Generative AI การศึกษา เราควรปรับตัวอย่างไร? พร้อม 3 Key success

Generative AI การศึกษา เราควรปรับตัวอย่างไร? พร้อม 3 Key success

ในช่วงปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีดิจิทัล ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในหลาย ๆ มิติ คือ “AI หรือปัญญาประดิษฐ์” จนทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก AI ที่ในปัจจุบันเริ่มแทรกซึมเข้ามาอยู่ในหลาย ๆ วงการอุตสาหกรรมมากขึ้น รวมไปถึงอยู่ในเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน อย่างเวลาไปทานข้าวก็จะต้องได้เจอกับหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารเสมอ แล้วในมุมของการใช้ Generative AI กับ การศึกษา ล่ะ?

วันนี้เลยจะพาทุกคนมาดูกันว่า แล้วในวงการของการศึกษาไทย ในยุค Edtech แบบนี้ มีการใช้เทคโนโลยีการศึกษาและการนำ Generative AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาไทยนั้นมีความสำคัญและส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง

Generative AI คืออะไร?

เทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ได้อย่างมีคุณภาพ ทั้งงานเขียน งานศิลปะ ตลอดจนสร้างคลิป VDO ภาพเเละเสียงได้เอง ราวกับมุนษย์เป็นผู้สร้าง เราเรียกสิ่งนี้ว่า Generative AI 

หรืออธิบายโดยสรุปอย่างเข้าใจง่ายคือ เป็นเทคโนโลยีที่สร้างข้อมูลใหม่ขึ้นมาได้แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ ภาพนิ่ง วิดีโอ และสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้โดยอิงตามข้อมูล หรือ Keyword ที่มนุษย์ป้อน 

ซึ่งปัจจุบันนี้ ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานง่ายมากขึ้น ไม่จำกัดแค่คนที่ทำงานสาย Tech เท่านั้น หลากหลายวงการ ได้นำ Generative AI มาใช้งานในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ โดยใช้เวลาไม่นาน ประหยัดเวลา ทรัพยากร และสามารถปรับแก้เนื้อหาได้ตามต้องการกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ การศึกษา ก็ได้นำ Generative AI มาใช้ด้วย

แม้ Generative AI จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างสรรค์ผลงาน การทำงาน การเรียน การสอน และอีกหลาย ๆ กิจกรรม สะดวกขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยและความโปร่งใส จนถึงความถูกต้องของเนื้อหาที่ผลิต 

แต่ก็ยังมีข้อกังวลด้วยว่าการมาของการใช้ Generative AI การศึกษา อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการการศึกษาไทยหรือไม่ และผู้สอน ผู้เรียน หรือแม้แต่ผู้ปกครอง ในวันนี้ควรเตรียมตัวอย่างไร มาดูกันต่อค่ะ

เมื่อ Generative AI นำมาใช้ในการศึกษาไทย ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ปกครอง ควรปรับตัวอย่างไร?

เทคโนโลยี Generative AI การศึกษา ได้นำมาประยุกต์ใช้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่กลุ่มผู้สอน คุณครู อาจารย์ ที่ใช้ช่วยออกแบบแผนการสอน สื่อการสอน ใช้ตรวจสอบความถูกต้อง แทนวิถีเดิมที่อาจจะต้องไปค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Google หรือหลาย ๆ แหล่งข้อมูล ทำให้ประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น 

หรือกลุ่มผู้เรียน นักเรียน นักศึกษา ซึ่งถือเป็นกลุ่ม Early Adopter หรือผู้เปิดรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงชอบทดลองก่อนใคร ก็นำ Generative AI การศึกษา มาช่วยในการค้นหาข้อมูล ทำการบ้าน ทำวิดีโอ ทำสไลด์นำเสนองาน หรือแม้แต่นำมาช่วยระดมไอเดียต่อยอดสร้างเป็นผลงานส่งให้ผู้สอน ช่วยแก้ปัญหาการคิดไอเดียไม่ออก 

แม้จะมีประโยชน์และกลายมาเป็นผู้ช่วยสำคัญ แต่ก็เกิดคำถามตามมามากมายว่า หลังจากนำ Generative AI เข้ามาใช้แล้ว อาจารย์ยังคงจำเป็นหรือไม่ เด็กไม่ต้องทำการบ้านส่งแล้วหรือเปล่า
อนาคตการศึกษาต่อไปจะเป็นเช่นไร ตลอดจนโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือกระทรวงการศึกษายังจำเป็นอยู่ไหม 

ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายของผู้สอน ผู้เรียน และผู้ปกครอง แต่ในความท้าทายนี้ไม่ได้ต้องกลัวกับเทคโนโลยีที่เข้ามานะคะ ให้มองว่าเป็นเหมือนตัวช่วยที่มาทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายและได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น เพียงแต่ควรต้องปรับตัว ทำตัวให้พร้อมตั้งรับและเท่าทันเทคโนโลยีค่ะ

เริ่มที่ผู้สอน ต้องพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เน้นการสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการคิด ประยุกต์ใช้ข้อมูล มากกว่าการตอบแบบคัดลอกข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต

ส่วนผู้เรียน ต้องใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ รู้เท่าทันข้อมูลที่ได้มา มีทักษะการตรวจสอบความถูกต้อง และรู้จักค้นหาคีย์เวิร์ดด้วยคำที่เหมาะสม 

และผู้ปกครอง ต้องพร้อมเปิดใจ รับสิ่งใหม่และเรียนรู้ไปกับลูก ชี้แนะการใช้งานที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กรู้จักการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

การประเมินผลการเรียนยุค EdTech ให้เน้น ‘กระบวนการคิด’ ของเด็ก

การนำ Generative AI มาช่วยสร้างสรรค์ผลงานในวงการ การศึกษา เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ
ที่เกิดการตั้งคำถามเช่นกันว่า แล้ววิธีการประเมินผลการเรียนต้องมีการปรับเปลี่ยนไปไหม

นี่ไม่ใช่การตั้งคำถามแรก ๆ เนื่องจากตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 การศึกษาไทยได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น และให้เด็กทำข้อสอบที่บ้านได้ 

ตัวอย่างเช่น ระหว่างเด็กที่ใช้เครื่องมือกับไม่ใช้เครื่องมือ Generative AI อาจารย์จะให้คะแนนยังไง เมื่อได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือน ๆ กัน 

แต่สิ่งที่ตามมาคือ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เด็กหาคำตอบของข้อสอบด้วยวิธีการไหน ฉะนั้นการออกข้อสอบรูปแบบเดิม หรือการวัดผลแบบเดิม อาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมที่สุดและอาจไม่สอดคล้องกับบริบทตอนนี้แล้ว 

ดังนั้นหากใช้ Generative AI กับ การศึกษา แปลว่าแนวทางและการประเมินผลการเรียนยุค EdTech ของสถาบันการศึกษาต่อเด็ก ควรเน้น Process มากกว่าเพียงแค่ Output แบบเดิม คือ เน้นสนใจที่กระบวนการทำงาน การคิดของเด็กมากกว่าสนใจผลลัพธ์แบบเดิม ๆ

ประเมินว่าพวกเขามีวิธีคิดในการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อสร้างประโยชน์ ต่อยอด สร้างสรรค์ผลงานต่อไปอย่างไร พร้อมสอนให้เด็กในฐานะผู้ใช้เครื่องมือ ต้องรู้จักรับผิดชอบต่องานที่ทำส่ง มีการวิเคราะห์ ตรวจสอบข้อมูลมากขึ้น 

ขณะที่ผู้สอนต้องช่วยติดตามสอดส่อง สอนให้เด็กเรียนรู้วิธีการนำความรู้จากการใช้เครื่องมือมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โปร่งใส มีจริยธรรม เพราะเด็กยังต้องการความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติม ย่อมต้องการผู้รู้คอยแนะนำและชี้ทางไม่ต่างจากการเรียนการสอนรูปแบบเดิม 

3 Key Success ใช้ Generative AI ให้เกิดประโยชน์ สู่การสร้างความสำเร็จ

ถึงแม้ว่าการใช้เทคโนโลยี Generative AI การศึกษา อาจจะสร้างข้อกังวลให้ใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าทุกคนรู้จัก
รู้เท่าทัน และใช้เป็น ก็ย่อมสามารถใช้ประโยชน์ สร้างโอกาสให้กับตนเอง รวมทั้งยกระดับและพัฒนาวงการการศึกษาไทยให้ก้าวทันโลกอนาคตได้

ซึ่งการใช้เทคโนโลยี Generative AI ให้ประสบความสำเร็จ มี Key Success หรือกุญแจสำคัญ อยู่ 3 ข้อ ได้แก่

1. เสริมทักษะด้าน Soft Skill ควบคู่ทักษะทางดิจิทัล 

จะช่วยสร้างข้อได้เปรียบ เนื่องจากเทคโนโลยี AI ยังไม่สามารถทำวิชาเกี่ยวกับทักษะทางสังคมที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้ ยกตัวอย่างเช่น ด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ในบางส่วน ด้านการสื่อสารระหว่างบุคคล รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางร่างกาย

2. ต่อยอดทักษะการใช้ AI

การมีทักษะการใช้ AI ที่ดี นอกจากจะช่วยลดเวลาทำงานได้แล้ว ยังทำให้ค้นพบอาชีพใหม่ได้ด้วย เช่น อาชีพ Prompt engineering ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบชุดคำสั่งที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในขณะนี้

3. ใช้ Generative AI สร้างโอกาสทางการศึกษาได้ 

เนื่องจากศักยภาพและเป้าหมายของเด็กต่างกัน หากใช้ AI มาสร้างโปรแกรมการเรียนการสอนที่เหมาะกับเด็กแต่ละกลุ่มได้ ก็จะช่วยสร้างมิติใหม่ให้การศึกษาไทย และยังช่วยสนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ​

Generative AI and the Future of Education พาทุกคนไปมองอนาคตการศึกษาไทยกับการใช้ Generative AI

เมื่อเห็นถึงความสำคัญของการใช้ Generative AI การศึกษา ดังนั้นสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) โดยศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance Clinic by ETDA หรือ ศูนย์ AIGC) ได้เห็นความสำคัญของการใช้ Generative AI กับการศึกษา จึงมีการจัดเสวนา Generative AI and the Future of Education พาทุกคนไปมองอนาคตการศึกษาไทยกับการใช้ Generative AI 

ที่มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาชั้นนำจากทั่วประเทศมาแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ได้แก่ 

  • ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาอาวุโส ETDA คุณนรพล ดีช่วย ประธานหลักสูตร สาขาวิชาเทคโนโลยีมีเดีย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 
  • คุณศรีสุดา วินิจสุวรรณ์ผู้ก่อตั้ง S.Sustainovate และที่ปรึกษาด้าน Digital Communication และ Storytelling หลายองค์กรชั้นนำ 
  • คุณณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ช่อง MONO29 และเจ้าของเพจพ่อม้าน้ำและแม่หมีกริซลี 

มาร่วมพูดคุยเปิดอนาคตการศึกษาไทยในยุค EdTech เพื่อให้ได้ความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำ AI ไปใช้อย่างมีธรรมาภิบาล และตอบโจทย์มากที่สุด 

และผู้สนใจข้อมูลเสวนา Generative AI and the Future of Education อนาคตการศึกษาไทยกับการใช้ Generative AI สามารถฟังเพิ่มเติมได้ที่ https://fb.watch/m0uMzSFpht/

จะเห็นว่า Generative AI ถ้าใช้ให้เป็นจะมีประโยชน์มาก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับการใช้ Generative AI ในวงการการศึกษา จะเห็นได้เลยว่าการมาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Generative AI อาจไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด หากเริ่มทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้คืออะไร มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร รวมถึงเราจะใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ได้อย่างไร

เมื่อได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้สอน ผู้เรียน หรือผู้ปกครอง ก็จะเกิดการรู้เท่าทันการใช้งาน Generative AI ควบคู่การใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นคงปลอดภัยไม่น่ากลัว

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังอยู่ในวงการการศึกษาไทยนะคะ ในการรู้เท่าทันและปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง รวมไปถึงคนที่อยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ทางผู้เขียนเองก็เชื่อว่า Generative AI คงได้เข้ามามีบทบาทกับธุรกิจเช่นกัน ก็สามารถนำไปปรับใช้และต่อยอดได้ว่าควรปรับตัวอย่างไรให้รู้เท่าทันและไม่ต้องกลัวแต่ใช้เทคโนโลยีมาเป็นผู้ช่วยเราแทนค่ะ

ติดตามข้อมูลดิจิทัลดี ๆ ของ ETDA เพิ่มเติมได้ที่ทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย ETDA Thailand

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอน ที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram TwitterYoutube และ Blockdit ได้เลยค่า

Fern Panassaya

เฟิร์น Junior Marketing Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน รักแมวอ้วนและหมาโกลเด้น ตั้งใจสร้างสรรค์ทุกผลงาน ฝากเป็นกำลังใจและติดตามคอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อจากนี้ด้วยค่ะ <3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *