เรียนรู้การทำ Brand Awareness ที่ดีกับ แบรนด์อาหารสุนัข ที่สร้าง Positive Awareness ระยะยาว

เรียนรู้การทำ Brand Awareness ที่ดีกับ แบรนด์อาหารสุนัข ที่สร้าง Positive Awareness ระยะยาว

เรียนรู้การทำ Brand Awareness ที่ดีกับ แบรนด์อาหารสุนัข ที่สร้าง Positive Awareness ระยะยาว

เคยสังสัยกันไหมคะว่าทำไมผู้คนถึงมีความรู้สึกเชิงบวก หรือมีการรับรู้ (Brand Awareness) ที่ดีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมากขนาดนั้น บางทีอาจขยับไปถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นสาวกได้เลย? เต็มใจที่จะบอกต่อ ปกป้อง และเลือกซื้อแบรนด์ของเรา ไม่นอกใจไปแบรนด์อื่น

ในบทความนี้เราจะพามาเจาะแนวคิดกับ แคมเปญการตลาด Wilder Harrier แบรนด์อาหารสุนัขจากแคนนาดา ที่สามารถสร้างภาพ ส่งต่อการรับรู้ที่ดีต่อแบรนด์ทั้งในระยะสั้นและส่งต่อไปได้ในระยะยาว แถมยังแก้ปัญหา Perception ของคนที่มีต่ออาหารสุนัขที่แปลก แตกต่างไปจากท้องตลาดได้อีกด้วย!

ตู้อาหารช่วยเหลือน้องหมา เนื่องจากค่าครองชีพสูง

เรียนรู้การทำ Brand Awareness ที่ดีกับ แบรนด์อาหารสุนัข ที่สร้าง Positive Awareness ระยะยาว

เหล่าคนเลี้ยงน้องหมาน่าจะเข้าใจหัวอกกันดีว่า ต่อให้เราจะหิวแค่ไหนก็อดได้ เพราะหมาเราต้องอิ่ม ซึ่งในช่วงนั้น แคนนาดาประสบปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าทั้งของคนและของสัตว์เลี้ยงสูงขึ้นตามไปด้วยโดยปริยาย

และ Wilder Harrier ที่เป็นแบรนด์อาหารสุนัขก็เล็งเห็นแล้วว่าตอนนี้เหล่าคนเลี้ยงสัตว์กำลังเผชิญปัญหาด้านค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนี่แหละค่ะ คือโอกาสที่ทางแบรนด์มองเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายของเรากำลังเดือดร้อน งั้นเราก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือซะ! Hero’s moment ต้องงัดออกมาใช้

ทางแบรนด์จึงทำเป็น แคมเปญการตลาด ตู้อาหารช่วยเหลือน้องหมาออกมา อารมณ์เหมือนตู้ปันสุขบ้านเราตอนวิกฤตโควิดนั่นแหละค่ะ

โดยตู้อาหารนี้จะเต็มไปด้วยอาหารสุนัขของแบรนด์ ใครที่ผ่านไปผ่านมาสามารถเดินเข้ามาเลือกหยิบออกไปให้น้องหมาที่บ้านของตนได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น ซึ่งตู้นี้จะถูกเติมอาหารเข้าไปทุก ๆ สองอาทิตย์ และยังเปิดรับบริจาคอาหารหรือขนมที่ยังไม่หมดอายุสำหรับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด โดยต้องบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิทและติดฉลาก รวมถึง ของเล่น สายจูง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีกด้วย

จะมองว่าโมเดลของ แคมเปญการตลาด นี้ดูแล้วก็เหมือนตู้ปันสุขไม่มีผิดจริง ๆ ค่ะ😂

เสนอส่วนลดสำหรับน้องหมาที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร

เรียนรู้การทำ Brand Awareness ที่ดีกับ แบรนด์อาหารสุนัข ที่สร้าง Positive Awareness ระยะยาว

นอกจากจะเป็นการแสดงตัวเป็น Hero แล้ว ทางแบรนด์ก็ยังสอดแทรกแอบขายไปเนียน ๆ อีกด้วย โดยการเสนอเป็นส่วนลดอาหารสุนัขสำหรับน้องหมาที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแพ้อาหารบ้างชนิด เพราะหมาบางตัวก็แพ้ไก่ จึงทำให้มีอาหารที่รองรับสุนัขประเภทนี้โดยเฉพาะอยู่ค่ะ

น้องหมาของใครที่ทานอาหารในตู้อาหารไม่ได้ ก็สามารถเอาส่วนลดไปแลกซื้อสินค้าอื่น ๆ ของแบรนด์ได้เลยในราคาที่ถูกลง ซึ่งตรงกับวิกฤตค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก ๆ อีกด้วย ผู้เขียนเองมองว่าการกระทำนี้ เป็นการทำการตลาดที่ฉลาดมาก นอกจากจะซื้อใจผู้ซื้อได้แล้ว ยังสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ได้ดีมาก ๆ อีกด้วย

ก็แหม ของมันแพงในช่วงนั้น มีส่วนลดเหมือนฟ้ามาโปรดอยู่ตรงหน้า คว้าได้ก็ต้องคว้าก่อน เสนอมาให้ขนาดนี้แล้ว จะไม่ใจอ่อนมาลองซื้ออาหารของแบรนด์ก็ยังไงอยู่ ไม่ได้บังคับแต่เสนอทางให้นะจ๊ะ!

ทำไมถึงต้องออกมาทำ แคมเปญการตลาด นี้?

อ่านมาก็คงตะหงิด ๆ ใจกันบ้างว่าเอ….แล้วทำไมแบรนด์ถึงต้องออกมาทำ แคมเปญการตลาด นี้ด้วยล่ะ? นอกจากการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแล้ว ยังมีเบื้องหลังอะไรอีกหรือเปล่า?

แน่นอนว่ามีค่ะ เพราะลึก ๆ แล้ว Wilder Harrier แบรนด์อาหารสุนัขจากแคนนาดา แบรนด์นี้เป็นแบรนด์อาหารสุนัขที่สร้างมาจากนวัตกรรมทางอาหารที่คนทั่วไปยังมองว่า ‘มันพิลึก’ เพราะมันทำมาจาก ‘แมลง‘ แทนที่จะเป็นเนื้อสัตว์ปกติเหมือนแบรนด์ในท้องตลาด

และจากการสำรวจ Global Pets ในปี 2023 พบว่า 43% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่น่าจะซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนผสมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น แมลง ในฐานะที่เป็นแบรนด์อาหารสุนัขที่แหวกแนวและค่อนข้างใหม่ในตลาด Wilder Harrier จึงต้องหาวิธีที่จะทำให้แบรนด์โดดเด่นและกระตุ้นให้เจ้าของสุนัขมีความอยากอาหารมากพอที่จะซื้อ แบรนด์จึงถือโอกาสนี้เป็นการ

แก้ Perception ลดความกังวลต่อสินค้าของแบรนด์ไปในตัวซะเลย

หากได้แล้วแล้วก็คงจะได้รู้เองว่าอาหารของแบรนด์ดีแค่ไหน น้องหมาชอบไม่ชอบ หากได้ลองแล้วชอบก็มีโอกาสที่เจ้าของจะหันมาซื้อสินค้าของแบรนด์ได้ในอนาคตนั่นเองค่ะ

แคมเปญ Community Pet Pantries ได้รับการโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย และการโฆษณาแบบกองโจร โดยจัดวางตำแหน่งของตู้อาหารอย่างมีกลยุทธ์ โดยจะเน้นในสถานที่ที่สุนัขมักจะหยุดและสำรวจ เช่น ท่อดับเพลิง เสาไฟ เป็นต้น ถ้าคนเดินผ่านคนเดียวอาจไม่สนใจ แต่ถ้าเอาน้องหมามาเดินด้วย แล้วน้องเดินมาหยุดที่ตู้หรือป้ายโฆษณา ยังไงคนอย่างเรา ๆ ก็ต้องมาหยุดมองแน่นอน ฉลาดครบวงจรจริง ๆ ค่ะ

ซึ่งผลตอบลัพธ์ของ แคมเปญการตลาด นี้ถือว่าทีดีเดียวค่ะ เพราะในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ แคมเปญมีจำนวนการดูและมีส่วนร่วมบนโซเชียล 1.76 ล้านครั้งกันเลยทีเดียว และในสัปดาห์แรก Community Pet Pantries จัดหาอาหารได้ถึง 1,872 มื้อ ซึ่งถือเป็นตัวเลขการขายที่เยอะและสามารถสร้างโอกาสการขายในอนาคตได้ดี

สรุป เรียนรู้การทำ Brand Awareness ที่ดีกับ แบรนด์อาหารสุนัข ที่สร้าง Positive Awareness ระยะยาว

เราจะเห็นได้ว่าท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพที่สูงขึ้น แบรนด์ใหญ่ต่าง ๆ ขึ้นราคาอาหารสุนัขอย่างต่อเนื่อง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 New York Times รายงานว่าในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว PepsiCo ขึ้นราคา 16% และ Unilever ขึ้นราคามากกว่า 13%

การสวนกระแสปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตของผู้บริโภคย่อมสามารถซื้อใจ สร้าง Brand Awareness เชิงบวกที่ดีให้กับแบรนด์ได้เช่นกัน เพราะเราแสดงให้พวกเขาเห็นว่า ‘เราคือคนที่อยู่ข้างคุณในช่วงเวลาที่ยากลำบาก’ แน่นอนว่าคนย่อมต้องรู้สึกดีต่อแบรนด์อย่างแน่นอน และตราตรึงอยู่ในใจในระยะยาวอีกด้วย

เหมือนคนมาช่วยเหลือเราในยามที่เครียด ตกทุกข์ได้ยาก เราย่อมจดจำเขาได้ดีกว่าแน่นอน ความรู้สึกเชิงบวกย่อมมากกว่า ส่งผลให้ระยะยาวเขาจะนึกถึงเราเสมอ แม้ว่าสถานการณ์ค่าครองชีพอาจจะดีขึ้นในภายหลังแต่ความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อแบรนด์จะไม่ลดลงอย่างแน่นอน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

source

Toey Waritsa

ใบเตย หรือเรียกว่าเตยก็ได้ค่ะ ทำ Data Research Insight เป็นอาชีพเสริม อาชีพหลักเลี้ยงแมว ทุกบทความเขียนออกมาด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อหาเงินเลี้ยงแมวค่ะ😺🫶🏻

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *