การตลาด Burger King แก้ปัญหาแบบเรียลไทม์ ขิงความเป็นคิงกับ Mcdonald’s

สวัสดีค่าาา ใครที่อยู่ในสายงาน การตลาด ทำธุรกิจ หรือทำโฆษณา แม้แต่เป็น Burger lover ทั้งหลายจะต้องคุ้นชินกันดีกับการจิกกัด บูลลี่ แซะกันไปกันมาระหว่างสองแบรนด์นี้ Burger King และ Mcdonald’s ตัวตึงแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่ชอบออกมาแซะกันไปกันมาบ่อย ๆ ผลัดกันรุกผลัดกันรับ

และผู้เขียนเองก็ได้ไปเจอแคมเปญการสนุก ๆ จาก Burger King ที่ขึ้นชื่อกับการทำ Real-time Marketing ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวตึงทั้งฝั่งไทยและฝั่งเทศ จะปัญหาแบบไหน แบรนด์ไหนแซะมาก็รับมือได้หมด จึงถือโอกาสนำแคมเปญที่ผู้เขียนมองว่าน่าสนใจและแก้เกมได้เป็นอย่างดีมาฝากกันในบทความนี้ค่ะ

โดยแคมเปญที่จะนำมาแชร์มีชื่อว่า Who is King ขิงความเป็นคิงกันระหว่างแบรนด์สองแบรนด์!

ที่มาที่ไปของแคมเปญ: ศึก ‘แซะ’ ที่นัวกันไปกันมา

ต้องเท้าความไปก่อนค่ะว่า ระหว่างสองแบรนด์นี้ Burger King และ Mcdonald’s มีการจิกกัดแซะกันไปมาอยู่ตลอด ซึ่งต้องย้อนความไปก่อนที่จะมีแคมเปญ Who is King ออกมา ฝั่งน้ำเงินอย่าง Burger King ได้ออกหมัดฮุกใส่ ฝั่งแดงอย่าง Mcdonald’s ทำให้ Mcdonald’s ต้องออกมาจัดการ โดยสิ่งที่พวกเขานิยมนำมาฮุกใส่กันก็คือ ‘ข้อด้อย’ ‘ข้อเสียเปรียบ’ ของฝั่งตรงข้ามเอามาจับเป็นประเด็น

โดยในช่วงนั้นเองในปี 2016 Mcdonald’s ของประเทศฝรั่งเศสต้องการโฆษณาไดร์ฟทรูที่มีมากกว่า 1,000 สาขา ผิดกับคู่แข่ง Burger King ที่มีไม่ถึง 20 สาขาด้วยซ้ำ แต่จะบอกตรงๆ ง่ายๆ ธรรมดาแบบนั้นโลกคงไม่จำที่ Mcdonald’s คิดเอาคืน Burger King…แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดตัวตลกชื่อดังได้นำข้อด้อยที่เป็นเรื่องจำนวนสาขาน้อยของ Burger King มาทำเป็นแคมเปญ McDriveKing ซึ่งเป็นคลิปวิดิโอ โดยในคลิปโฆษณาจะมีการทำป้าย OOH (Out-Of-Home) บอกเส้นทางไปที่ร้านโดยเปรียบเทียบทั้งสองแบรนด์

ซึ่งความพีคมันอยู่ที่ป้ายของ Burger King ดันใหญ่ และสูงกว่าใครเพื่อน พร้อมการบอกเส้นทางแบบละเอียดยิบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กว่าจะไปถึงร้าน มันไกล และยากเย็นแค่ไหน ในขณะที่ McDonald’s มีเพียงป้ายเล็ก ๆ พร้อมข้อความ 5 Km. ซึ่งสื่อว่าร้านอยู่ใกล้ และไปง่ายกว่าเห็น ๆ แปปเดียวก็ถึงไม่ต้องขับไปไกล (เพราะจะอวดว่าสาขาฉันเยอะกว่า เข้าถึงได้ง่ายมากกว่านั่นแหละค่ะ)

แก้เกมส์แบบเรียลไทม์ในฉบับของ Burger King

ศึกนี้ดูเหมือนจะจบ Burger King เหมือนเจอทางดันจะแก้ปัญหายังไงดี…แต่นั่นก็ยังไม่จบ เพราะความพีคอยู่ตรงที่หลังจากนั้นอีกไม่นาน Burger King ก็ลุกขึ้นมาเอาคืนด้วยคลิปโฆษณากลับบ้าง ทำเป็นแคมเปญที่มีชื่อว่า Who is King ด้วยการสร้างเนื้อเรื่องต่อเนื่องจากโฆษณา Mcdonald’s มันซะเลย ดำเนินเรื่องคล้ายกับโฆษณาของ Mc แทบทุกอย่าง

โดยในคลิปจะมีรถลูกค้าขับเข้ามาที่ไดร์ฟทรูของแมคโดนัลด์ แต่แทนที่เขาจะสั่งอาหาร  เขากลับแค่แวะสั่งกาแฟเพื่อขับต่อไปยังร้าน Burger King ที่อยู่ไกลไปอีก 200 กว่ากิโลฯ พร้อมการปิดท้ายแบบแสบๆ

“Thank you Mcdonald’s for being everywhere”

เรียกได้ว่าคนละหมัด ซัดกันคนละทีจริง ๆ ค่ะ ปัญหาที่ดูเหมือนจะถึงทางตันแก้ไข เอาคืนไม่ได้ Burger King กลับเอาคืนได้อย่างเจ็บแสบไม่น้อยหน้ากันเลยจริง ๆ

สรุป การตลาด Burger King แก้ปัญหาแบบเรียลไทม์ ขิงความเป็นคิงกับ Mcdonald’s

Burger King แสดงให้เราเห็นแล้วว่าทุกปัญหามีทางออก จะซ้ายจะขวาก็ออกได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องเอาสักทางให้ออกได้ เอาจริง ๆ ข้อด้อยเรื่องสาขาน้อย นี่เป็นอะไรที่ดูเถียงและกอบกู้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ยาก แต่ Burger King กลับพลิกแพลง ใช้ความ Creative เอาชนะศึกในครั้งนี้มาได้

และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของศึกระหว่างสองแบรนด์นี้ ยังมีเคสอีกมากมายที่จะนำมาแชร์กันให้เห็นถึงศึกแห่งสงครามสุดนัว ต้องคอยติดตามกันได้ในบทความหน้าค่ะ

หวังว่าตัวอย่างเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

Source: https://www.oneclub.org/awards/theoneshow/-award/25980/whoistheking

https://www.adforum.com/creative-work/ad/player/34560519/whoistheking/burger-king