Brand​ Awareness​ สำคัญ​ต่อธุรกิจ​แค่ไหน​ และจะวัดผลได้อย่างไรบ้าง

Brand​ Awareness​ สำคัญ​ต่อธุรกิจ​แค่ไหน​ และจะวัดผลได้อย่างไรบ้าง

การทำธุรกิจ​​ นอกจากเราจะคาดหวังให้สินค้าและบริการ​ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค​จนขายดีเป็น​เทน้ำเทท่า​แล้ว​ สิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิ​จ​ต้องการไม่แพ้กัน​ ก็คือเรื่องของ​ Brand​ Awareness​ หรือการทำให้แบรนด์​ของเราเป็นที่รู้จัก​กันในวงกว้าง

ลองมาดูกันว่าเราจะสามารถ​สร้าง​ Brand​ Awareness​ ได้อย่างไร​ และที่​สำคัญ​ไปกว่านั้นก็คือ​ เราจะสามารถ​วัดผลได้อย่างไรว่ากลยุทธ์​ต่างๆ​ ที่เราวางไว้ทำให้ผู้บริโภค​นั้นรู้จักเราได้จริงๆ

Brand​ Awareness​ สำคัญ​ต่อธุรกิจมากแค่ไหน

ไม่ว่าสินค้า​และบริการของเราจะดีแค่ไหน แต่ถ้าหากผู้บริโภคไม่รู้จัก​ หรือไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์​ในแบบที่เราต้องการแล้วล่ะก็​ บอกเลยค่ะ​ว่าเปล่าประโยชน์​

ในมุมมอง​ด้านการตลาด Brand​ Awareness​ เป็นการสร้างการรับรู้​ของแบรนด์​  ผ่านการสื่อสารภาพลักษณ์​ที่ดี​ รวมถึงความน่าเชื่อถือ​ของ​แบรนด์​ไปยังกลุ่ม​ผู้บริโภค​ ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น เมื่อมีคนรู้จักและจำได้มากขึ้นก็จะดึงดูดให้ลูกค้าสนใจในสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้นด้วยเช่นกัน

ทำไมธุรกิจ​จึงต้องสร้าง​ Brand​ Awareness​ ที่แข็งแกร่ง

ถ้าเราลองสมมติ​สถานการณ์​ง่ายๆ​ ถ้าเราต้องการซื้อครีมบำรุงผิวสักยี่ห้องหนึ่ง​ เราจะเลือกซื้อแบรนด์​ไหน​ ระหว่างแบรนด์​ที่ไม่เคยเห็น​ ไม่เคยำด้ยินชื่อมาก่อน​ กับแบรนด์​ที่เราคุ้นหูคุ้นตากันดีอยู่แล้ว​ แบมเชื่อว่ามากกว่า​ 90% จะต้องเลือกแบรนด์​ที่เรารู้จักดีอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์​ให้เป็นที่รู้จัก​และ​จดจำ​ ไม่ใช่แค่ชื่อที่ติดหูหรือโลโก้ที่สะดุดตาเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้ารู้สึก​มั่นใจที่จะใช้สินค้า​และ​บริการ​ของเรา​

คราวนี้เราลองมาดูเหตุผลกันดีกว่าว่า​ Brand​ Awareness​ ที่แข็งแกร่ง​นั้นช่วยส่งเสริม​ธุรกิจ​ของเราได้อย่าง​ไรบ้าง

1.สร้าง​ความไว้วางใจ​ให้​กับลูกค้า

การสร้าง​ Brand​ Awareness​ นั้นจะทำให้ผู้บริโภค​รับรู้​ถึงการมีตัวตนของแบรนด์​ ยิ่งลูกค้ารับรู้ในคุณค่าและภาพลักษณ์​ที่ดีของแบรนด์​มากเท่าไหร่​ ก็จะยิ่งเพิ่มความไว้วางใจ​ให้กับลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น

ซึ่งความเชื่อมั่นในแบรนด์​นี้จะส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น อีกถังยังมีโอกาสสูงมากที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำเนื่องจาก​มี​ Brand Loyalty​ หรือทัศนคติ​ที่​ดี​กับแบรนด์​ของเรา

2.ช่วยให้แบรนด์​ของเรา​โดดเด่น​เหนือคู่แข่ง

ในโลกธุรกิจ​นั้นแน่นอนว่าจะต้องมีคนอื่นๆ​ ที่ผลิตสินค้า​และบริการในรูปแบบเดียวกับเราอยู่อีกมากมายหลายเจ้า​ แต่การที่แบรนด์ของเราเป็นที่จดจำในวงกว้างนั้นถือเป็นข้อได้เปรียบกว่าคู่แข่งอย่างน้อยหนึ่งก้าว

เพราะโดยปกติแล้วคนมักจะเลือกซื้อสินค้า​และ​บริการ​จากแบรนด์​ที่คุ้นเคยมากกว่าแบรนด์​ที่ตนเองไม่รู้จัก​ เพราะรู้สึกมั่นใจในภาพลักษณ์​ที่ดีของแบรนด์​ ทำให้รู้สึกเชื่อใจในคุณภาพมากกว่านั่นเอง

3.สร้างมูลค่าเพิ่ม​ให้กับแบรนด์​

เมื่อผู้บริโภค​รู้จักแบรนด์ของเราในวงที่กว้างขึ้นแล้ว​ เราก็สามารถ​สร้างมูลค่าเพิ่ม​ให้กับ​แบรนด์​ได้ด้วยการต่อยอด​ สร้างผลิตภัณฑ์​ใหม่ภายใต้แบรนด์​เดิม​ ซึ่งจะรวมไปถึงการที่แบรนด์สามารถเพิ่มราคาสินค้า​ลูกค้าจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการจากแบรนด์ที่พวกเขารู้จักและไว้วางใจ​

หากผู้บริโภคมองธุรกิจของคุณในแง่บวก ก็สามารถทำให้ธุรกิจนั้นเป็นที่รู้จักได้ และหากคุณสร้างความประทับใจที่ดีให้กับลูกค้า​ จนมีฐาน​ลูกค้า​ที่​ภักดี​กับ​แบรนด์​มาก​ขึ้น​ ก็จะทำให้พวกเขาจะกลับมาซื้อสินค้า​และ​บริการ​อีกเรื่อยๆ จนนำไปสู่ผลกำไรระยะยาวที่สูงขึ้นและทำให้​แบรนด์ของคุณเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ

ตัวอย่าง​การสร้าง​การรับรู้​ของ​แบรนด์​ระดับโลก

​วันนี้แบมจะลองยกตัวอย่าง​ 2 แบรนด์​ระดับโลกที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก​ โดยจะแบ่งเป็นฝั่งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว​ในการสร้าง​ Brand​ Awareness​ จะมีแบรนด์​ไหนบ้างไปดูกันค่ะ

Apple​

เรามาเริ่มกันกับแบรนด์​แรกที่สามารถ​สร้าง​ Brand​ Awareness​ สำเร็จ​จนกิดการรับรู้ในวงกว้างอย่สงแบรนด์​ Apple​ ที่มีสาวกอยู่​ทั่วทุกมุมโลกกันก่อนดีกว่าค่ะ

อย่าง​ที่​เรา​รู้กัน​ดี​ว่า​ Apple​ นั้นไม่เพียงแค่ขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเท่านั้น แต่​ Apple​ ยังมุ่งเน้น​ในการ​ขายประสบการณ์เพื่อตอบ​โจทย์​ความต้องการ​ของ​ลูกค้า​ ​ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำ​ นำสมัย​ เรียกได้ว่าน่าทึ่งเสีย​จนทำให้คนหลายล้านคนต้องการเป็นเจ้าของ

ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์​นั่นส่วนหนึ่งก็มาจากชื่อเสียง​ และการสร้างภาพลักษณ์​ที่ดี​ของ​แบรนด์​ ในการเป็นผู้นำตลาดด้านสินค้าเทคโนโลยี​คุณภาพดี​  ซึ่งภาพลักษณ์​ที่ Apple สร้างนั้นถือเป็นการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

Meta

แบรนด์​ถัดมาคือ​ Meta​ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อเดิมว่า​ Facebook​ เราจะเห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา​ Meta​ ไม่สามารถแก้ไขภาพลักษณ์​ที่เสียหาย​ และเรียกความมั่นใจ​ของผู้ใช้งานกลับมาได้​ ทำได้แค่สร้างการรับรู้​ในแง่การเปลี่ยนชื่อเท่านั้น

จะเห็น​ได้​จาก​กรณีเรื่องอื้อฉาวเช่น Cambridge Analytica ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหายอย่างมาก และฐานผู้ใช้ก็ลดลงเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังจำนวนผู้ใช้ที่ลดลงของ Facebook แต่การรับรู้ถึงแบรนด์ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

เราสามารถใช้วิธี​ไหนในการวัดผลในการสร้าง​ Brand​ Awareness​ได้​บ้าง? 

ในความเป็นจริง​แล้วการวัดผลในแง่การรับรู้ของลูกค้านั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เราคิด​ โดยเราสามารถ​วัดผลได้ง่ายๆ​ ดังนี้​

-วัดผลโดยใช้แบบสำรวจ

การทำแบบสำรวจ​ แบบสอบถาม​ หรือการทำ​ Focus Group เป็นหนึ่งในวิธีที่หลายธุรกิจ​นิยมใช้กันมานานแล้ว​ ซึ่งคำถามเหล่านี้นอกจากจะช่วยวัดว่าผู้บริโภค​มีการรับรู้ถึงแบรนด์​ของคุณมากน้อยแค่ไหนแล้ว​ คำถามต่างๆ​ ยังแสดงให้เห็น​ถึงมุมมอง​ของผู้​ต่อแบรนด์​ ทำให้แบรนด์​สามารถ​นำคำตอบเหล่านี้มาใช้ในการพัฒนาสินค้า​และ​บริการ​ให้ตอบ​สนอง​ลูกค้าได้ดีขึ้นกว่าที่เคย​ด้วย

เดี๋ยว​แบมจะลองยกตัวอย่าง​คำถามเพิ่มเติมเป็นไกด์​ ไว้เผื่อจะช่วยให้แบรนด์​นำความคิดเห็นไปต่อยอดนะคะ​ ตัวอย่าง​คำถาม​ก็เช่น

  • การที่แบรนด์มีความสอดคล้องกับค่านิยมส่วนบุคคลของลูกมีความสำคัญมากแค่ไหน?
  • ชื่อเสียงของแบรนด์มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการมากน้อยเพียงใด?
  • การบริการของพนักงาน​มีอิทธิพลต่อการรับรู้ที่มีต่อแบรนด์ของมากน้อยแค่ไหน?
  • คุณเคยรู้สึกผิดหวังกับประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์หรือไม่? 
  • คุณชอบสินค้า/บริการอะไรและเพราะอะไร? 
  • อธิบายแบรนด์ด้วยคำสามคำ
  • คุณจะแนะนำแบรนด์ของเราให้กับเพื่อนหรือครอบครัวของคุณหรือไม่?

คำถามข้างบนนี้เป็นเพียงตัวอย่างกว้างๆ​ เท่านั้นเพราะสุดท้ายแล้วการเลือก​ประเภทของคำถามนั้นจะต้อง​ขึ้นอยู่กับ​วัตถุประสงค์​ที่ทางแบรนด์​ต้องการว่าเรา​ต้องการวัดอะไร ต้องการว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไรกับแบรนด์ของคุณโดยรวม หรือว่าต้องกาามองหาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสินค้า​หรือบริการเฉพาะ

เพราะฉะนั้นนักการตลาด​จึงจำเป็นต้อง​กำหนดสิ่งที่แบรนด์​ต้องการเรียนรู้จากแบบสำรวจก่อน​ เพื่อที่จะได้สร้างคำถามที่เหมาะสม​ ซึ่ง​คำถามนั้นจะต้องชัดเจน​ เข้าใจง่าย และหลีกเลี่ยง​กาาใช้ภาษาที่ซับซ้อน​ นอกจากนี้นักการตลาด​ควรจะ​​ตั้งคำถามแบบปลายเปิดเพื่อรับคำตอบโดยละเอียดมากกว่าคำตอบ ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่’​

-ใช้โซเชียล​มีเดีย​เป็นตัว​ช่วย

เราสามารถใช้​ Social​ Listening​ Tools​ มาเป็นตัวช่วยในการติดตามและวัดการรับรู้แบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ด้วยการวิเคราะห์การสนทนาออนไลน์ หรือการพูดถึงแบรนด์​ได้​ ว่ามีผู้บริโภค​พูดถึงแบรนด์​เราบ้างไหม​ แล้วพูดถึงกันในแง่ไหนบ้าง​ เพื่อธุรกิจของเราจะได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าลูกค้ามีการรับรู้แบรนด์อย่างไร มีสิ่งไหนที่ลูกค้าพูดถึง และส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง​บ้าง

สำหรับ​ Social​ Listening​ Tools​ ในปัจจุบัน​นั้น ก็มีให้เลือกหลากหลาย​ โดยแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติและประโยชน์เฉพาะตัว ซึ่ง​ Social​ Listening​ Tools​ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่​Hootsuite Insights,​Brandwatch, Talkwalker, wisesight และ​ Mandala​ เป็น​ต้น

การตรวจสอบปละวิเคราะห์​แบรนด์ในลักษณะ​นี้​มีความสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงการรับรู้แบรนด์ของตน ด้วยการทำความเข้าใจว่าลูกค้าและผู้อื่นมองบริษัทอย่างไร ธุรกิจจึงสามารถทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของตนได้​

-รีวิวจากผู้บริโภค​

รีวิวจากผู้ใช้​จริง​นั้นจะทำให้​เรา​เข้าใจว่าลูกค้าและผู้บริโภค​คนอื่นๆ​ มองแบรนด์​เราอย่างไร แล้วจึงค่อยนำความคิดเห็น​เหล่านี้​มีประมวล​เพื่อ​ทำการปรับปรุงภาพลักษณ์ของแบรนด์​ให้ดีขึ้น​

นอกจากนี้การรีวิว​จากผู้บริโภค​ยังสามารถช่วยให้เราเปรียบเทียบภาพลักษณ์ของแบรนด์กับคู่แข่ง รวมถึงประเมินได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม​จะซื้อสินค้าและบริการของเรานั้นมีมุมมองต่อแบรนด์เราอย่างไร​ เพื่อวางแผนกลยุทธ์การตลาดให้สามารถดึงดูดใจคนกลุ่มนั้นได้ในที่สุด​

อย่างที่บอกไปว่าการสร้าง​ Brand​ Awareness​ นั้นก็คือการสร้างภาพ​ลักษณ์​ของแบรนด์​ให้แข็งแกร่ง​ และดูน่าเชื่อถือ​ แต่ก่อนที่เราจะสร้างการรับรู้​และสื่อสารไปยังผู้บริโภค​ ทางแบรนด์​เองก็ต้องมั่นใจก่อนนะคะ​ว่าเราได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ​ที่ดี​ มีคุณภาพได้ตามความคาดหวังของลูกค้าด้วย​ มิเช่นนั้นการสร้างการรับรู้​ หรือสื่อสารแบรนด์​ออกไป​ อาจทำให้ได้รับการวิจารณ์​ที่ไม่ดีต่อใจกลับมาก็เป็นได้ค่ะ

ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์และความรู้การตลาดอื่นๆ แบมแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยค่ะ

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

ที่มา

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *