10 เรื่องการตลาด ที่ได้จากหนังเรื่อง The Joneses

10 เรื่องการตลาด ที่ได้จากหนังเรื่อง The Joneses

กลับมาอีกครั้งกับการแนะนำหนัง ซีรีส์ดี ๆ ที่เคยได้แชร์ทุกคนไปแล้วครั้งนึงในบทความ วงการ เอเจนซี่โฆษณา ดุเดือดเบอร์ไหน? จากซีรีส์เกาหลี AGENCY แต่บทความนี้เป็นหนังเก่าที่เนื้อหายังคงเป็นอมตะตลอดกาล The Joneses หนังเกี่ยวกับการขาย ทำให้รู้ว่าโลกของการตลาดแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แค่ผันไปตามเทรนด์ใหม่ของสินค้า เทคโนโลยี กระแสและตัวกลางการขาย แม้จะหมุนเร็วแค่ไหนรากเหง้าของทฤษฏียังคงคลาสสิกและใช้ได้ผลดี

หลายคนคงเคยดูกันมานานแล้ว แนะนำให้ลองกลับไปดูอีกรอบว่าความรู้สึกที่ดูครั้งแรกกับหลายปีต่อมาต่างกันไหม เช่นเดียวกับที่ผู้เขียนกำลังจะแชร์ในบทความนี้ ที่จะเล่าในมุมของเจนซีวัย 25 ปี ที่ดูครั้งแรกแล้วก็พบว่าหนังสอดแทรกลีลาการขายที่ทำให้นึกถึงทฤษฎีการตลาดเป็นสิบ ๆ ทฤษฎีในไม่กี่ฉากแรก

และในพาร์ทหลังก็เริ่มได้เห็นมุมมองของการทำงานและใช้ชีวิตไปพร้อมกันทั้งจากมุมของ คนขาย – คนซื้อ ใครที่ยังไม่ได้ดูแวะไปหาดูก่อนได้นะคะ แล้วค่อยมาคุยกันต่อในบทความนี้~

สินค้าเก่า แต่วิธีขายไม่เคยเก่าแม้จะผ่านไป 15 ปี

10 กลยุทธ์ที่จะชวนคุยจากหนังในวันนี้มีดังนี้

  • Audience research
  • Early adopter 
  • Friend-vertising
  • Word of mouth
  • Solution Selling 
  • Humble Bragger
  • Human Catalogue
  • Lifestyle Marketing
  • Team work
  • Product Backlog Grooming

อยู่ในอาชีพเดียวกัน แต่ทัศนคติ การเทรน เทคนิค ลีลาต่างกัน ผลลัพธ์ก็ต่างกัน

ส่วนตัวแล้ว นี่เป็นจุดแรกที่สะดุดใจก่อนเทคนิคการขายอื่น ๆ ซะอีกค่ะ เพราะในเรื่องเค้าเล่าเรื่องของทีมขายก็จริง แต่เทียบกับนักการอีกคู่นึงที่มีวิธีการขายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผลลัพธ์คือทั้งยอดขายและชึวิตเจอจุดพลิกผันต่างกันอย่างไม่ต้องสงสัย

> สามีภรรยาคู่นึงเน้นขายแบบยัดเยียด ไม่ศึกษาภูมิหลังหรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อาจะได้ยอดขายแค่เพราะความเกรงใจ แต่ในระยะยาวลูกค้าจะไม่อยากคุยกับคุณเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น ขาดชั้นเชิงในการป้ายยา และในยุคนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึง Am_ay จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เรารู้สึกอึดอัดกับเพื่อนที่มาเสนอขายสินค้าต่าง ๆ เสมอ

> อีกครอบครัวที่เป็นคาเร็คเตอร์หลักของเรื่อง ได้รับการวางตัวและกำหนด Position ให้ขายสินค้าที่เหมาะกับตัวเอง และคนรอบตัวที่จะไปเจอไว้เป็นอย่างดีแล้ว พ่อขายไลฟ์สไตล์ด้วยการไปออกรอบกอล์ฟ ขับรถ แม่ก็ไปทางร้านเสริมสวย เป็น Early Adopter แบบเนียน ๆ ลูกชายขายวิดีโอเกมได้ ลูกสาวป้ายยาแบบไม่ป้ายสินค้าประเภทลิปสติก ผ้าพันคอได้สบาย ๆ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้จริง การป้ายยาเลยเป็นธรรมชาติคนโดนป้ายก็รู้สึกอยากได้และไปซื้อตามเอง

ยุคนี้ดูออกขึ้นมาหน่อยด้วย Affiliate link ป้ายผ่านโซเชียลพร้อมแปะลิ้งก์ให้เลย ให้ดูเนียนหน่อยก็เลือกสินค้าที่เราใช้เองจริงนะคะ

เข้าใจแก่นของการขายจาก The Joneses

#1 Audience research วิเคราะห์ลูกค้าเป้าหมาย ลึกถึงไลฟ์สไตล์

ก่อนส่งทีมลงพื้นที่ขาย บริษัทได้ทำการรีเสิร์จกลุ่มเป้าหมายและเลือก Location มาแล้วว่าต้องการลูกค้าที่มีอันจะกินหน่อย คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีเงินตำของตามทีมขายแน่นอน การบ้านที่ทีมขายต้องทำต่อคือให้กลมกลืนและทำให้ลูกค้าชอบเรา อยากมีเหมือนเรา เชื่อสิ่งที่เราพูดอย่างกับลงสาริกาลิ้นทองมา

#2 Early Adopter กลุ่มลูกค้าที่หลายแบรนด์อยากมี

The Joneses หนังเกี่ยวกับการขาย

Early Adopter คือกลุ่มลูกค้าที่นำเทรนด์ ชอบมีก่อนหรือได้ใช้ก่อน เหตุผลที่หลายแบรนด์อยากมีลูกค้ากลุ่มนี้เป็นได้เพราะคนคนนี้มักจะทำให้คนคล้อยตามได้ง่าย หรือไม่จำเป็นต้องเป็นคนดัง แต่อยู่รวมกันแล้วสร้างอิมแพคให้แบรนด์เค้าจะมีศักยภาพเป็นหัวโจก ผู้นำทางความคิดในกลุ่มของพวกเขาได้อย่างดี

เฮ้ยของมันต้องมีนะนิ มีแล้วอย่างเจ๋งอะ~

ตัวอย่างเพิ่มเติม Photo : springnews

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การสร้าง Product Adoption Curve การวัดผลที่ต้องรู้เพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค

#3 Friend-vertising ได้ผลดีเมื่อไปพร้อม #4 Word of mouth 

เราป้ายนิดเดียวแล้วปล่อยให้เกิดอุปทานหมู่เองค่ะ อย่างในหนังคนที่เป็นลูกสาวแค่ทาลิปสติกหรือใช้ผ้าพันคอสวย ๆ ในหมู่สาว ๆ แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นไปลองใช้และขายต่อเอง

ทุกคนอาจจะตกอยู่ในสถานะนี้โดยไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ ที่เรามักแนะนำของที่ใช้เองแล้วชอบต่อ ๆ กันไป แอบทำให้นึกถึงตอนประถมที่มีเพื่อนใช้ Talking-Dict แล้วเราก็อยากมีบ้างเลยบอกพ่อให้ซื้อให้หน่อย ภายใน 1 ปีมี Talking-Dict 4 เครื่องแบบงงๆ และภายใน 2 ปีน้องก็ตกกระป๋อง แต่ยังโดนป้ายยาด้วยวิธีเดิมอยู่เลย……

อ่านเคสที่อธิบายเกี่ยวกับ Friend-vertising เพิ่มเติม >

ลีลาการขายที่ต้องจด ใช้ได้ตลอดกาล

#5 เข้าไปเป็น Solution Selling ให้ลูกค้าฉบับ #6 Humble Bragger Marketing

อาจจะดูย้อนแย้งแต่มันไปด้วยกันได้ค่ะ เทคนิคในการขายของบ้านนี้เค้าจะเน้นหาให้สินค้าเข้าไปตอบโจทย์ หรือเป็น Solution ให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้จริง ๆ Bragger Marketing การอวดแบบถ่อมตน (Humble bragger) หรืออวดแบบไม่อวด แต่ใช้การขายแบบเชิงรุก และขายสินค้าที่เป็น solution ที่จะช่วยการแก้ปัญหาให้ลูกค้า จะดีกว่าการบรรยาขายๆๆๆ แต่ต้องให้ลูกค้ามีประการณ์นั้นร่วมด้วย อย่างไลฟ์สไตล์ของพ่อ จะตีกอล์ฟ เค้าไม่ได้อวดแล้วเพื่อนจะซื้อตามเลยนะ แต่ต้องตีให้เริ่ดจนคนเห็นและขอลองตาม เกิดปากต่อปาก

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bragger Marketing กลยุทธ์จัดการพฤติกรรมขี้อวดของคนไทย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกั Perception Solution แบรนด์มีของดีอยู่ที่ตัว ทำให้ลูกค้าเชื่อก็พอแล้ว

#7 Human Catalogue ที่เป็น #8 Lifestyle Marketing เคลื่อนที่ได้~

The Joneses หนังเกี่ยวกับการขาย

อีกในนึงที่น่าสนใจคือการที่ทีมขาย ต้องมองตัวเองว่าเป็นแคตตาล็อคในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นตัวกลางในการพาสินค้าไปสู่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นสัมผัสได้ เรียกว่าเป็นการตลาดทางลัดสุดปัง เป็นกลยุทธ์ที่หลายคนอาจจะเข้าใจในอีกชื่อ Lifestyle Marketing ค่ะ

#9 Teamwork Makes the Dream Work เบียวแต่จริง

อาจจะอ่านแล้วเลี่ยน ๆ แต่เป็นสิ่งที่พาองค์กรสำเร็จทั้งยอดขายและสภาพจิตใจพนักงานมาแล้วค่ะ ในพาร์ทที่หัวหน้าทีมจะต้องรันยอดขายของทุกคนไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะการทำงานไม่ว่าที่ไหนก็ตามคุณทำคนเดียวไม่ได้ค่ะ ในหนังจะมีฉากที่หัวหน้าทีมทำความเข้าใจคนที่อยากจะผลักดันให้ผลงานออกมาดีขึ้น ในขณะเดียวกันคนในทีมที่เป็นพ่อก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย แม่เทรนด์ฝ่ายเดียวตลอดไปไม่ได้ ต้องช่วยกันดันจนในที่สุดเดือนถัดมาก็ลองปรับให้การขายเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น ยอดก็ดีขึ้นมากกว่าให้ฝืนสิ่งที่ไม่เข้ากับตัวพนักงานขายมากเกินไปค่ะ

แบรนด์ควรจะ Grooming พนักงานอินกับสินค้าก่อนให้ไปขาย

#10 จะเรียกว่า Product Backlog Grooming ก็ไม่ผิด เพราะได้ผลดีจริง

จะเห็นจากพาร์ทแรกที่เล่าถึงความแตกต่างระหว่าง 2 นักขายคู่สามีภรรยากับครอบครัวปลอมตัวในภารกิจ ทีมของครอบครัวจะได้รับการทดลองสินค้า ให้ใช้สินค้า อยู่กินกับของที่ขายได้จริง ๆ ก่อนจนรู้ว่าต้องขายยังไงให้ใคร รู้สึกอินกับมันแล้วจะขายอะไรก็ได้ทั้งนั้นค่ะ


ขอปิดท้ายสั้นด้วยเช็คลิสต์ที่เตือนใจลูกค้าและการใช้ชีวิตนิดหน่อย อย่าเผลอ CF หรือกดผ่อนจนเกินตัวทำให้นักป้ายยาเค้าทะลุเป้า แต่เราเป้าทะลุซะเองนะคะ…….

  • มีวิจารณญาณกับสังคมวัตถุนิยมและการชื่นชม
  • การที่เราต้องการจะเก่งอะไรซักอย่าง มันใช่แค่พูดว่าอยากเป็น แล้วมันจะลอยมา อยากอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องทำไปเรื่อย ๆ ลองไปเรื่อย ๆ ว่าแบบไหนถึงจะเกิดผล แก้ปัญหาไปเรื่อยๆ
  • ทั้งสองทีมที่เป็นคู่ กับครอบครัวต่างกันมากในกลยุทธ์ในการวางตัวและรู้จากรีพอร์ตยอดขาย
  • การฝืนขายไม่ได้ช่วยอะไร ลูกชายขายของให้แฟนสาวไม่ดีในตอนแรก เพราะไม่ยอมรับในความเป็นตัวตน LGBT มันไม่ใช่ตัวตนของเค้า แต่พอขายอะไรที่เราอินหรือถนัดผลลัพธ์ก็จะดีขึ้นแน่นอน

สรุปบทวิเคราะห์ 10 เรื่องการตลาดจาก The Joneses หนังดี อีก 10 ปีกลับมาดูก็อิน

ทุกคนอย่าลืมนะคะว่าหนังเรื่องนี้ฉายในปี 2009 ซึ่งตอนนี้ 2023 นับว่าผ่านมาเกือบ 15 ปีเต็มแล้ว มีแค่สินค้าที่เก่า แต่ความรู้แก่นการขายไม่มีสนิมขึ้นเลยซักนิด แต่ถูกใช้เป็นพาร์ทหนึ่งของทฤษฎีที่เกิดขึ้นใหม่ในวันนี้เท่านั้นเองค่ะ และไม่ใช่แค่ในแง่การขาย แต่การทำงานเป็นทีมและดันศักยภาพพนักงานของบริษัทก็ยังคงเป็น Factor สำคัญก่อนจะคาดหวังยอดขายจากพนักงานคนนั้น ๆ

และหนัง The Joneses หนังเกี่ยวกับการขาย เรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่าโลกของการตลาดแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แค่ผันไปตามเทรนด์ใหม่ของสินค้า เทคโนโลยี กระแสและตัวกลางการขาย แม้โลกจะหมุนเร็วแค่ไหนรากเหง้าของทฤษฏียังคงคลาสสิกและใช้ได้ผลดี~ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ทุกคนก็จะถูกป้ายยาแม้จะไม่มีครอบครัว Joneses อยู่ข้างบ้านก็ตามนะคะ ^^

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

Noon Inch

นุ่น Business Data Research Analyst Specialist | Martech 🙋🏻‍♀️💻ใช้ชีวิตอยู่กับ Social Listening Tools เกือบทุกวันมาร่วม 6 ปี 🙋🏻‍♀️📈ทำงานด้าน Social Data Research ให้กับหน่วยงานรัฐและแบรนด์เอกชน 6 ปี 🙋🏻‍♀️✈️ชอบทำงานและชอบใช้เงิน แล้วก็เป็น K-POP🇰🇷 & Salmon Lover 🍣

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *