เคล็คลับ ในการ Research กลุ่มเป้าหมายบน Instagram
นักการตลาดแบรนด์ไหน? ใช้ Instagram มาทางนี้เลยจ้า วันนี้ปลื้มจะมาเล่าเคล็ดลับวิธีในการ Research หรือ สำรวจ กลุ่มเป้าหมายบน IG ที่จะทำให้เหล่าแบรนด์ได้รู้จักผู้บริโภคของตัวเองมากขึ้น จะมีวิธีการสำรวจที่น่าสนใจยังไงบ้าง เรามาดูกันเลยค่ะ
Research กลุ่มเป้าหมายบน Instagram เพื่ออะไร
อย่างที่ปลื้มได้เกริ่นไปแล้วเบื้องต้น ซึ่งต้องบอกว่าการวิจัยตลาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความรู้จักกับฐานลูกค้าของเราเอง และทำให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์และบริการของเราสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและแนวโน้มของอุตสาหกรรม
โดยวันนี้ปลื้มจะพามาเจาะ Instagram ที่เป็นช่องทางโซเชียลมีเดีย และเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลมากมายที่เราสามารถใช้เพื่อการสำรวจกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ช่องโซเชียลมีเดียนี้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่มีค่ามากๆ สำหรับนักการตลาดให้นำไปวิเคราะห์กันได้ เช่น
- กลุ่มเป้าหมายปัจจุบันของเราตรงกับฐานลูกค้าเป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือไม่
- ขนาดกลุ่มเป้าหมายและรายละเอียดด้านประชากรศาสตร์สำหรับตลาดเป้าหมายของเรา
- การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเรา
- ข้อมูลด้าน Sentiments และความชอบของลูกค้าปัจจุบัน
- แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคและทั่วทั้งอุตสาหกรรม รวมถึงคู่แข่งด้วยเช่นกัน
Instagram มีประโยชน์พอๆ กับการ Research ทั่วๆ ไป แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เนื่องจาก Instagram สามารถให้ข้อมูลจากผู้ใช้เท่านั้นค่ะ ทำให้ข้อมูลเชิงลึกที่เราดึงมาจากอินสตาแกรมจึงถูกจำกัดขอบเขต แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราควรค้นคว้าหรือทำการสำรวจแหล่งข้อมูลหลายแหล่งและเปรียบเทียบสิ่งที่ค้นพบเพื่อที่จะเห็นภาพกว้างขึ้นและชัดเจนขึ้นนั่นเองค่ะ
วิธีทำวิจัยตลาดบน Instagram
แอปฯ Instagram และ Meta Business Suite ทำงานร่วมกัน โดยมันจะนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจมากมายสำหรับการ Research มาดู 5 เคล็ดลับที่เราสามารถใช้ได้แบบฟรีๆ กันเลยค่ะ
#1: ตรวจสอบ Instagram Audience Insights
ต้องบอกว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการต่างๆ มีกลุ่มเป้าหมายของมัน แต่เพียงเพราะแบรนด์ของเราต้องการดึงดูดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะสนใจธุรกิจของเราหรือติดตามบัญชี Instagram ของเราหรอกนะคะ
หากผู้ติดตาม Instagram ของเราแตกต่างไปจากกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้อย่างชัดเจน การตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของผู้ชมนี้ อาจกระตุ้นให้เราขยายการกำหนดเป้าหมายและเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ที่ทำกำไรได้มากกว่าก็ได้นะ
Meta Business Suite Insights
โดยใน Business Suite จะโชว์ไปที่แดชบอร์ดข้อมูลเชิงลึก แล้วเราสามารถคลิกแท็บ Audience ซึ่งบนแท็บผู้ชมปัจจุบัน Business Suite จะแบ่งข้อมูลประชากรของผู้ติดตาม Instagram ที่มีอยู่ของเรา ก็จะเป็นข้อมูลพวกอายุ เพศ และโลเคชัน เป็นต้นค่ะ
โดยใน Business Suite จะโชว์ไปที่แดชบอร์ดข้อมูลเชิงลึก แล้วเราสามารถคลิกแท็บผู้ชม ซึ่งบนแท็บผู้ชมปัจจุบัน Business Suite จะแบ่งข้อมูลประชากรของผู้ติดตาม Instagram ที่มีอยู่ของเรา ก็จะเป็นข้อมูลพวกอายุ เพศ และโลเคชัน เป็นต้นค่ะ
สำหรับการแบ่งแยกอายุและเพศนี้ เราสามารถเปรียบเทียบกับลักษณะผู้ซื้อของแบรนด์เราได้ มันก็จะทำให้เห็นเลยว่าทาเก็จของเราค่อยๆ ประกอบร่างกันขึ้น และเมื่อได้ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มมาก็จะทำให้ร่างนั้นสมบูรณ์มากขึ้นบน Instagram
หากเราเลื่อนลงเพื่อดู Top Cities และ Countries สำหรับผู้ติดตาม Instagram ของเรา locations บางแห่งอาจตรงกับเมืองหรือภูมิภาคที่เรากำหนดเป้าหมายไว้ แต่สำหรับพื้นที่ใหม่ๆ ให้ลองสำรวจและศึกษาเพิ่ม เผื่อเป็นโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างฐานลูกค้าที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นนั่นเอง
อย่างถ้าเราเปิดร้านอาหาร อาจจะรู้สึกว่าเราต้องการดึงคนที่อยู่ต่างจังหวัดเข้ามา พอเราดูข้อมูลแล้วพบว่าคนที่อยู่ในชุมชนมีความสนใจร้านของเรามากๆ เราอาจจะหันมากระตุ้นคนกลุ่มที่สนใจ ให้มาทานที่ร้านมากกว่า แบบนี้พอจะเห็นประโยชน์ของการทำวิจัยบน IG ชัดขึ้นไหมคะ
นอกจากนี้เราสามารถใช้ตัวกรอง หรือ Filter เพื่อใส่สิ่งที่เราอยากรู้แบบเจาะจง โดยการป้อนความสนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และใช้ขนาดผู้ชมโดยประมาณเพื่อวัดศักยภาพของตลาด ตรวจสอบเมืองชั้นนำและความสนใจเพื่อระบุวิธีใหม่ในการเข้าถึงสมาชิกกลุ่มเป้าหมายของเรามากขึ้น
Instagram App Insights
ส่วนในแอปฯ Instagram ให้ไปที่บัญชีของเรา แล้วเลือกแท็บ Insights เลื่อนไปที่ส่วนภาพรวมข้อมูลเชิงลึกและลองดูข้อมูลแต่ละส่วน เริ่มต้นด้วยแท็บ Followers ทั้งหมด ก็จะบอกเกี่ยวกับรายละเอียดอายุ เพศ และโลเคชัน สำหรับผู้ติดตามของเราค่ะ
ลองเปรียบเทียบข้อมูลนั้นกับรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในแท็บ Reached บัญชีที่เข้าถึง ดูได้ว่าเราเข้าถึงผู้คนจากที่ใดและอีกกี่คนที่ยังไม่ติดตามเรา จากนั้นเปรียบเทียบสิ่งที่เราค้นพบกับแท็บ Engagement ซึ่งสะท้อนถึงผู้ใช้ที่สนใจแบรนด์ของเรามากที่สุดและอาจแสดงความตั้งใจที่จะซื้อมากที่สุดด้วยนะ
เราก็ดูกลุ่มผู้ชมที่มีส่วนร่วมมากที่สุดคือใคร โพสต์แบบไหนที่ผู้ชนสนใจ จากนั้นก็สามารถตั้งสมมติฐาน เก็บข้อมูลนี้มาวิเคราะห์ในการทำการตลาดครั้งต่อๆ ไปได้แล้วค่ะ
#2: ประเมิน Instagram Content Analytics
จากเห็นว่าข้อมูลประชากรและความสนใจ สามารถบอกเราได้มากมายเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน และกลุ่มเป้าหมายบน Instagram คือใคร แต่การได้เห็นสิ่งที่พวกเขาตอบสนองกับคอนเทนต์ของเรา ซึ่งวิธีที่พวกเขาตอบสนองจะทำให้เรามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นค่ะ
โดยขณะที่เราอยู่ในแอปฯ Instagram ให้เลื่อนลงเพื่อดูการ Content Analytics บนแท็บ Engagement ขั้นแรก ให้ดูที่จำนวนการโต้ตอบทั้งหมดสำหรับเนื้อหาแต่ละประเภทค่ะ ดูว่าผู้ใช้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาของเราหรือมีแนวโน้มอย่างไรบ้าง รวมถึง posts, stories, reels และ lives ที่สร้างการมีส่วนร่วมมากที่สุด
แล้วเราสามารถศึกษาต่อได้นะว่าทำไมคอนเทนต์นี้ถึงแชร์เยอะ อะไรแบบนี้ หรือคนกดบันทึกเยอะ แสดงว่าผู้ชมกลุ่มนี้กำลังมีใจให้แบรนด์หรือไม่ จะกระตุ้นกลุ่มนี้ให้เข้ามาสเต็ปการตัดสินใจซื้อต้องทำอย่างไร ก็อาจจะต่อยอดเนื้อหาเดิมให้ดึงดูดขึ้นไหมก็ต้องลองดูค่ะ
#3: Review Instagram Comments and DMs
การวิเคราะห์ของ Instagram สามารถช่วยให้เรารวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อมูลเหล่านี้ไม่มีรายละเอียดมากนัก ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ความคิดเห็นและการ DM ของผู้ชมเพิ่มได้ อาจจะต้องใช้เวลาจากการตรวจสอบแบบ Manual แต่มันทำให้ผลลัพธ์ที่เราได้มันละเอียดมากขึ้นเลยนะ
จริงๆ แล้วก็อาจจะเครื่องมือบางตัวสามารถติดตามและประเมินการมีส่วนร่วมของ Instagram ได้โดยอัตโนมัติ แต่สำหรับจุดประสงค์ของบทความนี้ เราจะเน้นที่เครื่องมือดั้งเดิมที่ทุกธุรกิจสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
โดยการเข้า Business Suite แล้วเปิดแท็บ Instagram Comments ในกล่องจดหมายของเรา ซึ่งวิธีการก็คือการอ่าน Context ข้อความของลูกค้า แล้วจัดกลุ่มแบ่งเป็นข้อความเชิงบวก เชิงลบ และเป็นกลาง เป็นต้น และทำเช่นเดียวกันนี้กับใน DM ด้วย เราสามารถเข้าไปจัดเรียงติดป้ายกำกับ Labels จากการอ่าน Context เช่นเดียวกัน เพื่อให้เราสามารถติดตาม Sentiment โดยรวมได้
สำหรับข้อมูลนี้ เราจะได้รับแนวคิดทั่วไปว่าผู้คนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับแบรนด์และข้อเสนอโปรโมชันของเรา จากความคิดเห็นและ DM สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนสิ่งที่ผู้คนพูดเมื่อพวกเขาพูดกับแบรนด์ของเราโดยตรง ดังนั้นเราอาจไม่สามารถประเมินความคิดเห็นของลูกค้าทั้งหมดได้ แต่วิธีนี้ช่วยได้นะ
อย่างการติดป้ายกำกับ Labels เราอาจจะไม่ต้องเลือกจากความหมายเชิงบวกเชิงลบ อาจจะติดป้ายปัญหาจากลูกค้า คำแนะนำจากลูกค้า หรือว่าการ Complain ก็จะทำให้เราเห็นมุมมองที่ลูกค้าต้องการสื่อสารกับเรา แล้วเราค่อยไปเจาะลึกในแต่ละกลุ่มว่าเรื่องอะไรล่ะที่เป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่อะไรแบบนี้เป็นต้นค่ะ
#4: วิเคราะห์ Tags and Brand Mentions
หากใช้เวลาในการค้นหาการ Mentions และโพสต์ที่ติดแท็ก เกี่ยวกับเราบน Instagram นี่จะทำให้เราได้เห็นภาพที่สมบูรณ์มากขึ้นว่ากลุ่มเป้าหมายของเรามีมุมมองต่อแบรนด์ของเราอย่างไร รวมถึงเราสามารถเช็ค Mentions และการติด Tag จากโพสต์ผู้ใช้อื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
โดยเข้า Instagram ไปที่โปรไฟล์ของเรา แล้วเลือกเพื่อดูTagged tab ที่นี้ เราจะเห็นโพสต์ Instagram ทั้งหมดที่ผู้ใช้แท็กบัญชีเรา รวมถึงเนื้อหาที่คนลงรีวิวผลิตภัณฑ์และบริการให้เราก็โชว์นะ
ส่วนการ Mentions มักจะถูกแจ้งเตือนบน Instagram อยู่แล้ว แต่เราอยากดูรวมๆ สามารถค้นหาได้ง่ายใน Business Suite วิธีการคือไปที่แดชบอร์ด “Post & Stories” แล้วไปที่แท็บ “Mentions & Tags” แล้วเลื่อนลงเพื่อเลือก Instagram และตรวจสอบโพสต์ทั้งหมดที่กล่าวถึงแบรนด์ของเราในคำอธิบายภาพเลยค่ะ
สิ่งนี้ปลื้มคิดว่าทำให้เราเห็นภาพรวมการเมนชั่นถึงเรา ถ้าเราเป็นแบรนด์ที่เลือกใช้อินฟลูฯ มันจะช่วยได้มากเลยเวลาดูผลลัพธ์ในเรื่องของเอ็นเกจต่างๆ และสามารถพิจารณาเลือกใช้อินฟลูคนเดิมที่โพสต์แล้วปังๆ ก็ย่อมได้ค่ะ
#5: Ask Your Instagram Followers
บอกเลยว่าวิธีนี้ก็เป็นการ Research อีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจบน Instagram นั่นก็คือการขอความคิดเห็นจากผู้ชมที่ติดตามเรา เราสามารถเลือกคำถามที่น่าสนใจและก็เป็นคำถามที่ทำให้ผู้ชมเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าของเราในอนาคต
Research in Instagram Stories
เมื่อเรา Create Stories เราสามารถเลือกฟังก์ชันต่างๆ ในการเล่นกับผู้ชม เช่น การใช้สติ๊กเกอร์แบบโต้ตอบเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้ หรือเราจะถามคำถามเพื่อให้ผู้ติดตามถามเกี่ยวกับความต้องการของพวกเขา นอกจากการถามคำถามแล้ว เรายังสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้ เพื่อประเมินการรับรู้ถึงแบรนด์และความต้องการได้อีกด้วยนะ
เพิ่งรู้สึกว่ามันเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้า เรายังได้ข้อมูลจากลูกค้าอีกด้วยว่าเขาต้องการอะไรและเราสามารถตอบโจทย์ในเรื่องนั้นได้หรือไม่ รวมถึงการทำกิจกรรมเปิดโหวตต่างๆ เพื่อออกสินค้าใหม่ มันก็จะทำให้รู้ว่าเราควรที่จะขายสินค้าอะไรแล้วลูกค้าจะซื้อ ก่อนที่จะลองทำมาขายมั่วๆ นั่นเอง
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับบทความนี้ ที่ปลื้มพา Research กลุ่มเป้าหมายบน IG ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย แถมยังเป็นข้อมูลที่เป็น Insights จริงๆ ของเรา ใครที่ใช้ IG อยู่ตอนนี้ แล้วยังไม่เคยรีเสิร์จลองกลับไปเล่นดูค่ะ เผื่อจะได้ข้อมูลมาคิดต่อยอดในการวางแผนการตลาดในอนาคต
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ