ทำไม AI จึงสำคัญต่อการตลาดยุค Data-Driven Marketing

ทำไม AI จึงสำคัญต่อการตลาดยุค Data-Driven Marketing

AI Driven Marketing ลองมาดูกันต่ออีกสักหน่อยดีกว่าครับ ว่าทำไมนักการตลาดยุคใหม่อย่างเราควรเรียนรู้การทำงานร่วมกับ AI ไว้ตั้งแต่วันนี้

สำหรับ Case Study AI + Data-Driven Marketing ของ Harley Davidson ที่ใช้ Albert มาช่วยให้หา Lead ได้เพิ่มขึ้นกว่า 2,930% นำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าภายในสัปดาห์แรก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะการใช้ AI-Driven Marketing โดยแท้ครับ เพราะ AI สามารถทำงานเยอะๆ ได้โดยไม่ปริปากบ่น

ไม่ว่าจะต้องทำ Multi Channel Marketing กี่ช่องทางก็แล้วแต่ แถมยังสามารถปรับแต่งชิ้นงานโฆษณาจำนวนเป็นร้อยเป็นพันได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อเอาไปทดสอบว่าโฆษณาชิ้นไหนที่เวิร์คที่สุด จากนั้นก็หยุดโฆษณาชิ้นอื่นที่ไม่เวิร์คทั้งหมดในทันที

ทั้งหมดนี้ทำให้ ROI ของทีมการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ข้อได้เปรียบของการใช้ AI-Driven Marketing คือนักการตลาดที่เป็นมนุษย์อย่างเราจะไม่ต้องเดาว่าควรทำอะไรต่อดี เพราะปล่อยให้ AI ไปทำ และ AI ก็จะ Analyze Data ที่ได้มาในทันทีโดยไม่บ่นว่าจะมีข้อมูลเยอะขนาดไหน แถมยิ่งเยอะกลายเป็นยิ่งดีอีกด้วย

สุดท้ายคือทำให้นักการตลาดอย่างเราได้เห็นถึง Insight ใน Data จริงๆ อย่างการรู้ว่าคนชอบคำว่า “โทร” มากกว่า “ซื้อ” ง่ายๆ แค่นี้ก็เพิ่ม Performance กว่า 447% ครับ

ถ้าย้อนกลับไปสักนิด สำรวจวิธีการคิดการตลาดแบบ Non Data-Driven Marketing สักหน่อยจะพบว่า แต่ไหนแต่ไรมานักการตลาดยุคเก่า(หรือบางคนในปัจจุบัน) ยังคงกำหนด Buyer Personas ด้วยการเดาจากหลักกู(ประสบการณ์ส่วนตัว) แทนที่จะใช้ดาต้าให้มีหลักการ ทำให้ Customer Profile นั้นออกจะกว้างๆ จับต้องจริงไม่ค่อยได้ ง่ายกับการทำ Communication แต่ไม่ง่ายต่อการสร้าง Conversion ให้เกิดขึ้น

ซึ่ง Buyer Personas เหล่านี้มักจะสร้างจาก Data อันน้อยนิดเท่าที่มนุษย์จะประมวลผลได้ แล้วก็ใช้สัญชาตญาณเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้บริษัทมักทำแคมเปญการตลาดออกมาแล้วไม่เวิร์ค เพราะอ้างอิงจาก Buyer Personas ที่ไม่แม่นยำเอาเสียเลย

และที่หนักที่สุดคือพอทำแคมเปญการตลาดหรือโฆษณาออนไลน์ออกไปแล้วก็ไม่รู้ว่า ตกลงที่ทุ่มเทลงทุนลงแรงทำไปนั้นเวิร์คหรือไม่เวิร์คกันแน่ครับ

แต่กับการตลาดยุค AI-Driven Marketing นั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะการทำ Buyer Personas ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะเราสามารถค้นหาลูกค้าตัวจริงได้ทันทีจาก Existing Customer Data ซึ่งประกอบด้วย Purchase Data กับ Behavioural Data จากนั้นก็เอามาตั้งเกณฑ์ว่า Data แบบไหนที่สะท้อนถึงความน่าจะอยากซื้อของคนนั้น เช่น เข้ามาที่เว็บ Harley Davidson บ่อยมาก และใช้เวลานานมาก ดูก็รู้ว่าอยากได้ ก็เลยส่งโฆษณาไปกระตุ้นให้เข้ามาโชว์รูมหน่อย

และงานละเอียดที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ แบบนี้ แน่นอนว่ามนุษย์ส่วนใหญ่คงต้องขอผ่าน แต่เมื่อใช้ AI งานเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งมี Data มากยิ่งทำให้ AI ฉลาดและแม่นยำขึ้นด้วยซ้ำ

หรือให้ AI หากระทั่งว่าตัวแปรแบบไหนนะที่สะท้อนถึงการซื้อจริงๆ อย่างแม่นยำ แล้วเอา Insight นั้นมาปรับใช้กับการตลาดทั้งหมดเพื่อยกระดับ Conversion ให้สูงขึ้นอย่างมหาศาล

เหมือนที่ Harley Davidson พบว่า คำว่า “โทร” ได้ผลให้คนอยากจองมากกว่าคำว่า “ซื้อ”

AI+Data-Driven Harley Davidson เพิ่ม Lead 2,930% และยอดขายเพิ่ม 8 เท่าใน 2  วัน

และไม่ใช่ทักความสามารถในการ Analyze Data มากๆ พร้อมๆ กันเท่านั้นที่เป็นข้อได้เปรียบของ AI ที่เหนือมนุษย์ แต่ยังเป็นความสามารถในการทำงานกับปริมาณมหาศาล อย่างการปรับแต่งโฆษณาต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา นักการตลาดสาย Media Optimizer อาจดูแล Keywords ได้หลักร้อย และอาจไม่สามารถประมวลผล Data ที่หลั่งไหลมาจากทุกชิ้นงานและช่องทางที่แตกต่างกันได้

แต่กับ AI นั้นไม่ใช่ งานหลักร้อยถือว่าน้อยมาก ไปจนถึงพัน หมื่น หรือแสน ได้สบาย ส่วนการจัดการกับข้อมูลที่หลั่งไหลมามหาศาลก็ไม่ใช่ปัญหา ทำให้ AI สามารถค้นหา Pattern รูปแบบต่างๆ ได้ดีกว่า ไม่มองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบมนุษย์ และที่สำคัญคือ AI ไม่ต้องการพักกินข้าว พักนอนหลับ หยุดวันเสาร์อาทิตย์ เรียกได้ว่ามันเกิดมาเพื่อทำงานช่วยนักการตลาดยุคดาต้า 5.0 จริงๆ ครับ

ท้ายที่สุดแล้วข้อได้เปรียบของการใช้ AI-Driven Marketing คือ AI ตัดสินใจทุกอย่างโดยไม่มี Bias ไม่ใช้สัญชาตญาณหรือความรู้สึกมาปะปนแบบมนุษย์ ทำให้การตัดสินใจทั้งหมดเป็นไปตาม Algorithm ที่วางไว้ ซึ่งถ้าออกแบบมาดีแต่แรกก็ส่งผลให้ธุรกิจไปได้สวย งบการตลาดทุกบาทที่ใช้ไปมั่นใจได้ว่าจะส่ง ROI กลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แถมยังทำงานได้รวดเร็วในทันทีแบบไม่ต้องหยุดพัก ปรับกลยุทธ์ Media Buying Strategy แบบ Real-time โดยดูจาก Data ผลลัพธ์ที่ได้จากทุกชิ้นงานโฆษณาออนไลน์ในเวลานั้น

เห็นหรือยังครับว่า AI และ Data จะช่วยให้นักการตลาดนั้นสะดวกสบายและประหยัดเวลาได้อย่างไร คำถามคือวันนี้เรากำลังอยู่ใน Stage ไหนของการทำ Marketing เรากำลังเริ่มใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อช่วยให้ธุรกิจเราเติบโตในแบบที่การใช้คนอย่างเดียวทำไม่ได้หรือเปล่า

และทั้งหมดนี้ก็คือบทความชุด AI + Data-Driven Marketing จาก Case Study ของ Harley Davidson กับ Albert ครับ

Source
https://albert.ai/impact/motorcycle-harley-davidson/
https://hbr.org/2017/05/how-harley-davidson-used-predictive-analytics-to-increase-new-york-sales-leads-by-2930
https://outsideinsight.com/insights/how-volkswagen-lyft-and-harley-davidson-use-ai-to-optimize-ad-spend/
https://channelvmedia.com/case-studies/artificial-intelligence-goes-mainstream/

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *