การตลาด Renault ออกแคมเปญให้บริการรถเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
เมื่อเกิดปัญหาที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ ที่นำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ ถ้าเป็นธุรกิจของคุณจะทำอย่างไร? สวัสดีนักการตลาดและนักอ่านทุก ๆ คนครับ บทความนี้ผมจะพาทุกคนมาเปิดมุมมองการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากปัญหาระดับประเทศ สู่โอกาสที่ใหญ่กว่านั้นกับ การตลาด Renault ที่ออกแคมเปญเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากสถานการณ์ Mobility Desert จะเป็นอย่างไรติดตามได้ในบทความเลยครับ
Mobility Desert ปัญหาที่มาพร้อมโอกาส
จากรายงานของรัฐบาลฝรั่งเศสเมื่อปี 2021 เปิดเผยว่าประมาณ 20% ของประชากรวัยทำงานในฝรั่งเศสต้องเผชิญปัญหาด้านการขนส่งที่จำกัด ทั้งในด้านความครอบคลุมของพื้นที่บริการ และ ด้านระยะเวลาทำการที่จำกัด ส่งผลให้ผู้คนวัยทำงานกว่า 28% เลือกที่จะออกจากงานหรือตัดสินใจไม่เข้าร่วมการฝึกอบรมต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำงาน โดยรัฐบาลฝรั่งเศสเรียกปัญหานี้ว่า “Mobility Desert” ครับ
อ้างอิงจาก National Academies ได้จำกัดคำนิยมของ Mobility Desert ว่าเป็น ”สถานการณ์ที่ประชาชนในครัวเรือนต้องเผชิญกับการเข้าถึงการขนส่งที่จำกัด โดยทั่วไปแล้ว ประชาชนเหล่านี้มักไม่มียานพาหนะที่สามารถใช้ได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ และมักจะอยู่ห่างไกลจากเส้นทางรถบัส และมีข้อจำกัดทางการเงินที่จะจ่ายค่าบริการแท็กซี่หรือรถรับส่งส่วนบุคคล”
Mobility Desert ส่งผลกระทบต่อการทำงานของประชาชนฝรั่งเศสเป็นอย่างมากเลยล่ะครับ และนำไปสู่ปัญหาใหญ่กว่าเดิม นั่นคือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ประท้วง Gilets Jaunes เกิดขึ้นครับ ถือว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว
ทำให้ Renault บริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ต้องการจะมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ และจัดการกับปัญหาระดับชาติที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของประเทศบริษัทนึง
ผมมองว่าการที่ Renault เข้ามา Take Action อะไรบางอย่างกับปัญหาระดับนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์มาก ๆ เลยครับ เรื่องภาพลักษณ์ที่เป็นแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมนี่ได้แน่ ๆ อยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ กลุ่มที่เผชิญกับปัญหา Mobility Desert ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานที่ยังไม่มีรถยนต์เป็นของตนเองครับ
แน่นอนในฐานนะบริษัทผลิตรถยนต์ก็ต้องการที่จะเจาะกลุ่มคนที่ไม่มีรถยนต์อยู่แล้ว ทำให้การเข้าไปอยู่ในใจ เป็น Top of mind ของกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ที่พวกเค้ายังไม่มีความคิดที่จะซื้อรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะไม่แน่ว่าถ้าพวกเค้าคิดจะซื้อรถยนต์สักคันเป็นของตนเองในอนาคต แบรนด์รถยนต์ในเครือ Renault อาจจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ก็เป็นได้ครับ เพราะสร้างความสัมพันธ์กันมาก่อน
ตอนที่ผมได้อ่านแล้วก็ขนลุก คือคุณจะหาโอกาสดี ๆ ในการทำคะแนนเพื่อเข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายได้แบบตรง ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนอีก สำหรับผมคงไม่มีอะไรตรงไปมากกว่านี้แล้วครับ
เพราะฉะนั้นแม้ว่าสถานการณ์ Mobility Desert ที่เกิดขึ้นที่จะเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ แต่ก็ยังมีแบรนด์ที่สามารถพลิกปัญหากลับมาเป็นโอกาสได้อีก
สำหรับผมหากบอกว่า Renault พลิกวิกฤต ให้เป็นโอกาส ดูท่าจะน้อยไปครับ ผมขอใช้คำว่า Renault พลิกมหาวิกฤต ให้เป็นสุดยอดโอกาส ถึงจะเหมาะสมกับ Case นี้ครับ เพราะสิ่งที่ Renault ได้ออกมา Take Action มันสุดยอดเหลือเกิน
Campaign Cars to Work “รถ” ที่ “ลด” ความเหลื่อมล้ำ
พื่อจัดการกับปัญหา Mobility Desert ทำให้ Renault ได้เปิดตัวแคมเปญ “Cars to Work” เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2024 โดยมีจุดประสงค์หลักคือการช่วยเหลือผู้ที่พบเจอกับสถานการณ์ Mobility Desert ที่กำลังจะเริ่มงานใหม่ โดยแคมเปญนี้จะมี 2 ตัวเลือกหลัก คือ 1. การเช่ารถระยะยาวหรือ 2. การเช่าซื้อ โดยการชำระเงินจะเริ่มต้นหลังจากผ่านช่วงทดลองงาน ผมคิดว่าเป็นแคมเปญที่แก้ไขปัญหาได้ดีทีเดียวเลยล่ะครับ
Renault เลือกแบรนด์รถยนต์ที่ใช้ในแคมเปญโดยเน้นราคาที่ไม่สูง โดยหวยไปออกที่ Dacia ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ประเทศโรมาเนียที่ Renault เป็นเจ้าของ หรือรถมือสองที่ผ่านการจัดหาของ Renew (แบรนด์ขายรถมือสองในเครือของ Renault) ซึ่งแคมเปญนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Project Caremakers ของ Renault ที่ก่อตั้งในปี 2012 เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีรายได้น้อยในการเข้าถึงการขนส่งสำหรับการจ้างงาน
มากไปกว่านี้เพื่อให้แคมเปญ Cars to Work มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Renault ได้รวมเครือข่ายดีลเลอร์กว่า 50 แห่งทั่วฝรั่งเศสเพื่อให้บริการรถยนต์ในแคมเปญ และมีโรงรถมากกว่า 300 แห่งเพื่อให้บริการซ่อมในราคาที่สามารถจ่ายได้
เท่านั้นยังไม่พอ Renault ได้ร่วมมือกับองค์กรสินเชื่อท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในการให้เงินกู้แก่บุคคลที่มีรายได้น้อย เช่น Adie, Caisse d’Epargne, Parcours Confiance, และ Créasol
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ France Travail หน่วยงานของรัฐบาลที่สนับสนุนการจัดหางาน และจัดทำคลิปโปรโมทแคมเปญสั้น ๆ โดยออกอากาศผ่านการโฆษณาทางโทรทัศน์และช่องทางออนไลน์
การที่ทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงงานที่พวกเขาชื่นชอบ และมีรายได้ในระดับที่ดี เป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นผมจึงมองว่าแคมเปญ Cars to Work ซึ่งให้บริการรถที่นำพาพวกเขาเหล่านั้นไปทำงานได้ นำมาสู่การลดความเหลื่อมล้ำอีกที่หนึ่ง จึงเป็น “รถ” ที่สามารถ “ลด” ความเหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริงครับ
สรุป การตลาด Renault แคมเปญ Cars to Work
แคมเปญ “Cars to Work” โดย Renault เป็นการตอบสนองต่อปัญหา “Mobility Desert” ในฝรั่งเศส ที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากขาดโอกาสเข้าถึงงานเพราะปัญหาด้านการขนส่ง แคมเปญนี้เสนอทางเลือกให้ผู้ที่เริ่มงานใหม่สามารถเช่ารถยนต์ระยะยาวหรือเช่าซื้อรถยนต์ โดยการชำระเงินจะเริ่มหลังจากช่วงทดลองงาน ช่วยให้ผู้คนที่มีรายได้น้อยสามารถเริ่มงานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
Renault ใช้รถยนต์ราคาย่อมเยาอย่าง Dacia และรถมือสองจาก Renew ที่เป็นแบรนด์ในเครือของตนเอง รวมทั้งร่วมมือกับเครือข่ายดีลเลอร์และโรงรถทั่วฝรั่งเศส เพื่อให้บริการที่เข้าถึงได้และราคาถูก แคมเปญนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรสินเชื่อและหน่วยงานของรัฐเพื่อช่วยผู้ที่มีรายได้น้อยในการเข้าถึงรถยนต์และงาน
ด้วยวิธีการนี้ Renault สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะแบรนด์ที่รับผิดชอบต่อสังคม ที่สำคัญสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมาก ๆ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในฝรั่งเศส ซึ่งทำให้แคมเปญนี้เป็นตัวอย่างของการพลิกมหาวิกฤตให้เป็นสุดยอดโอกาสที่แท้จริงครับ
Source Source
บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ
บทความที่ผมอยากแนะนำให้อ่านต่อ เกี่ยวกับการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเหมือนดั่ง Case นี้ครับ แต่เป็นบริบทที่โดนด่า แล้วจึงพลิกคำด่าให้กลายมาเป็นโอกาส กับแคมเปญการตลาดของอายิโนะโมโต๊ะ
