Win Win Strategy การตลาด จีบ Gen Z ที่ชอบกินอาหารเสริม

Win Win Strategy การตลาด จีบ Gen Z ที่ชอบกินอาหารเสริม

Win Win Strategy การตลาด จีบ Gen Z ที่ชอบกินอาหารเสริม ไม่ต้องทำการตลาดด้วยการเบลมสินค้าอื่น แต่สามารถจับมือกันขายสินค้าให้กับลูกค้าได้

ดัชมิลค์ ถ้าพูดถึงแบรนด์นมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต พร้อมดื่ม เราคงต้องนึกถึงชื่อนี้ ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่ง Product แรก ๆ ที่เรานึกขึ้นได้สำหรับแบรนด์นี้ ก็คือ โยเกิร์ต ดัชชี่ นั่นเอง

โยเกิร์ต ดัชชี่ วางแบรนด์ Positioning โดยชูจุดขาย ว่าเป็นโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพ และช่วยระบบขับถ่าย ตั้งแต่เริ่มมีจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดใหม่ ๆ มีกลุ่มผู้บริโภคสนใจซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก และกลุ่มที่เป็น Target segment สำหรับสินค้าก็คือ กลุ่มวัยรุ่น โดยเราจะเห็นได้จาก การโปรโมต ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา และการประกวดต่าง ๆ เป็นต้นมา 

จนมาถึงในยุคปัจจุบันที่เข้าสู่ยุคของ กลุ่ม Gen Z แบรนด์ เผชิญกับกระแสความนิยมและยอดขายที่ลดลงอย่างรวดเร็วในกลุ่ม Gen Z ทำให้ แบรนด์ต้องมาวิเคราะห์ Insight ของกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อแก้ปัญหา

ที่มา Dutchie Yoghurt

3 Insight กลุ่ม Gen Z ที่มองข้ามประโยชน์ของโยเกิร์ต

1. Gen Z รู้สึกเติบโตมากับการเรียนรู้ว่าการทานอาหารที่มีประโยชน์ จะทำให้มีสุขภาพที่ดีและภาพจำนั้นคือ อาหารหลัก 5 หมู่

2. Gen Z เติบโตมากับความรู้เรื่องสารอาหาร วิตามิน อาหารเสริมต่าง ๆ จึง ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นว่า สามารถเลือกทานอาหารเสริม หรือวิตามินบำรุง ชนิดไหนก็ได้ ตามผลลัพธ์ที่ต้องการ เพื่อทำให้มีสุขภาพดี หรือทำให้ตัวเองดูดีขึ้น 

3. Gen Z จะสนใจถึงผลประโยชน์ที่จับต้องได้ และมองเห็น สัมผัสได้จริง เช่น หากเป็นสิวตรงที่รู้สึกเจ็บและเห็นรอยแดงได้ ก็แค่ทายาลดรอยแผลเป็น หรือกินวิตามินจะช่วยทำให้รอยนั้นดีขึ้น แต่หากบอกว่า ที่เป็นสิวอาจเป็นเพราะลำไส้ไม่ดี ฮอร์โมนมีปัญหา กลุ่มนี้จะไม่รู้สึกว่ามันคือปัญหาที่มีส่วนทำให้เกิดสิวจริง ๆ

จาก Insight ที่พบมานี้ ทาง ดัชชี่ จึงได้ ออกแคมเปญเพื่อให้ข้อมูลและความรู้กับคน Gen Z โดยการให้ความรู้โดย “ไม่เบลม” ความเชื่อเรื่องการทานอาหารที่มีประโยชน์ หรืออาหารเสริม จึงได้ออกมาเป็น แคมเปญ “Love Your Gut”

แคมเปญ “Love Your Gut” จับเทรนด์ Gen z ที่ดูแลสุขภาพและความงาม

Win Win Strategy-dutch-mill-thailand

จากการวิเคราะห์เทรนด์ของ Gen z ออกมาแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ

  • การทานผัก ผลไม้ : ต้องการให้มีสุขภาพดี
  • ทาน Collagen : ต้องการให้มีผิวขาวใส
  • ออกกำลังกาย และทานเวย์โปรตีน : ต้องการหุ่นดีมีกล้าม
  • ทานวิตามิน : ต้องการผิวสวย สุขภาพดี

สิ่งที่แคมเปญนำมาเล่าเรื่องในครั้งนี้คือการกระตุ้นความตระหนักคิดโดยการทำหนังโฆษณาออกมาให้มี Symbolic เพื่อแสดงให้เห็นถึงการพยายามทำให้ตัวเองดูดี แต่ลืมโฟกัสบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อทำให้ร่างกายสามารถนำสารอาหาร หรือสิ่งดี ๆ ที่เป็น ประโยชน์กับร่างกายไปใช้ได้อย่างเต็มที่ 

นั่นคือการทำให้ลำไส้แข็งแรง เพื่อรับสารอาหารเข้าสู่ร่างกายได้อย่าเต็มที่ จึงใช้คำเก๋ ๆ มาเป็น Key massage ในหนังโฆษณาว่า “เอาใจไส้” ซึ่งพ้องเสียงมาจากคำว่า “เอาใจใส่” เพื่อสื่อสารให้ทุกคนเอาใจใส่และให้ความสำคัญกับน้องลำไส้ของทุกคน นั่นเอง  

Win Win Strategy-dutch-mill-thailand

Marketing Dutch Mill 3 การเล่าเรื่องโฆษณาถึงการเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์

1.ฉากเปิดโฆษณาเป็นภาพที่หนุ่มสาว Gen Z มีรูปลักษณ์ที่โทรมมาก ๆ เอาอาหาร อาหารเสริม เวย์โปรตีน มาเทลงบนตัวเอง โดยไม่ได้ทาน เพื่อสื่อให้เห็นว่าการทานอาหารเสริมอย่างเดียว โดยที่ไม่รู้ว่าร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ไปโยชน์ได้จริงหรือไม่นั้น อาจเหมือนกับการไม่ได้ทาน เพราะไม่รู้วิธีทำให้การทานอาหารเสริมที่มีประสิทธิภาพ

Win Win Strategy-dutch-mill-thailand

2.การใช้ Symbolic พนักงานส่งของ แทนลำไส้ ที่ไม่มีมารยาท ส่งของให้ลูกค้าเสียหาย เหตุการณ์นี้เปรียบเทียบกับลำไส้ว่า ถ้าหากลำไส้ระบบทำงานไม่ดี ก็ไม่สามารถนำส่งสารอาหาร หรือสิ่งดี ๆ เข้าร่างกายได้ และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ก็จะไม่ดีไปด้วย

Win Win Strategy-dutch-mill-thailand

3.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงานส่งของ ที่มีมารยาท และการให้บริการ ที่ค่อย ๆ ดีขึ้น มีมารยาทขึ้น และส่งของให้ลูกค้าเเบบมีคุณภาพ จากการเปรียบเทียบนี้ ชี้เห็นเห็นว่า หากเรามีการดูแลลำไส้ที่ดี ก็จะทำให้สามารถส่งต่อสารอาหารที่ดีไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับพนักงานส่งของมือดีที่ส่งพัสดุที่มีคุณภาพให้ลูกค้า นั่นเอง

ผลสำเร็จจากการทำโฆษณาชุดนี้ออกมา

  • แคมเปญ Love Your Gut ได้รับรางวัล Gold ในงานที่ Clios ปี 2022 
  • แคมเปญดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายดัชมิลล์เพิ่มขึ้น 14.3%

ถอดบทเรียน Win Win Strategy ที่น่าสนใจสำหรับแคมเปญนี้ คือ 

  • แบรนด์ไม่จำเป็นต้องเบลมสินค้าชนิดอื่น เพื่อยกให้สินค้าของเราอยู่เหนือคู่แข่ง หรือผลิตภัณฑ์ใกล้เคียง
  • การศึกษา Insight ของ Target เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อรู้แล้ว จะทำอย่างไร ให้สินค้าของเราเป็นฮีโร่ที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่แล้วคือสิ่งที่ดี แต่จะดีมากขึ้นหากได้เราไปเป็นตัวช่วยส่งเสริม
  • การใช้กลยุทธ์ Real Storytelling การนำประสบการณ์ใกล้ตัวของ Target มาเล่าเรื่องเพื่อให้เห็นภาพ เป็น Key Massage ที่สื่อสารได้อย่างชัดเจน แม่นยำโดยไม่ต้องพยายามประดิษฐ์

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับแคมเปญดีๆ ที่นำมาฝากกัน หวังว่าทุกท่านที่อ่านจะได้ไอเดียการทำการสื่อสารกันนะคะ และอยากให้ทุกท่านลองนำกลยุทธ์การ ไม่เบลมสินค้าอื่น เพื่อให้แบรนด์ดูดี มาลองปรับใช้กันดูค่ะ ว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อให้แบรนด์ของเราเป็นฮีโร่ เพื่อเสริมให้สิ่งที่ลูกค้าทำมาอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีกได้ นอกจากเราจะได้มิตรข้างบ้านเพิ่มแล้วยังได้ภาพลักษณ์แนว Postsitive ในใจลูกค้าได้อีกด้วยนะคะ

 อ่านข้อมูลการทำแคมเปญ เจ๋ง ๆ จึ้ง ๆ   คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ

อัพเดทข่าวสาร เพื่อติดปีกให้คุณเป็นนักการตลาดที่ไม่ OUT !!!  อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอน เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่ะ

Source

Chulee.

นักพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด / นักเขียนบทความการตลาด ชอบงานศิลปะ งานครีเอท ไอเดีย เจ๋ง ๆ จึ้ง ๆ! น้องใหม่ทีมการตลาดวันละตอน ฝากผลงานด้วยนะคะ :) ♥รักเวลา... เวลามีค่ามากที่สุด⏰

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *