โฆษณา Facebook 6 รูปแบบที่แบรนด์ ธุรกิจไม่ควรทำ

โฆษณา Facebook 6 รูปแบบที่แบรนด์ ธุรกิจไม่ควรทำ

แน่นอนว่า Facebook ad หรือการยิง โฆษณา Facebook เป็นอะไรที่ทุกแบรนด์และทุกๆ ธุรกิจ SMEs ต้องทำอยู่แล้วทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเพื่อสร้าง Awareness สร้าง Engagement หรือเพิ่มยอดขายก็ตาม แต่สิ่งนึงที่คนอาจจะเผลอทำพลาดไป คือการมุ่งโฟกัสไปแต่ที่ภาพ Visual ที่ใช้ หรือคำศัพท์ Copy เก๋ๆ มากไปจนลืมใส่ใจเจ้าระบบการทำงานของFacebook Ads ค่ะ

วันนี้เพลินจะมาแชร์ 6 รูปแบบวิธีการยิงโฆษณา Facebook ที่ไม่ควรทำ เพราะมันจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณการตลาด มากกว่าการเพิ่มยอดขายเสียอีก

1. ปล่อยโฆษณา Run ไว้ตลอดเวลา

ลองคิดถึงเวลาเราทำหนัง TVC สักเรื่องดูนะคะ ตอนเราเลือกเวลา On Air เรายังเลือกช่วงเวลาให้มันเลยใช่ไหม ว่าจะปล่อยหนัง Run ช่วงไหนบ้าง ช่วงละครกลางคืน ช่วงข่าวตอนเช้า หรือจะช่วงรายการเกมโชว์ต่างๆ เพราะฉะนั้นการเลือกโฆษณา Facebook Ads ก็เช่นเดียวกันค่ะ เราไม่ควรปล่อยมันไหลแบบตลอดเวลา โดย Research นึงได้พบว่า Users บน Facebook เริ่มจะรู้สึกเอียนกับโฆษณาเดิมๆ ที่ถูกยิงหาซ้ำๆ หลังปล่อยมาแล้ว 3 วัน ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้คนที่เป็น Prospect Target ของคุณเอียนแบรนด์ของคุณตั้งแต่ยังไม่ได้ลองใช้บริการหรือซื้อสินค้าเลย อย่ายิงโฆษณาแบบไหลไปตลอดเวลาเลยนะคะ

สิ่งที่ควรทำก็คือ การตั้งค่าเวลา Custom Schedule ให้กับแคมเปญ Facebook Ad โดยเจ้าฟีเจอร์นี้จะสามารถช่วยจัดเวลาให้คุณว่า Ads ของคุณจะโผล่ขึ้นมาในช่วงเวลาไหนบ้าง กลางวันหรือกลางคืน หรือว่าเป็นช่วงที่คุณกำลังมีงาน Event ในอาทิตย์นี้ก็ได้ค่ะ ดังนั้นถ้าคุณตั้ง Custom เวลาเอาไว้แบบนี้ นอกจากจะได้เข้าถึงลูกค้าในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการซื้อ และลดความเสี่ยงที่โฆษณาของคุณจะโผล่ขึ้นมาเยอะเกินไปจนลูกค้าเอียนหรือเพลียใจด้วยค่ะ

2. ตั้งปุ่ม Call-to-action ไปลงหน้า Landing page ที่ไม่เข้ากัน

โฆษณา Facebook

สิ่งนึงที่เราต้องคำนึงเลยคือ Journey ของลูกค้า ว่าหากลูกค้าคลิกโฆษณาเข้ามาแล้ว เค้าจะไปเจอกับอะไรบ้าง ตรงกับภาพ Visual ที่เราได้ทำการโฆษณาเอาไว้หรือไม่?

เนื่องจากเพลินทำเพจของตัวเองด้วย หลายครั้งเพลินเคยเจอแบรนด์ที่เข้ามานอกจากจะให้รีวิวสินค้าแล้ว ยังฝากลิ้งค์มาแปะในแคปชั่นตามสูตรทั่วไป แต่พอเพลินกดไปที่ลิ้งค์กลับพบว่า มันเข้าไปยังหน้ารวมสินค้าทั้งหมดที่มีของแบรนด์ แทนที่จะเป็นหน้า Landing page ของสินค้าที่ให้เพลินรีวิว

การทำแบบนี้ นอกจากจะไม่ทำให้ลูกค้าซื้อแล้ว ยังเพิ่ม Bounce Rate บนเว็บไซต์ให้สูงขึ้นด้วยอีกตั้งหาก เพราะเราต้องเข้าใจว่า ลูกค้าคลิปเข้ามาจากสิ่งที่เราโปรยเอาไว้ในภาพหรือแคปชั่น ไม่ใช่อยากเข้ามาหาสินค้าใน List ทั้งหมดอีกทีค่ะ

3. ปรับเปลี่ยนแคมเปญ Facebook Ad บ่อยๆ

ทุกคนรู้ว่า Facebook มีระบบการ run โฆษณาแบบ Automated แต่อาจลืมไปว่าระบบ Machine Learning ของเค้าเนี่ยต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อ optimize ads results ให้แม่นยำที่สุด เพราะฉะนั้นหากคุณปรับเปลี่ยนแคมเปญ Facebook Ad บ่อยๆ ก็จะเป็นปิดกั้นไม่ให้ Facebook เรียนรู้ลูกค้า Target ของคุณเลย ดังนั้นอย่าลืม Learning Phase ของระบบโฆษณาเฟสบุ๊คนะคะ เพื่อที่จะได้รับผลตอบรับที่ดีขึ้นจากเฟสบุ๊คค่ะ

4. ไม่เปิด Facebook Automated Rules

โฆษณา Facebook

อย่างที่บอกให้ข้อที่แล้ว ว่า Facebook มีระบบ Automated ที่จะช่วย Optimize โฆษณาของคุณให้ส่งผลดีขึ้น และเมื่อมีอะไรอัพเดทก็จะสามารถส่ง Notification แล้วปรับ actions ให้ตรงกับโฆษณาและคนที่สนใจโฆษณาของคุณจริงๆ ทันที

5. ส่งโฆษณาซ้ำๆ ให้กับคนที่ซื้อของของเราแล้ว

แน่นอนว่าอันนี้ เจอกับตัวถือว่าน่าเบื่อมากๆ เลยใช่ไหมคะ ทั้งๆ ที่เราซื้อของไปแล้ว เราก็ยังเห็นโฆษณานั้นซ้ำๆ อีก หรืออย่างโฆษณาเกมออนไลน์ก็เช่นกัน โหลดไปแล้วก็ยังโผล่ขึ้นมาซ้ำๆ ด้วย และเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เป็นลูกค้าของเราเบื่อละก็ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ตั้งค่า Custom Audience Setting ให้ Exclude คนที่ได้ทำการซื้อสินค้าในช่วงเดือนที่ผ่านมานั่นเองค่ะ

6. ไม่ทำการทดลองโฆษณาหลากหลายรูปแบบ

หลายๆ แบรนด์พอจะยิง โฆษณา Facebook ก็เอาเลยค่ะ ทำรูป เขียน Copy แล้วก็ตั้งค่าเลย ยิง Ads ออกไป แต่สิ่งนึงที่เผลอลืมอีกเช่นเคยก็คือ ลูกค้าแต่ละกลุ่มนั้นไม่เหมือนกันค่ะ ภาพ Visual เดียว ไม่สามารถลากลูกค้าทุกคนเข้ามาได้หมด เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญเลยคือ การทำ Ad หลายๆ แบบเพื่อทดลองดูว่า Ad แบบไหนที่ได้รับผลตอบรับดีที่สุด คนคลิกมากสุด แล้วควรทำต่อไปนั่นเองค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือการยิงโฆษณา 6 รูปแบบบน Facebook ที่หลายคนมักทำผิดพลาดไป ทำให้เสียเงินค่าการตลาดโฆษณามากเกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นคราหน้า อย่าลืมตั้งค่า Ad Settings ดีๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา การ Optimize ไม่ยิงหาคนเดิมๆ ที่เคยซื้อของเราแล้วซ้ำๆ พอเค้าคลิกเข้ามา ก็พาเค้าไปหน้า Landing Page ที่ได้เกริ่นเอาไว้ด้วย สุดท้ายถ้าไม่มั่นใจว่า Ad ไหนดีกว่ากัน ก็จัดไปเลยค่ะ A/B Testing ทดลอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของโฆษณาบน Facebook ของคุณ

อ่านเกี่ยวกับ Facebook Ads เพิ่มเติม >> https://www.everydaymarketing.co/?s=facebook

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *