เจาะยุทธศาสตร์ การตลาด HomePro 2024 เติบโตอย่าง Go Green

สวัสดีนักการตลาด และนักอ่านทุก ๆ คนครับ บทความนี้ผมจะพามาดู การตลาด HomePro 2024 กับแผนดูยุทธศาสตร์การเติบโต 5 ปีกันครับ ซึ่งแผนการเติบโตในครั้งนี้ เน้นการเติบโตด้วยโมเดลธุรกิจด้วยแผน Sustainability เติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายองค์กร Net Zero ระดับโลก ภายในปี 2050 

เจาะกลยุทธ์ 3S โฮมโปร 

S1: Synergized Omnichannel เชื่อมต่อทุกช่องทาง อย่างไร้ขอบเขต

ด้วยการขยายสาขาไปกว่า 170 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ พัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ที่ครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม และเชื่อมต่อถึงกันแบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น Website, HomePro Living (Shopee, Lazada, TikTok) และขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มธุรกิจ B2B ให้มากขึ้น

ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มความสะดวกสบายในการสั่งซื้อสินค้า เสมือนมาซื้อสินค้าที่สาขาด้วยตนเอง ทั้งนี้โฮมโปรยังได้พัฒนา 3 แอปพลิเคชัน ให้เชื่อมต่อแบบไม่มีสะดุด  

• HomePro Online App: แอปพลิเคชัน เพื่อคนรักบ้าน เสมือนมีร้านโฮมโปรอยู่ในมือ สามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการทั้งหมดในร้านโฮมโปรได้ทั่วประเทศ

• Home Service App: ฟังก์ชั่นบริการที่หลากหลาย อาทิ การซื้อสินค้า การจัดส่ง รวมทั้งบริการหลังการขาย พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ยกระดับเป็น All In One App ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น My Order-ระบบตรวจสอบติดตาม ติดตามวางแผนสินค้า บริการ และสถานะการจัดส่ง-ติดตั้ง My Reminder-ระบบผู้ช่วยเตือน จัดเก็บข้อมูลเครื่องใช้ไฟฟ้า และแจ้งเตือนรอบบำรุงรักษา และ My IoT-ระบบควบคุมสั่งการ ควบคุมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ และพลังงานด้วยระบบ IoT

• Home Card App: สิทธิและบริการพิเศษที่เพิ่มขึ้นของสมาชิก Home Card Member เมื่อซื้อสินค้าและบริการผ่าน HomePro Wallet สะสมเป็นคะแนน สามารถนำไปแลกสิทธิประโยชน์ Earn/Burn Point สำหรับส่วนลด รวมไปถึง Cashback เงินคืนไปยัง Wallet การโอนคะแนน หรือการเช็คสต๊อกสินค้า และนัดหมายเพื่อรับบริการจากสาขาที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ผมมองว่ากลยุทธ์ S1 Synergized Omnichannel เป็นการเน้นการตลาดแบบ Customer Centric โดยเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ทำยังไงก็ได้ที่ทำให้ผู้บริโภคสะดวกสบายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น HomePro Online App หรือ Home Service App นอกจากนี้ยังมี Home Card App ที่เป็นการทำ Customer Relationship อีกด้วย

มากไปกว่านี้ผมมองว่านอกจาก HomePro จะใช้แนวคิดแบบ Customer Centric เพื่อทำให้ผู้บริโภคสะดวกสบายมากที่สุดแล้ว จะสังเกตุเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในออนไลน์ด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ HomePro สามารถเก็บ Data ลูกค้าเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อีกต่อหนึ่ง

S2 : Superior Experiences สร้างประสบการณ์พิเศษ

การสร้างประสบการณ์พิเศษ เป็นส่วนสำคัญของการบริหารระบบ Lifetime Eco-System ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของลูกค้า โดยออกแบบวงจรการบริโภคที่มีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ 

มีบริการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบแจ้งเตือน VVIP+Notification/Navigation, บริการ Pre-Order, Booking และ Mobile Shopping ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถช้อปได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงการให้คำแนะนำโดย Home Solution Consultants 

และเครื่องมือช่วยออกแบบ Home Solution Tool and Home Inspiration ที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น สร้างประสบการณ์ช้อปพิเศษและครบครันให้กับลูกค้าทุกคน

ในกลยุทธ์ S2 Superior Experiences ผมก็มองว่าเน้นใช้หลักการ Customer Centric เหมือนกับกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ครับ เพียงแต่กลยุทธ์นี้เน้นประสบการณ์ที่ตัวบ้านเป็นหลักไม่ใช่ประสบการการณ์ช้อปแบบกลยุทธ์ที่ 1 และที่สำคัญสามารถเก็บ Data พฤติกรรมของลูกค้าได้ละเอียดขึ้นอีกด้วย

S3 : Sustainable Innovation การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน

โฮมโปร มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน เพื่อเติบโตอย่าง Go Green ผ่านโครงการต่าง ๆ ดังนี้

• โครงการรีไซเคิล WEEE: โฮมโปรเป็นผู้ค้าปลีกรายแรกที่ดำเนินโครงการรีไซเคิลเครื่องใช้ไฟฟ้า (WEEE) แบบครบวงจร ตั้งแต่การเก็บเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าจากลูกค้า นำไปรีไซเคิลตามมาตรฐาน GRS และนำเม็ดพลาสติก PCR ที่ได้กลับมาผลิตใหม่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Haier, Toshiba และ Venz
• โครงการ Trade In: โฮมโปร ร่วมกับ SCG พัฒนาสินค้ารักษ์โลก (Circular Product) โดยนำวัสดุเหลือใช้มาออกแบบใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
• เป้าหมาย Net Zero: โฮมโปร มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยมีโครงการต่าง ๆ เช่น เปลี่ยนเป็นรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Car) 50% ของพาหนะทั้งหมดภายในปี 2030 ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับโฮมโปรและเมกาโฮม 80 สาขา และขยายการติดตั้งเพิ่มเติม

เหตุผลที่ผมมองว่าโฮมโปรต้องการเติบโตแบบ Go Green มีหลัก ๆ 5 เหตุผล ดังนี้

• 1. การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด: ในยุคปัจจุบันนี้ผู้บริโภคมีความตระหนักในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและมีความสนใจในการซื้อสินค้าและบริการจากธุรกิจที่มีการดำเนินงานอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การเติบโตแบบ Gogreen จึงเป็นวิธีการในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางนี้

• 2. การประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การลดการใช้พลังงานที่เกิดจากการใช้แหล่งพลังงานที่ไม่สะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต จะช่วยลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมของธุรกิจ

• 3. ภาพลักษณ์และความไว้วางใจจากลูกค้า: การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจที่ดีในมุมมองของลูกค้า ซึ่งอาจทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและสนับสนุนธุรกิจมากขึ้น

• 4. การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: ธุรกิจที่ดำเนินการอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมักมีความเสถียรภาพทางการเงินที่ดีกว่า ซึ่งทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

• 5 ทำตามกฎหมาย: ในอนาคตอันใกล้นี้คงจะมีกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในหลายประเทศ อย่างแน่นอนครับ การเติบโตแบบ Gogreen ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวกับกฎหมายได้อย่างเหมาะสม ยังไงก็จะต้องปรับในอนาคตอยู่แล้ว ทำตอนนี้เลยไม่ใช่เรื่องที่เสียอะไร

สรุป การตลาด HomePro 2024

แผนยุทธศาสตร์การตลาดของโฮมโปรเน้นการเติบโตด้วยแผนการด้วยโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยกลยุทธ์ 3S

1. Synergized Omnichannel: การเชื่อมต่อทุกช่องทางการขายโดยการขยายสโตร์และพัฒนาช่องทางออนไลน์ เช่น Website, HomePro Living และการขยายฐานลูกค้า B2B
2. Superior Experiences: การสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าผ่านการให้บริการที่ทันสมัย เช่น ระบบแจ้งเตือน VVIP, บริการ Pre-Order และ Home Solution Tool
3. Sustainable Innovation: การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืนโดยการรีไซเคิล WEEE, โครงการ Trade In และเป้าหมาย Net Zero ในการลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก