สัมมากร ไม่ใช่สรรพากร Buzzword แคมเปญ จี้ใจคนชอบเรียกผิด งั้นบูลลี่แบรนด์ตัวเองซะเลย

ถ้านึกถึง สัมมากร คุณจะนึกถึงอะไรกันคะ? 

หน่วยงานราชการ? สรรพากร…ยื่นภาษี? สัมมาสัมพุธโธ หรือมิจฉาชีพโทรเรียกเก็บภาษี? แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะมีคำตอบว่าเป็น แบรนด์อสังหาขายบ้าน…? เริ่มเอ๊ะใจแล้วนิด ๆ ใช่ไหมคะว่าปัญหาที่สัมมากรต้องเจอมาตลอดมันคืออะไรกัน 

เรื่องของความเข้าใจผิด จำชื่อผิด สับสนว่าเป็นอย่างอื่นอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ แบรนด์อาจต้องเผชิญค่ะ แต่กับ สัมมากร นี่คือปัญหาที่ต้องผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ เพราะช่วงที่ผ่านมา สัมมากร ได้ปล่อยแคมเปญ สัมมากรขายบ้าน ให้สะเทือนไทม์ไลน์ผ่านหนังโฆษณาระบายความในใจ ว่าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสรรพากร ที่ยื่นภาษี รวมถึงความเข้าใจผิดต่าง ๆ นานา

โดยในบทความนี้เราจะพามารู้จักกับการแก้ Perception แบบใหม่ แบบสับ ในฉบับของสัมมากรผ่านแคมเปญที่ Based on true story ที่สร้างจากเรื่องจริง อิงชีวิตจริงของพนักงานโดยตรง พาไปวิเคราะห์ที่มาที่ไปของแคมเปญ รวมถึงแนวคิดของแคมเปญนี้ จะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามอ่านกันได้ในบทความนี้ค่ะ 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก สัมมากร กันจริงๆ ว่าคือใคร?

สัมมากรดําเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรร เพื่อการอยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2517 (ยาวนานกว่า 50 ปี) และวางคอนเซ็ปไว้ว่า “บ้านสัมมากร” เป็นบ้านที่หลับสบายไร้กังวล โดยดำเนินธุรกิจส่งมอบความสบายสไตล์สัมมากร ด้วยแนวคิด 5 ข้อ คือ

1. บ้านคุณภาพที่ไว้วางใจได้
2. บ้านเป็นพื้นที่ของทุกคนในครอบครัว
3. บ้านที่ดีมาพร้อมกับสังคมที่ดี
4. เติมเต็มบ้านให้มีชีวิตด้วยพื้นที่สีเขียว
5. ทําเลทองด้วยไลฟ์สไตล์อันลงตัว

จำได้ง่ายๆ ว่าเป็นแบรนด์อสังหาฯ ขายบ้านที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปีนั่นเองค่ะ ซึ่งฟังดูแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่นา แต่ใครจะรู้ล่ะคะ? ว่ามีปัญหาซ่อนอยู่ ปัญหาที่หยั่งรากลึกจนทำให้สัมมากรต้องออกมาทำแคมเปญนี้ 

สัมมากร แบรนด์ที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ยกเว้นอสังหาฯ ขายบ้าน จาก Insight ของพนักงาน สู่แคมเปญ Buzzword สุดจี้ใจคนรุ่นใหม่ 

โดยปัญหาที่ว่ามานี้ ก็มาจากการรับรู้ Perception ผิด ๆ ของผู้คนที่มีต่อแบรนด์นี่แหละค่ะ คนที่ไม่รู้จัก หรือคนนอกมองเข้ามา ก็ไม่คิดว่าเป็นแบรนด์อสังหาฯ ขายบ้าน บางคนก็คิดว่าเป็นหน่วยงานราชการบ้าง สรรพากรก็ดี งานสัมมานาก็คล้ายน่าจะใช่ หรือจะเป็นฟีลธัมมะธัมโม สัมมา สัมพุธโธรึเปล่าก็เป็นไปได้นะคะ

ส่วนคนที่รู้ก็มี Perception ที่ไม่ตรงไปอีก ส่วนใหญ่จะไปนึกถึงโครงการสมัยก่อน ซึ่งจริงๆ ตอนนี้สัมมากรได้พัฒนาไปไกลแล้ว มีอีกหลาย Sub-Brand เช่น Mitti, อนาพานา, อเวนิว, โพรวิเดนซ์ เลนฯลฯ และที่สําคัญคือ คนมักนึกถึงแค่ชื่อหมู่บ้าน ไม่มีใครนึกถึงชื่อ Developer เลยนี่สิ

จนเกิดเป็นโมเมนท์ ‘อิหยังวะ’ ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคลากรภายในของสัมมากรเอง กระทบไปทุกฝ่าย ทุกแผนก ทั้งแต่เซลล์จนถึงแอดมิน ดูจากการโพสต์ระบายความในใจจากสัมมากรชุดนี้ก็ทำให้เราเห็นกันแล้วว่า 

แบรนด์ต้องเผชิญหน้ากับสภาวะ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ยกเว้นเป็นแบรนด์อสังหาฯ ขายบ้าน และนี่ก็คือ Pain Point สำคัญที่ทำให้ สัมมากร ต้องทำแคมเปญ “สัมมากรขายบ้าน” ออกมาเพื่อแก้ Perception ต่างๆ เหล่านี้ เพราะสัมมากรจะไม่ขอทนอีกต่อไป! โลกต้องรู้ว่าสัมมากรขายบ้านนนนนนนน

มาทำความรู้จักกับกลยุทธ์ Buzzword ที่สัมมากรใช้กันค่ะ

Buzzword คือ คำหรือ วลี ที่เป็นที่นิยมขึ้นมา เกิดจากการถูกพูดถึงบ่อยๆ ซ้ำๆ คิดฮิตติดปาก ในวงการโฆษณามักนำกลยุทธ์นี้มาใช้เป็น Gimmick เพื่อให้ลูกค้าจำชื่อ หรือสโลแกนของแบรนด์ได้ค่ะ เหมือนที่ครั้งนี้ บ้านสัมมากรนำมาเล่น สัมมากร ไม่ใช่ สรรพากร ค่ะ

Series Content Buzzword ที่สร้าง ไวรัลบนโซเชียล

• Content สัมมากรขอระบาย: โพสต์สุดจี้ ที่สัมมากรประกาศว่าสัมมากร ไม่ใช่สรรพากร Content สุดครีเอท ที่เพจดัง ๆ นำไปเล่นจนเป็น Word on social
• Content สัมมากร ไม่ใช่สรรพากร: แชร์ความในใจจากพนักงานที่ต้องเจอในแต่ละวัน
• Content จากความอัดอั้นตันใจของพนักงานที่โดนเข้าใจผิดว่าสัมมากร คือสรรพากร
• Content เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ยกเว้นบริษัทขายบ้าน: โพสต์สำหรับมุมมองจากคนภายนอกที่มีต่อสัมมาการ เพราะไม่รู้จักว่าสัมมากรคืออะไร จนเข้าใจผิด ๆ สรรพากร สัมมา สัมพุธโธ สัมมนา สัมมะโนประชากร
• Content รวมมิตรเพจดังขอระบาย: ไวรัลภาคต่อของ สัมมากรขอระบาย ที่เพจดัง ๆ อย่างเพจชูใจนำไปเล่นกับความจี้ที่แบรนด์อื่น ๆ ก็อยากขอระบายเหมือนกัน ยิ่งเป็นการตอกย้ำความปังของแคมเปญสัมมากรขอระบาย และถือเป็นการช่วยแชร์โฆษณาของสัมมากร อีกด้วย

3 Insight ภาพยนตร์โฆษณา Communication ที่สัมมากรอยากบอกกับคนรุ่นใหม่

จากการสื่อสารโฆษณาของ สัมมากร ไม่ใช่สรรพากร นอกจากการใช้กลยุทธ์ Buzzword มาเป็น Gimmick ให้สนุกสนานแล้ว ผู้เขียนเห็นถึง Insight ที่น่าสนใจอยู่ 3 Insight ด้วยกันค่ะ

1. สร้าง Awareness ถึงคนรุ่นใหม่ แต่ยังชูจุดขายคุณภาพ แบบบ้านสัมมากร

เนื่องจากฐานลูกค้าเก่าของสัมมากรมีเฉพาะกลุ่ม Baby boomer และ GenX สัมมากรจึงสร้าง Awereness ให้กลุ่มลูกค้า Gen Y และ Gen Z รู้จักโดยนำ เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น จากคำว่าสัมมากร และสรรพากร ที่ออกเสียงใกล้เคียงกัน และมักทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดว่าเป็นสถานที่เดียวกันจนเอามาเป็น Gimmick ในการทำโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ค่ะ

2. สัมมากรโชว์บ้านคุณภาพ หรู อลังการ มีทุกอย่างให้เลือกสรร จับกลุ่ม Junior New Wealth

เนื่องจากที่ผ่านมาบ้านสัมมากร เน้นการขายคุณภาพของบ้าน และมีฐานแฟนคลับคือกลุ่มคน Gen x และ Baby boomer โดยเฉพาะ ไม่เน้นการทำการตลาด สร้าง Awereness มากนักจึงมักมีคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้นที่จะได้ชมบ้านตัวอย่างของสัมมากร อย่างจริงจัง 

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปแบรนด์ก็ย่อมต้องปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้นค่ะ และด้วยในยุคนี้กลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย กลุ่มคนวัยทำงานคือกลุ่ม Gen Y ,Gen Z และยังมีกลุ่ม Junior New Wealth หรือ กลุ่มคนรวยรุ่นใหม่ ที่ถือเป็น Potential Customers การกระจายสื่อให้คนกลุ่มนี้รับรู้ ย่อมสร้างผลดีให้กับบ้านสัมมากรมากขึ้น ในโฆษณาจึงลงช่องทาง Social Media และแทรกภาพบ้านตัวอย่างสุดหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนได้เข้าไปดูบ้านตัวอย่างด้วยตัวเอง ไปพร้อมกับการย้ำว่าบ้านหรูหลังนี้คือบ้านสัมมากรค่ะ

3. การตลาด “ สัมมากร ” ตอกย้ำ Brand Segmentation สร้างความมั่นใจ ที่หลายคนอาจไม่รู้  

บ้านสัมมากร มีการแตกแบรนด์ออกมาหลากหลายหมู่บ้าน เพื่อสะท้อนความเป็นจุดขายของแต่ละหมู่บ้านซึ่งอยู่ภายใต้ Umbralla ใหญ่นั่นก็คือบ้านสัมมากร เช่น

• Providence Lane โซนเอกมัย-รามอินทรา ราคาเริ่มต้น 43 ลบ.*
• Park Heritage บ้านหรูใจกลางเมือง ราคาเริ่มต้น 57 ลบ.*
• Barn Yard เจาะทำเลบ้านพักตากอากาศเขาใหญ่ ราคาเริ่มต้น 15.9 ลบ.*
• Anapana และ Mitti บ้านสไตล์โมเดิร์น เอาใจคนรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้น 4.79 ลบ.*

การทำโฆษณาชุดนี้เพื่อสื่อสารให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจว่า โครงการทั้งหมดนี้ไม่ว่าคุณจะซื้อบ้านแล้วซึ่งอาจจะเป็นบ้านที่อยู่ภายใต้แบรนด์สัมมากรก็ได้ แต่คุณไม่รู้ หรือกำลังดูบ้านอยู่ ให้ได้ทราบ และมั่นใจว่านี่คือแบรนด์ลูกของสัมมากรทั้งสิ้นค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ชื่อว่าหมู่บ้านสัมมากรเลยตรง ๆ แต่ก็เป็นเเบรนด์ลูกของสัมมากร

โฆษณา Bully Brand สัมมากรขายบ้าน สัมมากร ไม่ใช่ สรรพากร

ที่มา : Sammakorn Official

คำเปิดโฆษณาขึ้นมาว่า “สร้างจากเรื่องจริง” Hook ให้คนดูรู้สึกร่วมว่าเหตุการณ์ที่คุณกำลังจะได้ชมต่อไปนี้ มันคือเรื่องจริงทั้งหมดค่ะ

นก พนักงานปรับทุกกับผู้จัดการว่า เปลี่ยนชื่อบริษัท ได้ไหม หากไม่ได้จะขอลาออก ผู้จัดการก็ยังไม่เข้าใจ จนพนักงานเล่าให้ฟังว่า มีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาที่สำนักงานแล้วถามว่า “ ที่นี่สรรพากร ใช่ไหมครับ” พนักงานตอบว่าที่นี่บ้านสัมมากรค่ะ เพราะ สัมมาการ และสรรพากรมันใกล้เคียงกันมาก ลูกค้าปลายสายก็ได้ยินว่า สรรพากร ถึงแม้พนักงานจะพยายามพูดว่า สัมมากร ลูกค้าก็ได้ยินว่า สรรพากร จนลูกค้าด่า แต่ผู้จัดการก็ยังมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอยู่ 

จากพาร์ทนี้ ที่ผู้เขียนดูแล้วก็รู้สึกอึดอัดแทนพนักงานนะคะ พูดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังจะบอก แต่พอลองพูดเอง สัมมากร กับสรรพากร มันฟังคลายกันจริง ๆ ค่ะ

พาลูกค้าชมบ้านตัวอย่างสุดหรู จนจบ ถามกลับนี่ไม่ใช่สรรพากรหรอ?

คุณนกพนักงานเล่าให้ผู้จัดการฟังต่อว่าพาลูกค้าชมโครงการตั้งแต่ป้อมยาม โชว์ความร่มรื่น เย็นสบายของบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายนำ้ ฟิตเนส  กดลิฟต์ จากชั้น 3 ลงชั้น 2  อันนี้ว้าวจริงค่ะ บ้านเดี่ยวมีลิฟต์ด้วย ไฮโซสุด ๆ  จบการพรีเซนต์บ้าน สุดท้ายลูกค้าถามว่ายื่นภาษีไปทางไหน ซะงั้น อีกแล้ว ลูกค้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสรรพากรอีกแล้วค่ะ

หลังจากนั้นพนักงานคิดหาทางออกเองด้วยการ ปรับขนาดโบร์ชัวร์บ้านค่ะ ใช้คำว่าบ้านสัมมากร ตัวโต ๆ เพื่อให้ลูกค้าเห็น และไม่เข้าใจผิดอีก และปรับคำพูดของตัวเองให้ชัดขึ้นเพื่อป้องกันคนเข้าใจผิดอีก แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม 

นั่งดูโฆษณาจนถึงคู่สุดท้ายสามีภรรยาที่เข้ามาที่หมู่บ้าน คุณนกก็พยายามพาชมบ้านตัวอย่าง แต่สุดท้ายลูกค้าก็ถามกลับมาอีกว่า ที่นี่ไม่ใช่ สรรพากรหรอ?

สุดท้ายพนักงานได้แต่เก็บความอึดอัดนี้เล่าให้ผู้จัดการฟังจนผู้จัดการเข้าใจ แต่คุณนกก็ขอระบายต่อด้วยการร้องเป็นเพลง เมทัลเลยค่ะ ว่า สัมมากรขายบ้าน สัมมาการขายบ้านโว้ย ไม่ได้รับยื่นภาษีโว้ย และจบด้วยการตอกย้ำ บ้านแบรนด์ลูกของสัมมากรก่อนจบเพื่อย้ำแบรนด์อีกครั้งค่ะ

สัมมากร กับกลยุทธ์ Buzzword สร้าง Impact กลุ่มคนรุ่นใหม่

จากการทำการตลาดของสัมมากรในครั้งนี้เป็น ถือเป็นการกลับมาทวง บัลลังก์การเป็นแบรนด์บ้านที่อยู่กับคนไทยมานาน 50 ปี ที่ปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น เหมือนเป็นการบอกกับกลุ่มลูกค้าว่า สัมมากรเป็นแบรนด์ที่เก๋า เข้าใจยุคสมัยใหม่ และไม่ใช่คนยุคเก่านะ แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปความแข็งแรงมั่นคง และสไตล์ Timeless ของสัมมากร และยังสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากคำเรียกผิด ๆ ที่เป็น Pain Point มานาน สร้างการจดจำใหม่ให้ลูกค้ารู้จักสัมมากร ได้ไม่ลืมเลยล่ะค่ะ

สำหรับชาว Marketer ที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าจะได้มุมมองการใช้กลยุทธ์ Buzzword เพื่อจี้ใจคนยุคใหม่กันนะคะ เพราะในยุคโซเชียลมีเดียเเบบนี้ ถ้าใช้ความครีเอทมาแชร์ไอเดียในโลกโซเชียล หากสิ่งนั้น Touch ใจคนดูก็จะทำให้ ผู้ที่พบเห็นกลายเป็นสื่อให้แบรนด์เราได้ง่าย ๆ เลย เหมือนกับที่คนบนโลกโซเชียล แห่กันแชร์ Content ของสัมมากรนั่นเองค่ะ

สนใจอยากดูโฆษณาของ สัมมากร คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ

อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอนเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่ะ