See my skin แคมเปญ จากความไม่เท่าเทียมในสาวผิวดำ ของ Vaseline

See my skin แคมเปญ จากความไม่เท่าเทียมในสาวผิวดำ ของ Vaseline

สำหรับในบทความนี้ผู้เขียนขอหยิบเอา แคมเปญ ที่น่าสนใจ จาก Vaseline Skincare มาเล่าเพื่อให้ผู้อ่านได้ไอเดียการทำแคมเปญการตลาดมุมมองใหม่ ในการจับเอา Insight Inequality Pick ความอคติ และความไม่เท่าเทียมของคนผิวสีในสังคมมาเป็นตัวกระตุ้นการรับรู้ใน Purpose Brand สินค้าที่ดูแลลูกค้าอย่างเท่าเทียม และเข้าใจความหลากหลายของสังคมค่ะ

และหวังว่าจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยรณรงค์ความเท่าเทียมในใจของผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยกับเรื่องปัญหา การเหยียดลักษณะทางกายภาพ รูปร่าง หน้าตา และสีผิวของผู้คนในสังคมค่ะ

Vaseline จับ Inequality Pick ความอคติไม่เท่าเทียมของคนผิวดำมาทำการตลาดอย่างไร?

Real Marketing Vaseline SkinCare

ที่มา : bbc.com

Inequality Pick คืออะไร

Inequality Pick คือ การหยิบเอาประเด็นความไม่เท่าเทียมในสังคมขึ้นมาพูด ค่ะ เช่นประเด็น เพศ รูปร่าง หน้าตา ผิว เศรษฐกิจ สังคม ทุกประเด็นที่เป็นกระแสสังคมที่สะท้อนถึงความไม่เสมอภาค การถูกละเลย หรืออคติค่ะ

Vaseline Skincare จับ Inequality ย้ำ Purpose Brand ที่ดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม

Vasline Brand Skin Care ที่ย้ำจุดยืนของตัวเองว่าเป็น Skin Care ที่เเคร์ทุกสภาพผิวของผู้บริโภคมายาวนาน และในครั้งนี้ Vaselineได้หยิบเอาประเด็นที่มีความ Sensitive ในเรื่อง Skin tone bias (การเหยียดสีผิว) ของสังคมในต่างประเทศเรื่อง ปัญหาการเหยียดสีผิว ความไม่เท่าเทียมกันในสังคมมาเป็น Gimmic เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนผิวสีให้มากขึ้น

จากกลยุทธ์นี้ ก็เกิดเป็นแคมเปญที่มีชื่อว่า See My Skin โดยในแคมเปญนี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นตัวช่วยในกลุ่มของผู้หญิงผิวสีได้เข้าถึงการรักษาโรคผิวหนังได้ง่ายขึ้น และสะท้อนปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในสังคม โดยมี 2 ประเด็นที่เป็นที่มาของแคมเปญนี้ค่ะ 

ประเด็นเเรก คือแบรนด์ทำแคมเปญนี้ขึ้นเพื่อช่วยให้คนผิวสีเข้าถึงการรับการรักษาโรคผิวหนังได้ง่ายขึ้น และรณรงค์ให้คนผิวสีมีโอกาสได้เข้าถึงการรักษาโรคผิวหนังอย่างเท่าเทียม

ทำไม Vaseline จึงหยิบประเด็นคนผิวสีมาทำการตลาด

เพราะผิวคือความภูมิใจ และความมั่นใจของสาว ๆ อย่างเราเลยนะคะ แค่เป็นรอยแผลเป็น หรือแพ้อะไรนิดหน่อยก็พาให้จิตตกต้องรีบไปหาหมอให้ช่วยรักษาด่วน แต่ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้ถ้าเกิดในหมู่สาว ๆ ผิวสีล่ะ จะเป็นอย่างไร?

จากสถิติพบว่า ปัญหาโรคมะเร็งผิวหนังมักมีโอกาสเกิดในกลุ่มคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำเพราะ คนผิวขาวจะมีเมลานินในผิวน้อยกว่าคนผิวสี จึงทำให้มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังมากกว่าคนผิวดำถึง 20 เท่า แต่สิ่งที่สวนทางกับการเกิดโรคนี้นั่นก็ คือในสหรัฐอเมริกา อัตราการรอดชีวิต 5 ปีหลังจากการวินิจฉัยมะเร็งผิวหนังแล้ว ได้เปลี่ยนแปลงไปในประชากรย่อยทั้งสองกลุ่มนี้ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 จนถึงปัจจุบัน 

ผู้ป่วยผิวขาว มีอัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้นจาก 68% เป็น 90% แต่กลับกันการเข้าถึงการรักษาในผู้ป่วยผิวดำ ลดลงจาก 67% เป็น 66% จากผลสำรวจนี้ ชี้ให้เห็นว่าคนผิวดำไม่ได้รับการดูแล และรักษาอย่างเท่าเทียม

ประเด็นที่สอง นัยของ Key Massege “See my skin” ยังมีความหมายทางอ้อม ว่าเป็นการรณรงค์สื่อสารต่อผู้คนในสังคมให้เหลียวมองพวกเธอแบบมีความเท่าเทียมกับผู้อื่น อีกด้วยค่ะ 

Real Marketing Vaseline SkinCare

ที่มา : Edelman

ทำไม Vaseline Skincare จึงทำ แคมเปญ ช่วยคนผิวสี ปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์

อย่างที่เราทราบกันดีเรื่องปัญหาของคนผิวสีที่ไม่ได้รับการใส่ใจจากสังคมอย่างเท่าเทียม และการรักษาโรคผิวหนังของคนกลุ่มนี้ จึงทำให้เข้าถึงการรักษายาก และในการพบแพทย์บางครั้งพวกเขาถูกวินิจฉัยผิดพลาด หรือไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และจากข้อมูลนี้ก็พบความน่าสนใจอย่างหนึ่งค่ะที่ทำให้เกิดการวินิจฉัยที่ผิดพลาด

ทำไมแพทย์จึงวินิจฉัยโรคผิวหนังคนผิวสีผิดพลาด?

จากการสัมภาษณ์แพทย์ในต่างประเทศ พบว่าในตำราเรียน หรือการเรียนมักเข้าถึงการรักษาคนผิวขาวมากกว่าคนผิวสี และจากข้อมูลการศึกษาในปี 2018 พบการรักษาปัญหาโรคผิวหนังในกลุ่มคนผิวคล้ำจากการวิเคราะห์รูปภาพมากกว่า 4,000 ภาพ ในตำราทางการแพทย์ 4 เล่มของสหรัฐอเมริกา และพบว่ามีเพียง 4.5% ของรูปภาพที่แสดงผิวคล้ำ นั่นก็แสดงว่าการวินิจฉัยที่ผิดพลาดนั้น อาจมาจากการที่แพทย์ไม่ได้เข้าถึงการรักษาในคนกลุ่มนี้อย่างเพียงพอค่ะ เมื่อไม่มีความรู้มากพอ ก็อาจทำให้วินิจฉัยโรคผิดพลาดได้เช่นกันค่ะ

Real Marketing Vaseline SkinCare

ที่มา : vaseline.huedco.com

See My skin แพลตฟอร์มที่ช่วยแก้ปัญหาผิวของคนผิวสี อย่างเท่าเทียม

จาก Insight ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจึงเกิดเป็น แคมเปญ See My skin โดยแคมเปญนี้ Vaseline ได้ร่วมกับ 2 พันธมิตร คือ

  •  HUED บริษัทด้านสุขภาพดิจิทัลที่มีแนวคิดดูแลสุขภาพที่เท่าเทียมและครอบคลุมสำหรับชุมชนคนผิวดำ ละติน และชนพื้นเมือง
  •  VisualDX คลังภาพทางการแพทย์ที่ได้รับการดูแลจัดการที่ดีที่สุดในโลก และยังเป็นระบบที่ช่วยในการตัดสินใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวินิฉัยทางการแพทย์อีกด้วยค่ะ

เพื่อสร้างแพลตฟอร์มให้คนผิวสีที่มีปัญหาผิว ถ่ายรูปและอัปโหลดไปยังไซต์ ภาพจะได้รับการยืนยันโดยแพทย์ผิวหนัง และเพิ่มลงในฐานข้อมูลเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องค่ะ โดยปัญหาผิวที่พบในคนผิวสีคือ

  • กลาก 
  • มะเร็งผิวหนัง 
  • โรคสะเก็ดเงิน
  • สีผิวไม่สม่ำเสมอ จากผิวหนังที่มีเม็ดสีเมลานินที่แตกต่าง

และในการเปิดตัวแคมเปญก็มีภาพยนตร์โฆษณาเปิดตัวที่ใช้คนที่มีประสบการณ์ด้านผิวหนังจริง ๆ มาแสดง ที่สามารถทัชใจคนดูได้เป็นอย่างดีค่ะ

นอกจากนี้ Vaseline ยังซื้อโฆษณา Google โดยกำหนด SEO ที่มีความใกล้เคียงกับข้อความที่ผู้คนจะ Search เพื่อดึงดูดให้เข้ามามายังแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเป็นการช่วยคนที่มีปัญหาได้อย่างตรงกลุ่มอีกด้วยค่ะ

Real Marketing Vaseline SkinCare

ที่มา : Edelman

Vaseline Skincare ขยายกลุ่มลูกค้ามากขึ้นจาก Inequality Pick

การนำประเด็นของความไม่เท่าเทียมในสังคมมาเล่นกับแคมเปญนี้ ส่งผลให้วาสลีนสามารถซื้อใจลูกค้าได้ทั้งกลุ่มคนผิวสี และคนที่ต่อต้านการเหยียดสีผิวอย่างไม่เท่าเทียมค่ะ จากผลสำรวจในชาวสหรัฐอเมริกาพบว่า สิ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า ไม่ได้มาจากคุณสมบัติของสินค้า เพียงอย่างเดียวค่ะ 

  • 63% ของชาวอเมริกาได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์ความงามที่มีความความหลากหลายในการโฆษณา
  • 68% ของชาวอเมริกา อยากเห็นความหลากหลายในโฆษณา เพราะ”สะท้อนถึงชีวิตจริง”
  • 73% ของผู้ใหญ่ ยอมรับว่าอุตสาหกรรมความงามส่งผลต่อความไม่มั่นคงของผู้หญิง
  • 52% ของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ความงาม กล่าวว่าผลิตภัณฑ์ราคาไม่แพงบอกกลุ่มลูกค้าว่ามีความครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม

อย่างที่เรารู้กันดีว่า Vaseline เป็นสินค้าที่มีราคาไม่แพง และมีคุณภาพ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จึงไม่แปลกที่จะมีกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้นจากแคมเปญนี้

แคมเปญ See my skin สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเป็นประโยชน์กับสังคม จาก Vaseline

แคมเปญนี้นอกจากจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีว่าแบรนด์ Vaseline เป็นสินค้าที่ใส่ใจและให้ความเท่าเทียมกับลูกค้าทุกคนไม่อย่างแบ่งแยก และยังทำประโยชน์ให้กับสังคมอีกด้วย แม้จะเป็นกลุ่มคนที่สังคมไม่เหลียวแล แต่วาสลีนก็ดูแล และเเคร์เสมอค่ะ

ข้อคิดสำหรับคนทำธุรกิจ จากการ แคมเปญ Vaseline Skincare

สำหรับการทำการตลาดให้ยั่งยืนนั้น อาจมาจากการทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ของเรา มีความจริงใจกับลูกค้าจริงๆ ยิ่งเรามีความจริงใจให้กับลูกค้ามากเท่าไหร่ แบรนด์ของเราก็ยิ่งเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้มากเท่านั้น หรือแม้แต่การให้ความสำคัญกับการให้ความเท่าเทียมกันในสังคม หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจบริการ เพียงแค่ให้บริการลูกค้าอย่างเสมอภาค ไม่ว่าลักษณะ รูปร่าง หน้าตา หรือแต่งกายอย่างไร ก็บริการอย่างเต็มที่ เท่านี้ก็ได้ใจลูกค้าไปแล้วค่ะ

อ่านบทความ Skincare อื่น ๆ

อัพเดทข่าวสาร เพื่อติดปีกให้คุณเป็นนักการตลาดที่ไม่ OUT !!!  อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอน เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่ะ

Source

https://www.theguardian.com/society/2020/aug/13/decolonising-dermatology-why-black-and-brown-skin-need-better-treatment?fbclid=IwAR3bbb2vkL85342bmHz81RlaANnCpUIZi13x9jMq6nGcHFhpwUdPRMltOB8

https://www.mintel.com/press-centre/63-of-americans-are-inspired-by-beauty-brands-that-show-diversity-in-advertising/

https://www.bbc.com/news/technology-54349538?fbclid=IwAR3O0X5RP2oxlu730LoyJCuEf3YHNvpVavxq64r_4KXGAmiqhZBqYX87zB4

Chulee.

นักพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด / นักเขียนบทความการตลาด ชอบงานศิลปะ งานครีเอท ไอเดีย เจ๋ง ๆ จึ้ง ๆ! น้องใหม่ทีมการตลาดวันละตอน ฝากผลงานด้วยนะคะ :) ♥รักเวลา... เวลามีค่ามากที่สุด⏰

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *