Case Study : SuperMax ห้างซูเปอร์มาร์เก็ต กลายเป็น Top of mind ในช่วงภัยพิบัติ
ปลื้มเห็นว่าประเทศไทยในช่วงนี้ กำลังประสบกับปัญหาอุทกภัย น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ก็นึกถึง Case Study ที่ถือว่าเป็น Top of mind brand เลย นั่นก็คือ SuperMax ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ที่เขาออกมารับมือกับพายุใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในภัยพิบัติเช่นเดียวกัน ก็เลยอยากเล่าเป็นกรณีศีกษา เผื่อแบรนด์หรือนักการตลาดจะนำไปปรับใช้กับเหตุการณ์ที่บ้านเรา
เริ่มจาก….
ในช่วงเดือน มิถุนายน-พฤศจิกายน เป็นฤดูพายุเฮอริเคนอย่างเป็นทางการของเปอร์โตริโก ทุกๆ ปี เวลามีพายุคนก็จะแห่มาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างตื่นตระหนก และยังมีผู้อยู่อาศัยบางส่วนยังคงต้องออกไปทำงานที่เสี่ยงเจอพายุ เพื่อที่จะดิ้นรนหาเลี้ยงครอบครัวอยู่
SuperMax ซูเปอร์มาร์เก็ต ในเปอร์โตริโก ก็เลยสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนเตรียมตัวอย่างเหมาะสมสำหรับพายุที่จะมาถึง เรียกว่า The Eye Tracker โดยใช้ข้อมูลจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติเพื่อติดตามวิถีของพายุแต่ละลูก
และได้ความร่วมมือกับ Google แบรนด์ได้พัฒนาเครื่องมือเว็บที่อนุญาตให้ผู้คนดูเส้นทางของพายุที่ระดับถนน เพื่อดูว่าพายุจะกระทบพื้นที่ของพวกเขาเมื่อไหร่ นอกจากนี้ตัวเว็บไซต์ ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้บริโภคว่าควรซื้ออะไรเตรียมไว้บ้าง เมื่อเลือกแล้วก็จะพาเข้าเว็บของ SuperMax เพื่อซื้อแบบออนไลน์
SuperMax เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเฉพาะในเปอร์โตริโก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่แบรนด์จะเข้าไปแทรกแซงปัญหาในท้องถิ่น การทำแคมเปญแบบนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มลูกค้าและยอดการซื้อแล้ว ยังทำให้แบรนด์กลายเป็น Top of mind ด้วย
โดยการที่แบรนด์ทำ The Eye Tracker นี้ขึ้นมา เขาหวังว่าเครื่องมือนี้จะช่วยลดผลกระทบจากการขาดแคลนลูกค้าของ SuperMax และลดแรงกดดันต่อร้านค้าในช่วงเหตุการณ์สภาพอากาศในอนาคตค่ะ
และที่สำคัญคือแบรนด์แอบเนียนๆ ขายของไปพร้อมกับคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้บริโภคควรซื้อได้ฉลาดมากค่ะ ทำให้แคมเปญนี้สร้างรายได้มากกว่า 300,000 ดอลลาร์จากสื่อที่ได้รับ และยอดขายของแบรนด์เพิ่มขึ้น 78.9% จากปีที่แล้ว
บทสรุป
เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะน้ำท่วม พายุเข้า ก็ล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมของพวกเราอยู่แล้ว แน่นอนว่าแบรนด์สามารถเข้าไปช่วยเหลือ หรือพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ให้เราได้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค
ซึ่งปลื้มสังเกตว่าหลายแบรนด์ในไทย มักจะรับมือโดยการบริจาคเครื่องใช้ เครื่องกินต่างๆ คือมันไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ ทุกแบรนด์ทำเหมือนกัน มันทำให้การที่เราจะมาสร้างความจดจำที่ดีให้กับผู้บริโภค ปรากฏว่าแบรนด์อื่นก็ทำเหมือนกัน ทำให้เราไม่โดดเด่นในความดีอันนี้
แบรนด์อาจจะต้องลองปรับให้มีความแตกต่าง อย่างเหตุการณ์น้ำท่วมในตอนนี้ นอกจากจะบริจาคสิ่งของ อาจจะหาความเชื่อมโยง เช่น ถ้าปลื้มเป็นแบรนด์ รถ ปลื้มจะทำแคมเปญฝากรถแจกเรือ หรือ จัดพาหนะโดยสารรับ – ส่งผู้คน เข้าบ้าน ออกบ้านเฉพาะพื้นที่น้ำท่วม แบบนี้เป็นต้น เพราะคนยังต้องออกมาทำงานและเรียนหนังสืออยู่
อย่าลืม พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนะคะ เพราะจะทำให้แบรนด์ของคุณอยู่ในใจเป็น Top of mind ของผู้บริโภคตลอดไป
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ