เมื่อ “คนชอบทาน” กับ “คนชอบทำ” มาเจอกัน สู่ Shabu Nashi ร้านเล็ก ๆ ที่ทำด้วยใจของคนหลงใหลในชาบู

เมื่อ “คนชอบทาน” กับ “คนชอบทำ” มาเจอกัน สู่ Shabu Nashi ร้านเล็ก ๆ ที่ทำด้วยใจของคนหลงใหลในชาบู

เมื่อ “คนชอบทาน” กับ “คนชอบทำ” มาเจอกัน สู่ Shabu Nashi ร้านเล็ก ๆ ที่ทำด้วยใจของคนหลงใหลในชาบู

สวัสดีค่าทุกคน วันนี้ได้มีโอกาสไปทานร้าน “Shabu Nashi” ร้านชาบูระดับห้าดาวที่เรียบง่ายแบบญี่ปุ่นแท้ ซ่อนตัวอยู่ภายในศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก ใจกลางย่านราชประสงค์ กรุงเทพฯ ใจกลางเมืองนี้เองค่า

ตอนไปทานมีโอกาสได้เจอคนที่ไม่ได้ทานเนื้อมา 30 ปีได้แล้ว แต่มาร้าน Shabu Nashi ยังต้องยกมือขอลองทานเนื้อดู เรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ฮือฮากันทั้งร้าน ของเค้าพรีเมียมมากจริง ๆ ค่า

บอกเลยว่ายิ่งเหล่านักชิมและบรรดาบีฟ เลิฟเว่อร์ ไม่ควรพลาด เพราะชาบูที่นี่เสิร์ฟด้วยเนื้อริบอายพรีเมียมคุณภาพที่มีให้เลือกหลากหลายมาก แต่จะเป็นยังไง น่าทานแค่ไหน อย่าพึ่งกดออก วันนี้มีเคล็ดลับการทานเนื้อให้อร่อยแสงออกปากจากเชฟผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันด้วยนะคะ ถ้าอยากรู้แล้วตามมาดูกันเลยค่า

เมื่อ “คนชอบทาน” กับ “คนชอบทำ” มาเจอกัน

“Shabu Nashi” ร้านชาบูระดับพรีเมียมนี้ ริเริ่มก่อตั้งขึ้นมาจากหัวใจของคนที่หลงใหลในรสชาติของชาบู นั่นก็คือ คุณโจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ เดิมทีเวลาคุณโจ้และครอบครัวไปญี่ปุ่นมักจะชอบไปทานร้านชาบูแห่งหนึ่งเป็นประจำทุกครั้ง เป็นร้านที่มีความเรียบง่ายแต่อร่อยแสงออกปาก~ 

และด้วยความที่คุณโจ้เป็นคนไม่ค่อยมีความฝันอะไรมากนัก เวลามีคนถามถึงความฝันก็ไม่ได้มีภาพตำแหน่งใหญ่หรือธุรกิจใด ๆ แต่มักจะเป็นภาพของเนื้อร้านที่ชอบทานโผล่ขึ้นมา เลยเริ่มอยากมีร้านชาบูแบบที่ชอบในไทยบ้าง จะได้ไปกินบ่อย ๆ และพาเพื่อนฝูงคนสนิทมาทานแบบที่ตนเองชอบ

จนเรื่องราวได้ไปถึง 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่น ๆ นั่นก็คือ คุณต้อม จิรัฐ บวรวัฒนะ ผู้ก่อตั้ง BNK48 ที่ชอบทานชาบูเช่นกัน และคุณเบน ณ นคร เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียมมากมาย และเมื่อเป็นเรื่องของเนื้อ แน่นอนว่าต้องนึกถึงเชฟแทน ไกรสรกิตติคุณ เทพแห่งเนื้อ จึงเกิดมาเป็นร้านชาบูเล็ก ๆ ที่ทำด้วยใจของคนที่หลงใหลในชาบูจริง ๆ

เมนูที่เรียบง่าย แต่สุดแสนจะพรีเมียมและใส่ใจทุกรายละเอียด

แรกเริ่มจะเสิร์ฟ Appetizer อย่างสลัดผักคอสสด และไข่นกกระทายางมะตูมที่แช่ในน้ำซอสปรุงพิเศษ 4 ชั่วโมง ที่นำไปคั่วในกระทะ แล้วเอาซอสราดอีกรอบหนึ่งก่อนเสิร์ฟ ให้รสสัมผัสที่กรุบ ๆ ในปาก เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวชอบมากกกกค่ะ ไม่เคยกินไข่นกกระทายางมะตูมมาก่อน อร่อยละมุนจนอยากเบิ้ลอีกสิบจาน

ส่วนเมนูเนื้อที่เรียบง่ายแต่สุดแสนจะพรีเมียม มีให้เลือก 4 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ

ชุด Premium Local Beef เนื้อส่วนริบอายที่เลือกจากฟาร์มวัวที่ดีที่สุดของประเทศ ตามคุณภาพเนื้อในแต่ละสัปดาห์ หน้าเนื้อต้องสูงไม่ต่ำกว่า 10 ซม. รสชาติเนื้อแดงจะมีความเข้มข้น  เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ลิ้มลองและสัมผัสรสชาติความอร่อยของเนื้อวัวสายพันธุ์ไทย ที่มีเสน่ห์อยู่ที่ความเข้มข้นของเนื้อที่เมื่อทานคู่กับน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้านแล้วเข้ากันอย่างลงตัว ราคาชุดละ 850 บาท

ชุด Kuroge Wagyu จากจังหวัดอิวาเตะ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Wagyu F1 ซึ่งเกิดจากการที่เอาเนื้อแองกัสไปผสมกับวากิวที่ญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดเนื้อแดงที่มีรสชาติเข้มจากแองกัสผสานรวมกับไขมันหอม ๆ ผิวสัมผัสนุ่ม ๆ ของวัวญี่ปุ่น  เป็นการดึงข้อดีของสองสายพันธุ์มาไว้ด้วยกัน เมื่อลวกแล้วจะมีความนุ่มละมุน ความนุ่มนวลของไขมันอยู่ในระดับพอดี เป็นสองรสชาติในเนื้อหนึ่งแผ่นแผ่นเดียวกัน ราคาชุดละ 1,250 บาท 

ชุด Furano Wagyu A5 เป็นเนื้อวากิวที่ส่งตรงมาจากเมืองฟูราโน ฮอกไกโด หนึ่งในเนื้อที่ขึ้นชื่อระดับประเทศของญี่ปุ่น จุดเด่นของตัวนี้อยู่ที่เป็นวัวที่มาจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่นซึ่งมีอากาศหนาว วัวก็จะสะสมไขมันได้ดี ไขมันที่ได้จะมีรสชาติหอมอร่อย จึงมีชื่อเสียงถึงความนุ่มนวลของไขมันจนละลายในปาก และด้วยการสไลด์เนื้อแบบพิเศษ หน้ากว้างกว่าปกติ ยิ่งทำให้การรับรู้ถึงไขมันที่แทรกตามแผ่นเนื้อได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตัวเนื้อแดงอาจจะไม่เข้มข้นเท่าตัว Kuroge Wagyu แต่รสชาติจะนุ่มนวลกว่า กินแล้วละลายในปาก คุ้มค่า คุ้มราคา ชุดละ 1,650 บาท

Sendai Wagyu A5 เมนูพิเศษ Chef Selected ซึ่งเชฟแทนจะคอยเสาะหา ค่อย ๆ คัดมาในแต่ละซีซั่น เน้นคัดเนื้อดีคุณภาพแน่น เพราะอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อระดับพรีเมียมขั้นสูงสุด โดยตัว Sendai Wagyu ไขมันและความนุ่มของเนื้อจะขึ้นไปอีกระดับ เป็นเนื้อที่เลี้ยงมาเป็นพิเศษ ได้รับการขุนอย่างดี อยู่ในเมืองที่ดี อากาศที่ดี อาหารดี มี Marble Score อยู่ที่ระดับ 10-11 จากทั้งสิ้น 12 ระดับ ราคาชุดละ 2,050 บาท ที่สำคัญหมดแล้วหมดเลย ใครอยากลองชิมต้องรีบกันนิดนึงค่า

ส่วนใครที่ไม่กินเนื้อ ก็มีเนื้อหมูราคาชุดละ 650 บาทจาก S Pure   ให้ได้ลิ้มลองกัน โดยเป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกที่ติดกับสามชั้นซึ่งมีไม่มากในหมูหนึ่งตัว ลวกในน้ำซุปจนสุก เนื้อสัมผัสที่ได้ไม่มีแข็งกระด้างเลยแม้แต่นิดเดียว เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน อร่อยจนเหล่าคนรักเนื้อวัวยังต้องห้ามพลาดกับเมนูหมูของที่นี่

อีกทั้งยังมีชุดผักให้อีกหนึ่งกระจาดขนาดย่อม โดยลูกค้าสามารถเลือกอุด้งเส้นสด หรือข้าวญี่ปุ่นหอมกรุ่นอุ่น ๆ จากหม้อ มากินกับน้ำซุปในช่วงท้ายที่รสชาติจะเข้มข้นกลมกล่อม เพราะมีทั้งไขมันจากเนื้อที่ลวก ความหวานจากสารพัดผักที่ต้มจนเปื่อยนุ่ม 

เรียกได้ว่าจบเมนูของคาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนปิดท้ายเซตเมนูด้วยกรานิต้าผลไม้ที่ให้ความสดชื่น มีทั้งมะม่วงและลิ้นจี่ หอมหวานกำลังดี ละมุนลิ้น อิ่มอร่อยชนิดที่กลับบ้านได้อย่างสบายใจ~

เคล็ดลับที่เชฟแอบกระซิบ การทานเนื้อให้อูมามิ ฉบับ Shabu Nashi

ด้วยแนวคิดความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่น จึงมีน้ำซุปใสเพียงแบบเดียว ซึ่งผ่านการคิดค้นและทดลองจนมั่นใจว่าจะช่วยดึงรสชาติความอร่อยของเนื้อได้ดียิ่งขึ้น เมื่อนำเนื้อที่จุ่มลงในหม้อชาบู 

ซึ่งเชฟแอบกระซิบว่าให้พับเนื้อเป็น 3 ทบ แล้วพับครึ่งอีกครั้งนึง จากนั้นจุ่มเนื้อให้จมมิดลงไปในน้ำ 4 วินาที ที่ความร้อนประมาณ 90 องศาเซลเซียส หรือไฟระดับ P5 ค่ะ โดยไม่ต้องเขย่าหรือแกว่งเนื้อนะคะ บอกเลยว่าจะได้เนื้อที่อมชมพู อร่อยละมุนลิ้นกำลังดี

และเพิ่มความอร่อยกลมกล่อมให้กับชาบูแบบอูมามิกันอีกนิด ด้วยน้ำจิ้ม Homemade สูตรพิเศษของทางร้านที่มาใน 2 สไตล์ ได้แก่ “พอนสึ” รสชาติเปรี้ยวหวานที่มีอาวุธลับเป็นยูสุนำเข้าจากญี่ปุ่นที่ให้ความสดชื่น ตัดเลี่ยนจากไขมันเนื้อได้เป็นอย่างดี 

หรือหากใครที่ชื่นชอบรสชาติหวานมัน ต้องไม่พลาด “น้ำจิ้มงา” ที่ทางร้านคั่วและบดเองแบบวันต่อวัน จนได้เนื้อซอสที่เนียนนุ่มแต่มีความเข้มข้นหอมอร่อย~ (ส่วนตัวชอบน้ำจิ้มงามากค่ะ เข้ากับเนื้อได้ดีสุด ๆ ไปเลย)

เริ่มต้นธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ สู่ร้านเล็ก ๆ ที่เป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อ

เป็นยังไงกันบ้างคะวันนี้กับ “Shabu Nashi” ร้านเล็ก ๆ ที่ทำด้วยใจของคนหลงใหลในชาบู จากประสบการณ์ที่ได้ไปรับประทานมา ต้องบอกเลยว่าคุณภาพวัตถุดิบพรีเมียมมากจริง ๆ บรรยากาศและการตกแต่งสวยงาม รสชาติเรียบง่ายแต่อร่อยแสงออกปาก เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อจริง ๆ ค่า

และ Shabu Nashi ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี สำหรับคนที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยการทำในสิ่งที่ใจรักจริง ๆ สังเกตได้ว่าแนวคิดที่ริเริ่มร้านนี้ขึ้นมามีความเรียบง่ายมาก ๆ จาก “คนชอบทาน” เพียงแค่ชอบทานชาบู และอยากให้มีร้านดี ๆ แบบนี้ในไทย จะได้กินบ่อย ๆ และพาเพื่อนฝูงมาจอยกัน เหมือนชวนเพื่อนมาทานอาหารกันที่บ้าน พอได้มาพบเจอกับ “คนชอบทำ” ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น จึงเกิดเป็น Combination ที่ลงตัว และออกมาเป็นร้านชาบูเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยแพชชัน จนสามารถส่งผ่านความรักและความใส่ใจในทุกรายละเอียดออกมาในอาหารและการบริการได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ลูกค้าที่มาได้รับความสุข ประสบการณ์ที่ดี และได้ทานชาบูดี ๆ แบบที่เจ้าของร้านชอบทาน

ใครที่อยากร่วมสัมผัสสุนทรียะแห่งเนื้อวัว และประสบการณ์ความอร่อยที่เรียบง่ายสมบูรณ์แบบ รับประทานชาบูสไตล์ญี่ปุ่นแท้หน้าเนื้อกว้างเป็นพิเศษซึ่งหาได้ยากในเมืองไทย ได้ที่ Shabu Nashi ชั้น LG ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก แยกราชประสงค์ 

เปิดให้บริการวันละ 2 รอบ 11.30 – 14.00 น. และ 17.00 – 21.00 น. วันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) สามารถจองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่ 089-922-6671 หรือผ่านระบบจอง คลิก  

และสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอน ที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram TwitterYoutube และ Blockdit ได้เลยค่า

Fern Panassaya

เฟิร์น Junior Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *