามากๆ ตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้จัดงานแลเห็นว่า ความต้องการและ Spending Power ของผู้บริโภคยังมีอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องของความเชื่อมั่นในการเดินงานที่ผู้จัดงานยังคงต้องจัดการเพิ่ม
Solution:
จัดงานแบบ Hybrid Event นั่นก็คือการทำทั้ง Online และ Offline ไปพร้อมๆ กันแบบ O2O เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด โดยสิ่งที่ผู้จัดงานทำก็คือการเข้าไป Collab จับมือกับเหล่า Marketplace อย่าง Shopee และ Lazada เนี่ยแหละค่ะ
แต่กลยุทธ์ก็คือ การยกทั้งงานเอาไว้บนออนไลน์เลย เพราะจะเป็นการทำ Online Event ครั้งแรกของ Mobile Expo ที่จะให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้จากบ้าน แถมคนต่างจังหวัดที่แต่ก่อนมักตัดพ้อว่าทำไมไม่จัดงานที่ต่างจังหวัดบ้าง ก็สามารถเข้าถึงงานผ่านช่องทางนี้ได้เช่นกัน
โดยคนที่สนใจอยากซื้อของในงาน ไม่จำเป็นต้องเดินทางมากระจุกตัวกันที่งานแล้ว แต่สามารถกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ อย่างห้างหรือ Shop มือถือทั่วไป เพื่อดูของจริง แต่มาซื้อบน Online Event ของงาน Mobile Expo แทน เพราะจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมแม้ซื้อบนออนไลน์ก็ตาม แบบนี้ก็ถือเป็น Reason To Buy ที่ดีใช่ไหมละคะ ในขณะเดียวกันใครที่ Shopping อยู่บนออนไลน์เอง แต่ไม่อยากรอของมาส่งนานๆ อยากมารับด้วยด้วยเอง ก็สามารถมาซื้อหรือรับสินค้าที่สั่งไว้ที่งาน ไบเทค บางนา หรือเร่งสปีดให้ส่งของภายใน 1 วันก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
เป็นอย่างไรบางคะ กับรูปแบบงาน Event ในยุค New Normal แบบนี้ ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคมากๆ เลยทีเดียวเนอะ เพราะอีกนึง Consumer Behavior ในช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของ Showrooming และ Webrooming
Showrooming และ Webrooming
- Showrooming: ก็คือ พฤติกรรมการซื้อของที่ผู้บริโภคมาเดินดูที่หน้าร้านหรือOffline ก่อน เสร็จแล้วก็ค่อยไปซื้อบน Online ในที่นี่ก็คือ Shopee หรือ Lazada แทน เพราะราคาถูกกว่า หรือไม่อยากไปร่วมงานเพราะกลัวโควิดก็ได้
- Webrooming: ก็คือ ตรงกันข้ามกับ Showrooming เลยค่ะ พฤติกรรมที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ เลือก Shopping บนเว็บ บนออนไลน์ก่อน แต่พอถึงเวลาซื้อจริงๆ ก็มาซื้อบน Offline หน้าร้านแทน ซึ่งในที่นี้ก็คืองาน Mobile Expo ที่ไบเทค บางนาค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็คือการจัดงานแบบ Hybrid หรือ Omnichannel ที่ผู้จัดงาน Mobile Expo เค้าคิดขึ้นมา เพื่อปรับรูปแบบงานให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคและสถานการณ์ปัจจุบัน นักการตลาดด้าน Event หรือธุรกิจ Retail อื่นๆ ที่กำลังมองหาวิธี run งานต่อ ลองนำไอเดียดีๆ อย่าง O2O2O ของ Mobile Expo นี้ ไปปรับใช้กันดูนะคะ
ใครที่สนใจการตลาดเชิง Omni-channel มากขึ้น อ่านตัวนี้เพิ่มรับรอง Detail แน่นจุกๆ ค่ะ
