D2C Trends 2022 สำรวจเทรนด์การตลาด Direct to Consumer ล่าสุดจากอเมริกากัน

อุตสาหกรรมการขายสินค้าแบบปลีกผ่านช่องทาง Direct to consumer หรือ DTC ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปหลังโรคระบาดใหญ่ส่งผลกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจและพฤติกรรมลูกค้าที่ทำให้แบรนด์เล็กใหญ่ต้องรีบแอคทีฟก่อนหลุดวงโคจรค่ะ 

และอย่างที่นักการตลาดทราบกันดีว่า อุตสาหกรรม eCommerce ที่โตไวติดจรวจเพราะสถานการณ์บังคับให้ช็อปปิ้ง สั่งของมาส่งที่บ้านมากขึ้นผ่านตัวกลางอย่าง eCommerce ที่คนส่วนใหญ่ใช้เพราะสะดวก บางเจ้ามี Friendly ui/ux platform มาก ๆ

แถมยังซัพพอร์ตการซื้อขายมีให้ผ่อนเอย กลยุทธ์เอาใจลูกค้าผ่านโปรโมชั่นต่าง ๆ ฟรีค่าส่งเอย โปรวัน 8.8 9.9 ได้ดีทำให้เข้าถึงลูกค้าหลากหลายเพศและวัย 

กลับมาในมุมของ DTC มักกลายเป็นการขายที่ได้จากความ Brand Loyalty หรือลูกค้าที่ค่อนข้างมีอายุ ต้องการความอุ่นใจถ้าสั่งกับแบรนด์ตรง ๆ ไม่ต้องเสี่ยงของปลอมแม้จะไม่มีโค้ดโปรโมชั่นละลานตาแบบ eCommerce platform

แต่แน่นอนว่าแบรนด์ที่เน้น Direct to consumer (DTC) ได้ด้วยตัวเองย่อมมีระบบสต็อกสินค้า บริการจัดส่ง และชำระเงินที่สะดวกพอสมควรเพียงแต่ไม่ได้ลงสนาม e-Marketplace เท่านั้นเอง

อย่างเช่นแบรนด์ค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Nike, Pepsi หรือ Apple ก็ล้วนมี DTC ออนไลน์เป็นของตัวเองค่ะ

ต้องยอมรับว่า Digital native brands มีส่วนทำให้ ‘Direct to Consumer’ เติบโตในแง่กลยุทธ์ทางธุรกิจจริง ๆ  การใช้โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และแอพเพื่อจัดการการมีส่วนร่วมของลูกค้า 

รวมทั้งดูแล consumer experience ของลูกค้าได้ด้วยตัวเอง และแบรนด์สามารถควบคุมผลิตภัณฑ์ การตลาด และต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้าด้วยการตัดคนกลางออกค่ะ

คู่แข่งคนสำคัญของแบรนด์ที่ขายแบบ DTC 

ต้องยอมรับว่า Digitally Native Vertical Brands (DNVB) ซึ่งหมายถึงแบรนด์ที่เกิดทางออนไลน์ ดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลเต็มตัว เป็นคู่แข่งของแบรนด์ที่เน้น DTC 

เพราะ DNVB สามารถดึงดูดกำลังซื้อ ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าไปที่อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ มากกว่าแบรนด์ที่อยู่บน DTC เป็นหลักเพียงทางเดียวนั่นเองค่ะ 

เลยเป็นเหตุผลให้ตอนนี้เราจะเห็นความคึกคักของการซื้อขายมากขึ้น ของแบรนด์ทุกขนาด จะซื้อโดยตรงกับแบรนด์หรือผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลูกค้าสามารถเลือกตามความสะดวกได้ 

แต่จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง มาดูสถิติต่าง ๆ ผ่านบทความนี้เพื่อเข้าใจอุตสาหกรรม DTC ให้มากขึ้นกันนะคะ 

The State of the Direct-to-Consumer Industry (DTC) – 2022 :

จากที่เล่ามาทั้งหมด เพื่อให้เพื่อน ๆ นักการตลาดพร้อมอัปเดตข้อมูลวงการ DTC ไปพร้อมนุ่นผ่านสถิติต่อไปนี้ค่ะ 

ซึ่งรายงานนี้เป็นข้อมูล DTC brand ในสหรัฐอเมริกาค่ะ นักการตลาดไทยมามุงเพื่ออัปเดตไปด้วยกันนะคะ 

ภาพรวมของ DTC Brand วัดจาก GMV : 75% มีขนาดไม่ใหญ่มากนะคะ และถ้าเจาะ Product Categories จะเห็น Fashion & Apparel มากเกินครึ่งค่ะ

และด้วยข้อมูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของ Google Ads ต่อเดือนสำหรับ B2C จะสูงกว่า B2B แม้ประมาณ 59.3% ของธุรกิจ DTC ทั้งหมดอยู่ในหมวดแฟชั่นและเครื่องแต่งกายพี่นุ่นเล่าไปด้านบน แต่ธุรกิจนี้กลับมีสัดส่วนเพียง 37% ของงบประมาณรวมของ Google Ads หรือคิดเป็น ~5,400 เหรียญสหรัฐ (~196,084 บาท)

หมวดหมู่บ้านและสวนใช้จ่ายประมาณ 22,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่น ๆ ประมาณ 15,000 เหรียญสหรัฐ

อ้างอิงจากรายงานของ PipeCandy ที่วิเคราะห์ธุรกิจ DTC 10,797 จำนวนรายการใช้โซเชียลเหล่านี้อย่าง Facebook, Instagram, Twitter, Pinterest และ YouTube ทำธุรกิจที่มากกว่าใช้เป็นพื้นที่โฆษณา แต่สามารถทำให้แบรนด์เติบโตในหลายด้านทั้งยอดขาย การบริการลูกค้า การสร้างประสบการณ์ร่วม 

75% ของแบรนด์ในกลุ่มตัวอย่าง มีบัญชีบนแพลตฟอร์มอย่างน้อย 3 แพลตฟอร์มขึ้นไป และ 44% มี 4 สี่แพลตฟอร์มขึ้นไปค่ะ

น่าเสียดายที่ยังไม่มี TikTok แต่ก็วิเคราะห์ได้ว่า DTC Brand ส่วนใหญ่มั่นคงในรัก Meta มากค่ะ ทั้ง Facebook และ Instagram เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มากกว่า 90% และ 60% ของแบรนด์ DTC ที่มี Twitter 

*เพิ่มเติมข้อมูลจาก PipeCandy ธุรกิจที่มีบัญชีโซเชียลมีเดียเพียงบัญชีเดียว 63% อยู่ใน Instagram และแบรนด์ที่มีสองบัญชีจะอยู่ใน Facebook และ Instagram 88%

ตรงนี้ค่อนข้างน่าสนใจนะคะ แบรนด์ที่เลือกมีแอคเคาท์เดียวจะเลือกอยู่บน Instagram อาจเป็นเพราะความ Global และลักษณะคอนเทนต์ภาพ เหมาะกับธุรกิจแฟชั่นมากที่สุด้วย ก่อนจะมีฟีเจอร์มากมายในปัจจุบันเสียอีกค่ะ 

โดยสรุปแล้วนุ่นหวังว่านักการตลาดจะเข้าใจ Direct to Consumer Industry (DTC) มากขึ้นพร้อมอัปเดตข้อมูลปัจจุบัน 2022 ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ใครที่กำลังสนใจด้านการตลาด หรือกำลังทำงานอยู่ในวงการเดียวกันอย่าลืมแวะมาอัปเดตข้อมูลดี ๆ แบบนี้ได้ที่การตลาดวันละตอน ผ่านช่องทาง  Twitter Instagram  YouTube และ Blockdit นะคะ ^^ 

อ่านรีพอร์ตฉบับเต็มได้ที่นี่ค่ะ