แคมเปญการตลาด อายิโนะโมะโต๊ะ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยกระทะเก่า

คุณจะทำอย่างไรเมื่อสินค้าของคุณกำลังโดนกล่าวถึงในเชิงลบบนโลกโซเชียลมีเดีย? สวัสดีนักการตลาดและนักอ่านทุกคนครับ วันนี้ผมมี Case Study ดี ๆ อีก Case หนึ่ง ที่อยากจะนำมาแชร์ให้กับทุก ๆ คนได้อ่านเผื่อว่าจะสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจ หรือที่ทำงานได้ด้วย เป็น แคมเปญการตลาด อายิโนะโมะโต๊ะ ของประเทศญี่ปุ่น โดยหัวใจสำคัญของบทความนี้จะพูดถึงวิธีพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการใช้ Creativity Driven Data ในการแก้ไขปัญหา

เหตุเกิดจาก “เกี๊ยวชอบติดกระทะ”

สาเหตุของเรื่องนี้เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2023 มีลูกค้ารายหนึ่งโพสต์ภาพเกี๊ยวซ่าของอายิโนะโมะโต๊ะที่ติดกระทะทำให้เกี๊ยวไม่สวยและไม่น่ากินบนโซเชียลมีเดีย และมีการเรียกร้องให้อายิโนะโมะโต๊ะเรียกคืนสินค้าเกี๊ยวซ่ากลับคืน เนื่องจากมองว่าผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน

ทำให้แบรนด์เกี๊ยวซ่าแช่แข็งอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นต้องลุกขึ้นมาจัดการกับเรื่องร้องเรียนนั้นโดยตรง เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหาย

Creativity Driven Data เก็บข้อมูลอย่างสร้างสรรค์

สิ่งที่อายิโนะโมะโต๊ะทำไม่ใช่แค่ออกมาแถลงกล่าวคำขอโทษ หรือรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อายิโนะโมะโต๊ะต้องการที่จะหาสาเหตุของการติดกระทะ และต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง

ความน่าสนใจอยู่ตรงนี้นี่แหละครับ ในการเริ่มหาสาเหตุของปัญหาแทนที่จะสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับกระทะ หรือสำรวจประสบการณ์ในการทอดเกี๊ยวซ่า แต่แบรนด์กลับออกแคมเปญสุด Creative ออกมา เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริง

Frying Pan Challenge

ในเดือนมิถุนายน ปี 2023 อายิโนะโมะโต๊ะได้เปิดตัวแคมเปญ Frying Pan Challenge โดยเรียกร้องให้ลูกค้าบริจาคกระทะที่เสื่อมสภาพ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่าทำไมเกี๊ยวซ่าจึงติดกระทะ ผมมองว่าเป็น Creative Idea ที่ดีมาก ๆ เลยนะครับ

แทนที่ Data จะมาจาการสำรวจความคิดเห็น หรือสำรวจการทอดเกี๊ยวซ่า แต่นี่กลับเป็นการนำกระทะเก่ามาวิเคราะห์เพื่อให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริง นอกจากนี้ยังสามารถรู้ได้อีกด้วยว่าลูกค้าส่วนใหญ่ใช้กระทะแบบไหน ยี่ห้ออะไรในการใช้ทำอาหาร ในอนาคตอาจจะหยิบ Data เหล่านี้มาใช้เพื่อพัฒนาสินค้าอื่นก็ได้ บอกได้เลยว่ามีประโยชน์กว่าที่คิด

นอกจากนี้ผมมองว่า Frying Pan Challenge เป็นแคมเปญที่น่าเข้าร่วมมาก ๆ เพราะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความจริงจังในการแก้ไขปัญหาเกี๊ยวซ่าติดกระทะ และเป็นวิธีการเก็บ Data อย่างสร้างสรรค์เลยทีเดียว ลองสมมุติว่าถ้าหากคุณเป็นลูกค้าของแบรนด์นี้ แล้วมักจะมีปัญหาเกี๊ยวซ่าติดกระทะ คุณจะอยากบริจาคกระทะเก่า ๆ สักใบ เพื่อที่จะทำให้การทอดเกี๊ยวซ่าของคุณดีขึ้นไหม?

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ กระทะเก่ากว่า 3,520 ใบ ได้รับการบริจาคจาก 47 จังหวัดของญี่ปุ่นผมถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยนะครับ ถือว่าประสบความสำเร็จในการเก็บ Data จากแคมเปญนี้เลย

หลังจากที่รวบรวมกระทะได้เป็นจำนวนมากพอสมควร อายิโนะโมะโต๊ะได้โพสต์รูปถ่ายกองกล่องกระดาษแข็งที่บรรจุกระทะ เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า แสดงถึงความจริงจังในการทำงาน จากนั้นทีมงานใช้เครื่องสแกน 3 มิติเพื่อสร้างภาพ 3 มิติของกระทะแต่ละใบ 

ผมมองว่า Key Success ในการเก็บ Data ครั้งนี้ คือ การบอกให้กับลูกค้ารู้ว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการส่งกระทะเก่ามาให้กับแบรนด์ และแสดงถึงความจริงจังในการแก้ไขปัญหา ถึงขั้นที่ว่า CEO ของอายิโนะโมะโต๊ะลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับการบริจาคกระทะเลยทีเดียว

การดำเนินการทั้งหมดนี้อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ก็สามารถสร้างความรู้สึกว่าลูกค้ามีส่วนร่วมในเส้นทางการวิจัยและพัฒนาที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง นอกจากนี้การดำเนินการทางวิทยาศาสตร์สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในการเปิดตัวเกี๊ยวซ่าตัวใหม่ของแบรนด์อีกด้วย

พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

จากการสแกนกระทะกว่า 3,520 ใบ พบถึงความจริงที่ว่าผู้คนจำนวนมากกำลังทอดเกี๊ยวซ่าในกระทะที่เสื่อมสภาพ ทำให้อายิโนะโมโต๊ะจัดการกับข้อร้องเรียนที่สร้างความเสียหายต่อแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย โดยแบ่งความรับผิดชอบกลับไปเป็นของผู้บริโภคอย่างนิ่มนวลโดยที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์อ้างอิง อายิโนะโมโต๊ะบอกเป็นนัยว่าสาเหตุส่วนหนึ่งต้องโทษกระทะที่มีสภาพไม่ดีด้วย จึงทำให้เกี๊ยวซ่าติดกระทะ

นอกจากนี้แบรนด์ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เกี๊ยวซ่าที่มีความเหนียวน้อยลง เพื่อชดเชยเครื่องครัวที่เสื่อมสภาพ ซึ่งให้ลูกค้ารู้สึกถึงความ Empathy ของแบรนด์ และการออกสินค้าใหม่ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ Product Cannibalization (สินค้าใหม่มีผลกระทบจนสินค้าเก่าขายไม่ออก) เนื่องจากยังคงมีผู้คนที่ไม่ได้มีปัญหาการติดกระทะ และชอบความเหนียวนุ่มของเกี๊ยวซ่าแบบเดิมอยู่

ด้วยการจัดการกับข้อร้องเรียนต่อสาธารณะเชิงรุก อายิโนะโมะโต๊ะสามารถเปลี่ยนความเสียเปรียบที่อาจเกิดขึ้น ให้เป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้นยังได้ Data อีกต่างหาก

ผลลัพธ์

• แคมเปญนี้มียอดเข้าชมกว่า 76 ล้านครั้ง และมียอดไลค์กว่า 549,910 ครั้ง 
• ความนิยมของแบรนด์เพิ่ม สูงกว่า 2.5 เท่าในกลุ่มผู้ที่ดูแคมเปญเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดู 
• ผู้คนตระหนักรู้ถึงคำขวัญของแบรนด์ “Continuous Improvemen” เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า 
• มีคะแนนเพิ่มขึ้น 9.6 เปอร์เซ็นต์ในเมตริก “แบรนด์ตอบสนองต่อความคิดเห็นของลูกค้าและดำเนินการทันที”

สรุป แคมเปญการตลาด อายิโนะโมะโต๊ะ

ในเหตุการณ์ที่อายิโนะโมะโต๊ะแบรนด์เกี๊ยวซ่าของประเทศญี่ปุ่นพบกับปัญหาการโดนกล่าวถึงในเชิงลบบนโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าที่ติดกระทะ อายิโนะโมะโต๊ะไม่เพียงแค่ตอบโต้ด้วยการขอโทษ แต่ยังใช้ Creativity Driven Data เพื่อทำให้เกิดโอกาสจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ด้วยแคมเปญ “Frying Pan Challenge”

ที่นำเสนอวิธีการเก็บข้อมูลอย่างสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นการใช้ข้อมูลที่สะท้อนสภาพจริงและการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของผู้บริโภค

ผลลัพธ์ที่ได้จากแคมเปญนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มความนิยมของแบรนด์และสร้างความรู้สึกดีให้แก่ลูกค้า แต่ยังเป็นการเพิ่มความเชื่อถือในตลาด ผ่านการแสดงให้เห็นถึงการทำงานของแบรนด์และการรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และยังเป็นการเก็บ Data ที่มีประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตอีกด้วย

สรุปแล้ว การจัดการกับปัญหาและข้อร้องเรียนและทำให้กลายเป็นโอกาส เป็นสิ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน ที่ต้องเผชิญกับการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว และเป็นต้นแบบที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในอนาคต

Source Source

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

บทความที่ผมอยากแนะนำให้อ่านต่อ ส่วนแรกเอาเป็นเกี่ยวกับ Creativity Driven Data แล้วกันครับ สำหรับคนที่อยากจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Creativity Driven Data ให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม

ส่วนที่สอง เอาเป็น Case Study สนุก ๆ อีกสัก Case แล้วกันครับ เผื่อใครกำลังสนใจหา Case Study เกี่ยวกับการทำแคมเปญการตลาดโดยใช้ Data อยู่