กลยุทธ์ ‘House of Brands’ เพิ่มยอดขายสินค้าทางเลือก จาก Tops

กลยุทธ์ ‘House of Brands’ เพิ่มยอดขายสินค้าทางเลือก จาก Tops

กลยุทธ์ ‘House of Brands’ เพิ่มยอดขายสินค้าทางเลือก จาก Tops

สวัสดีค่ะชาว Marketer ทุกท่าน เวลาไปชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต มีใครเคยสังเกตบ้างมั้ยคะ ว่าตามเชลฟ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟัน แชมพู ครีมนวดผม จะมีสินค้าที่มีชื่อแบรนด์ของห้างสรรพสินค้า หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ๆ วางเรียงรายกัน วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับเจ้าสินค้าตัวนี้กันค่ะ หรือที่มีชื่อเรียกว่าHouse Brand หรือ Private labe นั่นเอง

กลยุทธ์-Tops-thailand

    หลายครั้งที่เราพบเห็นสินค้าที่เป็นแบรนด์เดียวกับห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าปลีก หรือที่เรียกกันว่าสินค้า House Brand หรือ Private label วางจำหน่ายควบคู่อยู่กับสินค้าแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาด แม้จะเป็นกลุ่มสินค้าที่มักถูกมองข้าม เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความเชื่ออยู่ 2 อย่างนั้นก็คือ

1.มีความรู้สึกว่าสินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าทางเลือกราคาถูก  2.คุณภาพสู้สินค้าไม่สามารถเทียบกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงได้ 

แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลให้เทรนด์การซื้อสินค้าประเภทนี้สูงขึ้นค่ะ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หันมาให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้าจากราคาและความคุ้มค่ามากขึ้น 

ตามผลสำรวจของ McKinsey เกี่ยวกับแนวโน้มเทรนด์ค้าปลีกในยุโรป ปี 2566 พบว่า ผู้บริโภค 36% ต้องการซื้อสินค้า ‘Private label’ หรือ ‘สินค้าตราห้าง’ เพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องจากการทดลองใช้และได้รับรู้ว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีคุณภาพดีเทียบเท่า หรือดีกว่าสินค้าแบรนด์อื่นๆ

นอกจากนี้ยังพบว่า สัดส่วนของสินค้า Private label ในทวีปยุโรปเพิ่มขึ้น 1.9% และส่วนแบ่งตลาดของร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.4% สะท้อนเทรนด์สินค้า Private label ที่มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

และสำหรับธุรกิจค้าปลีกในไทย “ท็อปส์” ซึ่งเป็นธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ภายใต้บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ก็มองเห็นถึงโอกาสและช่องว่างของการขายสินค้ากลุ่มนี้เหมือนกัน จึงได้มีการพัฒนาคอนเซปต์ของ House of Brands ที่เป็นมากกว่าสินค้าตราห้างทั่วไป เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกมิติ 

โดยข้อมูลล่าสุดจากรายงานเทรนด์ผู้บริโภคในประเทศไทยของ NielsenIQ พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยเลือกซื้อสินค้า Private label เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% ในปี 2021 เป็น 6% ในปี 2022 สะท้อนการรับรู้ต่อสินค้าตราห้างว่าเป็นสินค้าคุณภาพดี และยังชี้ว่าผู้บริโภคชาวไทยมองเห็นและเลือกซื้อสินค้า Private label ที่เป็นกลุ่มพรีเมียมมากขึ้นกว่าเท่าตัว โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพที่ดีควบคู่กับราคาที่เข้าถึงได้

“Tops กับ กลยุทธ์ House of Brand เติมเต็มอาณาจักรสินค้าคุณภาพ” 

นายบุญชัย ปลื้มสืบกุล Head of New Format & House Brands บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นเทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “จากผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าที่ผ่านมา หนึ่งในที่จดจำของแบรนด์เมื่อพูดถึงท็อปส์ ลูกค้านึกถึงการการันตีคุณภาพสินค้าที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่ม House of Brands ของท็อปส์ ที่มุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพพรีเมียม ครอบคลุมหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย 

โดยอาศัยความเป็นผู้นำด้านความหลากหลายของสินค้าทั้งในไทยและที่นำเข้าจากต่างประเทศ ผนวกกับความแข็งแกร่งของเครือข่ายซัพพลายเชนที่มีอยู่ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้และยังคงรักษามาตรฐานของวัตถุดิบและการผลิตที่มีคุณภาพสูง รวมถึงความเชี่ยวชาญในการคัดสรรและนำเข้าสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดังจากทั่วโลก เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า การันตีคุณภาพดีเยี่ยมในราคาที่เป็นมิตร พร้อมสัมผัสได้ถึงความพิเศษของสินค้า House of Brands ที่วางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น”

กลยุทธ์-Tops-thailand

“Tops : กลยุทธ์สร้างจุดขายที่แตกต่างด้วยความหลากหลายของสินค้า กว่า 10,000 SKUs Tops พร้อมตั้งเป้าเติบโต 20%

สินค้า House of Brands ของท็อปส์ ไม่เพียงโดดเด่นด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม แต่ยังการันตีความหลากหลายและแตกต่างด้วยจำนวนสินค้าในประเทศและสินค้านำเข้าที่เยอะที่สุด จาก 13 ประเทศทั่วโลก รวมกว่า 10,000 SKUs ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้ค้นพบสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ชั้นนำที่หาไม่ได้จากที่ไหน ที่มาพร้อมคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมตอบโจทย์รองรับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างแม่นยำ 

โดยจากสถิติกลุ่มสินค้า House of Brands ของท็อปส์ที่ขายดี 5 อันดับ ได้แก่ 

  • กลุ่มสินค้าอาหารสด กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 
  • กลุ่มสินค้าวัตถุดิบอาหารและเครื่องปรุง  
  • กลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว 
  •  กลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม 

ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบันที่มองหาสินค้าที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับราคา ทำให้สินค้า House of Brands ในทุกหมวดหมู่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยท็อปส์ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 20% ภายในปีนี้ 

“Tops ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ด้วย กลยุทธ์ Sub-Brand”

ปัจจุบันสินค้าภายใต้ House of Brands แบ่งออกเป็น 3 ประเภท กว่า 250 แบรนด์ซึ่งมีการนำเสนอสินค้าที่ดีที่สุดให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น

  •  กลุ่มสินค้า Private Brand คือกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ชั้นนำในท้องตลาด แต่จำหน่ายในราคาที่ย่อมเยากว่า ครอบคลุมสินค้าทุกหมวดหมู่ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น 
  • กลุ่มสินค้า Own Brand  กลุ่มสินค้าที่คัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี พิถีพิถันในการผลิตทุกขั้นตอน ทั้งสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและกลุ่มสินค้านำเข้าเกรดพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แบรนด์ My Choice, Tops และ Smarter ให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพที่ดีเกินคาด
  • กลุ่มสินค้า Exclusive Brand คือกลุ่มสินค้าแบรนด์ชั้นนำที่ผ่านการเฟ้นหาและคัดเลือกแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลก เพื่อรวบรวมมาวางจำหน่ายให้กับลูกค้าชาวไทยได้เลือกซื้อสินค้าคุณภาพพรีเมียมส่งตรงจากทั่วทุกมุมโลก เช่น Waitrose, Coles และอีกมากมาย
กลยุทธ์-Tops-thailand

การันตีคุณภาพสินค้าแบรนด์ไทย ด้วยการส่งออกสู่ผู้บริโภค 4 ประเทศภูมิภาคเอเชีย

นอกจากการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง พร้อมเป็นหนึ่งในแบรนด์สินค้าทางเลือกให้กับผู้บริโภคเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในเมืองไทยแล้ว เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ยังมีแผนในการขยายตลาดสินค้าไทยภายใต้ ‘House of brands’ ไปสู่ตลาดในต่างประเทศผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยในช่วง 2560-2565 ได้ส่งออกสินค้ากว่า 500 รายการ ไปยัง 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ 

  • จีน 
  • ไต้หวัน 
  • เวียดนาม 
  • กัมพูชา 

มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) รวมกว่า 127% นับเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จว่าสินค้าไทยได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพในระดับสากล และมีมาตรฐานเทียบเท่าสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ 

“ท็อปส์ เข้าใจผู้บริโภคและต้องการให้ทุกการใช้จ่ายมีคุณค่า จึงไม่หยุดที่จะคิดค้นและนำเสนอนวัตกรรมค้าปลีกใหม่ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่แตกต่างโดยใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการพัฒนาสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทะยานขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ฟู้ดรีเทลเลอร์ของเมืองไทย” นายบุญชัย กล่าวทิ้งท้าย

จากสิ่งที่ Tops ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ เห็นได้ชัดเจนเลยค่ะว่านี่คือการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของพฤติกรรมผู้บริโภค จากการเลือกซื้อของที่แบรนด์ ณ.ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาดูที่ราคาและความคุ้มค่ากันเเล้ว เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ ใคร ๆ ก็ต้องประหยัดกันใช่ไหมคะ? จากการผลักดันสินค้า  House Brand ให้มีคุณภาพ และมีความหลากหลายมากขึ้น 

หลายคนอาจสงสัยว่าบางครั้งเราเปรียบเทียบราคาแล้วทำไมสินค้าเหล่านี้จึงมีราคาที่ถูกกว่าสินค้าแบรนด์อื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะ

  • สินค้ากลุ่มนี้มีการสั่งผลิต Volume สูง เมื่อกำลังผลิตต่อครั้งจำนวนมากราคาก็ลดลง
  • กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล รีเทล เป็นบริษัทใหญ่อำนาจต่อรองสูง
  • สินค้ากลุ่มนี้ ไม่จำเป็นต้องทำโฆษณา ก็สามารถขายได้จากการนำสินค้านั้น ๆ ไปวางตาม เชลฟ์ของซุปเปอร์มาร์เกต

สำหรับใครที่ทำธุรกิจ ก็สามารถนำไอเดียจากการอ่านบทความนี้ไปต่อยอดธุรกิจได้นะคะ ลองสำรวจความต้องการของผู้บริโภค โดยเรานึกถึงความต้องการลูกค้าเป็นหลักก่อนแล้วนำมาปรับ พัฒนาสินค้าของเราเพื่อให้โดนใจลูกค้ามากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มยอดขายของธุรกิจเราได้อีกทางหนึ่งค่ะ

อ่านข้อมูลการทำการตลาดอื่น ๆ เพิ่มเติม  คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ

อัพเดทข่าวสาร เพื่อติดปีกให้คุณเป็นนักการตลาดที่ไม่ OUT !!!  อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอน เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่ะ

Chulee.

นักพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด / นักเขียนบทความการตลาด ชอบงานศิลปะ งานครีเอท ไอเดีย เจ๋ง ๆ จึ้ง ๆ! น้องใหม่ทีมการตลาดวันละตอน ฝากผลงานด้วยนะคะ :) ♥รักเวลา... เวลามีค่ามากที่สุด⏰

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *