ถอดบทเรียนการใช้ Business​ Plan จาก Pepsi, Where’s my jet?

ถอดบทเรียนการใช้ Business​ Plan จาก Pepsi, Where’s my jet?

เมื่อไม่นานมานี้แบมได้เข้าไปดูซีรีส์สารคดีทาง Netflix ที่ชื่อว่า Pepsi, Where’s my jet? ด้วยหัวข้อที่น่าสนใจ และวิธีการดำเนินเรื่องผ่านการสัมภาษณ์​ที่สนุกและน่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง วันนี้แบมเลยถือโอกาสหยิบเอาเรื่องราวบางส่วนมาเล่าให้ฟัง พร้อมทำการถอดบทเรียนการใช้ Business​ Plan ด้วยการตีความแบบการตลาดวันละตอน รับรองว่าทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงอย่างแน่นอน

เรื่องเกิดเพราะโฆษณา

นี่เป็นเรื่องจริงที่พูดถึง​ศึกการฟ้องร้องระหว่างคนธรรมดา กับ​ Pepsi​ ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่จนถึงขั้นที่กลายเป็นคดีตัวอย่างในห้องเรียนกฎหมายของสหรัฐอเมริกามาจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว

เรื่องราวเริ่มต้นจาก​ ‘จอห์น ลีโอนาร์ด’​ เห็นโฆษณาแคมเปญ Drink Pepsi Get Stuff ในปี 1996 ที่ Pepsi จัดขึ้นเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภค​เก็บสะสมคะแนนจากการซื้อเครื่องดื่ม มาแลกของรางวัลเป็นสินค้าเท่ๆ​ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด​ 80 คะแนน​ แว่นกันแดด 125 คะแนน​ และแจ็คเก็ตหนัง 1,200 คะแนน​ และในตอนท้ายของโฆษณา​ที่ปรากฏของรางวัลใหญ่อย่างเครื่องบินเจ็ทแฮร์เรียร์ ที่ระบุว่าต้องใช้เจ็ดล้านคะแนนในการแลก

เริ่มแผนการ​ล่ารางวัล​ใหญ่​จาก​ Pepsi​

เมื่อดํโฆษณา​ดังกล่าวซ้ำไปซ้ำมา​ แต่ก็ไม่มีแม้แต่หมายเหตุที่บอกว่ารางวัลใหญ่อย่างเครื่องบินเจ็ทแฮร์เรียร์นั้นเป็นเพียงสื่อสำหรับโฆษณาเท่านั้น​ เป้าหมายของจอห์น ลีโอนาร์ด​ จึงใหญ่ขึ้นตาม​ เขาไม่ได้ต้องการสะสมคะแนนเพื่อแลกเสื้อ​ หรือแว่นตา​ แต่สิ่งที่เขาต้องการคือเครื่องบินเจ็ทแฮร์เรียร์!! 

หลังจากลองคิดคำนวณ​ถึงความเป็นไปได้​ เบาก็ต่อสายหา ‘ทอดด์ ฮอฟฟ์แมน’ เพื่อนนักลงทุนรุ่นใหญ่ต่างวัยที่เจอกันระหว่างทริปปีนเขาทันที

เรื่องราวที่แบมรู้สึกว่าน่าสนใจก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะ​ เพราะแม้จะคิดแผนการมาเป็นอย่างดี​ แต่แผนของจอห์นก็ยังมีช่องโหว่อยู่ไม่น้อย​ เขาก็เลยจำเป็นต้องเขียน​ Business​ Plan​ ขึ้นมาอย่างจริงจัง​ เพื่อทำให้การสะสมแต้มนั้นเป็นระบบ​มากขึ้น​ เพื่อทำให้แผนการนี้สำเร็จ​ ​สามารถ​สะสมแต้ม​ และแลกของรางวัลได้อย่างทันเวลา​ รวมถึงไม่เสียเงินและทรัพยากรไปอย่างสูญเปล่า

ถึงเวลาทำ​ Business​ Plan

หลายคนมองว่า​ Business​ Plan​ นั้นมีไว้เฉพาะสำหรับ​แผนธุรกิจ​เท่านั้น​ แต่ในความเป็นจริงแล้ว​ ไม่ว่าเราจะทำโปรเจกต์​ หรือแคมเปญอะไร​ก็ล้วนแล้วแต่​ Business​ Plan​ นั้นจะเป็นตัวช่วยให้คุณ​สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น​ และสามารถ​อยู่รอดได้ในทุกๆ สถานการณ์

ทำไมต้องทำ​ Business​ Plan? 

Business​ Plan​ นั้นถือเป็นแผนที่หรือแนวทางที่ทำให้เราเห็นภาพรวมของสิ่งที่เรากำลังจะทำ​ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแนวคิด วิธีการ จุดแข็งจุดอ่อน รวมถึงปัญหาต่างๆ ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ และที่สำคัญหากระวัง 

Business plan ได้ดี ก็จะเป็นตัวช่วยให้งานของเราประสบความสำเร็จ ไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น

ลองมาดูกันว่าการจะเขียน Business plan นั้นมีควรมีรายละเอียด​และขั้นตอนอย่างไรบ้าง 

1.Business​ Idea

Business​ Idea หรือภาพรวมในการทำงาน​ เป็นแนวคิดหลักในการทำธุรกิจ​ เพื่อสร้างความเข้าใจในภาพรวมของสิ่งที่เราจะทำ​ ไม่ว่าจะเป็น​

  • เป้าหมาย​: เราต้องการอะไร​ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว​
  • กลยุทธ์​: เป็นการอธิบายถึงแผนการและวิธีการในการทำงานให้ไปถึงเป้าหมาย​ เช่น กลุ่มเป้าหมาย​ หรือแผนการตลาด​ เป็นต้น
  • โอกาสและการแข่งขัน​: หากทำตามแผนแล้ว​ มีคู่แข่ง​หรือไม่​ และมีโอกาส​ที่จะ​ทำสำเร็จ​กี่เปอร์เซ็น​
  • งบประมาณ: เป็นการวางแผนภาพรวมการเงิน รวมถึงค่าใช้จ่าย เพื่อประเมินความเสี่ยงว่าทำแล้วคุ้มค่าหรือไม่
  • ผลตอบแทน: ประเมินผลที่จะได้รับว่าคุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงไหม

2.Analysis

เมื่อเราได้​ภาพรวมของสิ่งที่เราจะทำคร่าวๆ​ จาก​ Business​ Idea​ แล้ว​ ก็ต้องนำมาวิเคราะห์​ให้ละเอียด​ เพื่อให้เราเห็นถึงจุดแข็ง​ จุดอ่อน​ ความเสี่ยง​ รวมถึงปัจจัย​ต่างๆ​ ทั้งภายใน​และ​ภายนอก​ที่มีผลต่อการทำตามแผนการนั้น​ โดยอาจจะนำมาวิเคราะห์​ในรูปแบบของ SWOT Analysis

3.Marketing plan 

เป็นการวางแผนเพื่อสร้างทิศทางในการทำการตลาดให้ชัดเจน​ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด​ วิธีการสื่อสาร​ หรือระยะเวลาในการดำเนินงาน​ และที่สำคัญควรมี​ KPI​ หรือการวัดความสำเร็​จในการดำเนินงานด้วย

4.Operation Plan​

Operation Plan​​ หรือแผนการดำเนินงาน​ เป็นการกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงาน​ ขั้นตอนในการทำงาน​ รวมถึงกำหนดลักษณะ​หน้าที่ของฝ่ายต่างๆ​ ว่าควรมีฝ่ายไหน​ และแต่ละฝ่ายมีหน้าที่อย่างไรให้ชัดเจน​ 

5.Financial Plan

เป็นการวางแผนงบประมาณที่จะต้องใช้ในการทำธุรกิจ​ หรือกิจกรรม​ต่างๆ​ ซึ่ง​ Financial Plan​ นั้นถือว่า​เป็น​ส่วนที่สำคัญมาก​ เพราะหากวางแผนไม่ดีอาจจะทำให้ธุรกิจของคุณเสี่ยงต่อการขาดทุนได้​ 

ดังนั้นเวลาเขียน​ Financial Plan​ เราควรวางแผนให้ครอบคลุม​ทั้งสถานะการเงินของเรา​ การประมาณ​รายได้​ กำไร​ ขาดทุน​ กระแสเงินสด​ จุดคุ้มทุน​ รวมถึง​ระยะเวบาคืนทุนด้วย

6.Emergency Plan​

หัวข้อนี้ถือเป็นจุดสำคัญ​ที่หลายคนกลับละเลยไป​ เพราไม่ว่าเราจะทำแคมเปญ​เล็กๆ​ หรือธุรกิจ​ใหญ่ๆ​ ก็สามารถพบเจอกับเหตุการณ์​ที่ไม่คาดฝัน​ได้ทั้งสิ้น​ เพราะฉะนั้น​ทางที่ดีเราควรเตรียมวางแผนเพื่อแก้ไขสถานกาณ์ฉุกเฉิน​ไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด​ ทั้งนี้ก็เพื่แทำให้แผนต่างๆ​ ที่เราเตรียมไว้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น​นั่นเอง

สำหรับขั้นตอนในการเขียน​ Business​ Plan​ นั้นแบมมองว่าเราสามารถนำมาปรับใช้ได้กับการทำงานในทุกรูปแบบไม่ว่าเป็นการทำแคมเปญเล็กๆ​ หรือการทำธุรกิจ​แบบเป็นจริงเป็นจัง เพราะไม่ว่างานไหนก็ล้วนแล้วแต่ต้องการการวางแผนเพื่อให้การทำงานราบรื่น​ และประสบปัญหา​น้อยที่สุดทั้งนั้น

และถึงแม้ว่าท้ายที่สุดในเรื่องนี้แม้ ‘จอห์น ลีโอนาร์ด’​ จะไม่ได้เครื่องบินเจ็ทแฮร์เรียร์จาก Pepsi ก็ตาม เพราะการจะต่อสู้ฟาดฟันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีทั้งอำนาจและความพร้อมในทุกๆ ด้านนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จอห์นก็ทำให้เราเห็นแล้วว่าการทำ Business​ Plan เพื่อวางแผนทุกอย่างให้เป็นระบบนั้นก็ทำให้เขาสามารถเก็บสะสมแต้มได้เจ็ดล้านคะแนน เพื่อแลกของรางวัลในเวลาที่กำหนดสำเร็จจนได้

แม้แคมเปญโฆษณานี้จะสร้างปัญหาให้ Pepsi ไม่น้อย แต่ก็ยังมีแคมเปญอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จและดึงความสนใจจนสามารถเพิ่มยอดขายจาก New Generation ได้เช่นกัน

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *