การตลาด ห่านคู่ ปรับตัวยังไงให้อยู่คู่คนไทยในทุกเจนฯ

การตลาด ห่านคู่ ปรับตัวยังไงให้อยู่คู่คนไทยในทุกเจนฯ

การตลาด ห่านคู่ เสื้อยืดธรรมดาที่ทำมาดี ปรับตัวยังไงให้อยู่คู่คนไทยในทุกเจนฯ

ถ้าให้นึกถึงแบรนด์เสื้อยืดในตำนาน ‘ห่านคู่’ คงเป็นคำตอบแรก ๆ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึง เพราะตั้งแต่อาแปะร้านขายของ อากงร้านทอง คุณป้าร้านขายข้าว หนุ่มสาววัยทำงาน หรือแม้แต่เด็กรุ่นใหม่ ก็ต้องเคยได้ใส่ห่านคู่กันสักครั้ง จะบอกว่าห่านคู่ล้วนอยู่คู่คนไทยทุกเจนก็คงไม่ผิดซะเท่าไหร่

ในบทความนี้เราจะมาถอดแนวคิด กลยุทธ์การตลาด ของ ‘ห่านคู่’ เสื้อยืดในตำนานที่ยังมีชีวิต ว่าแบรนด์นี้มีวิธีคิดยังไง ทำการตลาดแบบไหน ดำเนินการอย่างไรถึงอยู่คู่คนไทยมาถึงทุกวันนี้กันค่ะ โดย กลยุทธ์การตลาด ที่เราจะมากะเทาะกันนั้นมาจาก คุณคุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยแลนด์นิติ้ง จำกัด ที่ได้มาแชร์ถึงแนวคิดการ ปรับและเปลี่ยน รับความสำเร็จของห่านคู่ ในงาน Thailand Marketing Webinar 2023

วงในออกมาเปิดเผยกันแบบนี้รับรองได้ว่าจริงแท้แน่นอน!

ทำไมต้องเป็น ‘ห่านคู่’?

คนทำแบรนด์น่าจะเข้าใจกันดีว่า ชื่อแบรนด์สำคัญ จะตั้งแบบไร้หลักการก็คงเป็นไปไม่ได้ ห่านคู่เองก็เช่นกันค่ะ ที่มีที่ไปและแฝงนัยยะเอาไว้ในชื่อของแบรนด์หลายคนอาจจมองว่าเสื้อยืด ก็เป็นแค่เสื้อยืด สีขาว ๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย แต่กลับห่านคู่แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เพราะห่านเป็นชื่อที่สื่อถึงความขาว นุ่ม เบาสบาย ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติและ Core value ที่ห่านคู่มักส่งต่อให้กับผู้บริโภคเสมอ

ดังนั้น หากเราอยากให้ผู้บริโภคเข้าใจได้เลยว่าเสื้อแบรนด์ของเรานุ่ม สบาย ห่านจึงเป็นชื่อที่สื่อถึงสิ่งนั้น ๆ ได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ แต่จะนุ่มสบายอย่างเดียวมันก็คงไม่แปลกใหม่อะไร ห่านตัวเดียวมันไม่พอ เลยแพ็คคู่มาเป็น ‘ห่านคู่’ ซะเลย

นอกเหนือจากนี้ คุณคุณากร ธนสารสมบัติ ยังได้แชร์อีกว่า Frameworks กลยุทธ์การตลาด สำคัญในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจของห่านคู่มีด้วยกัน 4  Frameworks ได้แก่

  1. การเข้าใจแก่นของธุรกิจ
  2. การเข้าใจคุณค่าของสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ห่านคู่ ผ่านการเข้าใจและมองในมุมของผู้บริโภคจริงๆ
  3. ทุกคนทำด้วยกัน เป็นภารกิจของ “ครอบครัวห่านคู่” ที่ต้องพิชิตไปด้วยกัน และ
  4. การทำทุกอย่างให้เป็นระบบ

โดยแต่ละ Framework เราจะพามาเจาะลึกไปพร้อม ๆ กันในส่วนถัดไปค่ะ

เข้าใจแก่นของธุรกิจ ใส่ใจทุกกระบวนการการผลิต

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ ห่านคู่ ส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีถึงมือผู้บริโภคได้นั้นก็คือ การเข้าใจธุรกิจ หรือ Business Scope กล่าวคือเป็นการมองว่าธุรกิจเราอยู่ตรงไหน แล้วสามารถต่อยอดหรือเพิ่มคุณค่าได้ยังไงนั่นเองค่ะ

อย่างห่านคู่เองรู้ตัวว่าธุรกิจของเราอยู่ในวงการเสื้อผ้า เจาะลึกลงมาคือเสื้อยืด การที่จะทำเสื้อยืดดี ๆ ตัวหนึ่งออกมาได้ มันไม่ใช่แค่การสร้างแบรนด์หรือสร้างภาพลักษณ์แค่เบื้องหน้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้าใจและใส่ใจกระบวนการผลิตแบบทุกขั้นตอน

ห่านคู่ใส่ใจ Supply chain ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำให้มีประสิทธิภาพ

ทำให้ดี ตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว ถักทอเส้นใย ดีต่อมาคือตัดเย็บให้ดี ให้เนี๊ยบ ให้มีคุณภาพ และส่งต่อความดีสุดท้ายที่ปลายน้ำคือการแพ็คสินค้า ถุงไม่ขาด โลโก้ไม่เบี้ยว เพื่อส่งต่อถึงมือลูกค้าได้อย่างดีพร้อมสมบูรณ์แบบ

ดังนั้น หากอยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ กลยุทธ์การตลาด หน่วยแรกอย่างสินค้า (Product) คือสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ ใส่ใจในทุกขั้นตอน ส่งมอบของดีให้ลูกค้า แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะส่งต่อ ออกดอกออกผลในระยะยาวให้เรา

ลองนึกภาพง่าย ๆ ค่ะ เราซื้อของจากแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมาครั้งแรก แต่ได้ของไม่ดีมาเราก็ไม่อยากจะซื้อต่อ หรือต่อให้ครั้งแรกดี แต่ครั้งต่อ ๆ ไปไม่ดี คุณภาพไม่สม่ำเสมอ ความไว้วางใจในแบรนด์จะลดลงเรื่อย ๆ ในระยะยาวคงไม่ต้องสืบเลยว่า เจ๊งแน่นอน ถ้าไม่ปรับปรุง

เข้าใจคุณค่าของแบรนด์ ผ่านการเข้าไปในใจของผู้บริโภค

กลยุทธ์การตลาด ถัดมาที่น่าสนใจคือ การเข้าใจคุณค่าของสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ห่านคู่ ผ่านการเข้าใจและมองในมุมของผู้บริโภคจริง ๆ โดยคุณค่าของ ห่านคู่ ถูกนิยามและให้คุณค่าผ่านการสะท้อนความคิดเห็นและความพึงพอใจของลูกค้าที่มีประสบการณ์การใช้งานจริงที่ว่า

“ทนทาน ยิ่งซัก ยิ่งใส่ ยิ่งสบาย”

พอรู้แบบนี้แล้ว ห่านคู่จึง Repurpose หรือหา mission ใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำจุดเเข็งและสร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ผนวกกับตัวตนแบรนด์ จนได้ gain หรือ core value ออกมาคือ “การทำเสื้อยืดที่ดีที่สุด” ให้เป็น The best of it’s kind

ซึ่งการทำเสื้อยืดที่ดีที่สุดก็จะสอดรับไปกับ กลยุทธ์การตลาด แรกที่ว่า เข้าใจแก่นของธุรกิจ ใส่ใจทุกกระบวนการการผลิต ทำให้ดีแต่แรก สิ่งถัดไปย่อมดีตาม ติดกระดุมก้าวแรกถูกก้าวต่อ ๆ ไป มักถูกไม่ต้องมาตามแก้ทีหลังให่วุ่นวาย ซึ่งเราก็จะเห็นได้เลยว่านอกจากจะเข้าใจและใส่ใจในกระบวนการผลิตแล้ว เรายังจะต้องการใส่ใจและเข้าใจผู้บริโภคอีกด้วย เพื่อส่งมอบและตอบโจทย์พวกเขาให้ดีที่สุด

ชวนทุกคนมาร่วมภารกิจ ‘ครอบครัวห่านคู่’ ร่วมกัน

ปัจจัยภายในอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามคือ ‘คน’ คนที่ทำงานให้กับเรา คนในบริษัทเรา เพราะคนเหล่านี้ถือเป็น ครอบครัวห่านคู่ ที่เราต้องบ่มเพาะ ปลูกฝังให้พวกเขารู้สึกอยากที่จะส่งต่อ ‘สิ่งดี ๆ’ ให้กับผู้บริโภค หากพวกเขารู้สึกผูกพันและรักมั่นใจห่านคู่ การกระทำของพวกเขาย่อมใส่ใจและเต็มใจที่จะส่งมอบสิ่งดี ๆ ต่อไปนั่นเองค่ะ

อารมณ์คล้าย ๆ กับคนที่รักจริงใจงานกับคนที่ทำงานไปวัน ๆ คุณภาพของสิ่งที่ทำออกมาย่อมต่างกันแน่นอน

โดยภายในจะมีการชวน “ครอบครัวห่านคู่” มาร่วมภารกิจต่าง ๆ มาทำให้เสื้อยืด “ดี” ได้อย่างไร ดีที่วัตถุดิบ ดีที่ผลิตวัตถุดิบที่ดี ดีที่ได้ผลิตอย่างสม่ำเสมอและมีคุณภาพ ดีที่ให้บริการลูกค้าที่ดี ดีที่ให้บริการคู่ค้าของเราที่ดี และดีที่ทุกหน่วยงานในครอบครัวห่านคู่ได้ขับเคลื่อนและส่งมอบความดีนี้ให้ลูกค้าและคู่ค้าไปพร้อมกัน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นคนจัดตั้งขึ้นมา

บอกได้เลยว่านอกจากของจะดีแล้ว คนก็ต้องดีตาม ทำให้บุคลากรรักในงาน เต็มใจที่จะทำงาน ย่อมส่งต่อสิ่งดี ๆ ได้อย่างแน่นอนค่ะ

ทำให้ ‘กลยุทธ์การตลาด’ เป็นจริง โดยการทำทุกอย่างให้เป็นระบบ

เราจะเห็นได้เลยว่าเป้าหมายของ ห่านคู่ คือ “การทำเสื้อยืดที่ดีที่สุด” พอมีเป้าหมายที่ชัดเจน ขั้นตอนต่อไปคือสร้างระบบและกระบวนการเพื่อสร้าง Awareness แก่กลุ่มเป้าหมายเพื่อให้สิ่งที่เราวางมา ตั้งหวังไว้นั้นสำเร็จผ่านกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

การตลาด Re-Introduction สร้างภาพลักษณ์ ห่านคู่ ใหม่ ๆ ผ่านการ Collab กับแบรนด์อื่น

สิ่งหนึ่งที่ห่านคู่ทำ คือการ Re-Introduction แนะนำตัวใหม่ ผ่านการ collaboration แบรนด์ต่าง ๆ เช่น กับ Carnival ทำเป็นคอลแลคชั่นใหม่เพื่อสะท้อนภาพแบรนด์ในมุมใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคได้เห็นว่า ห่านคู่ ไม่ใช่แบรนด์สำหรับอาแปะ อากง อาเจ๊รุ่น Baby Boomer อย่างเดียวเท่านั้น

แต่เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงและสวมใส่ได้กับคนทุกรุ่น ทุกเจน เพราะอยากเป็นตำนาน เป็นเสื้อยืดที่ดี มันต้องดีพร้อมให้กับคนทุกช่วง ในช่วงเวลาหนึ่งที่เทรนด์เสื้อ Oversize ฮอตฮิตในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งสองแบรนด์จึงได้ร่วมสร้างแพทเทิร์นเสื้อแบบใหม่ที่ห่านคู่ไม่เคยผลิตมาก่อน โดยเสื้อจะเป็นแบบ Oversize เพื่อตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มองหาเสื้อที่เป็นไซส์ S M L XL อีกต่อไป

Brand Engagement คุยกับลูกค้า ให้มามีประสบการณ์กับแบรนด์ จับ Insight คนธรรมดา สู่แคมเปญไวรัลฮิตทั่วบ้านเมือง

ความท้าทายที่ทุกแบรนด์ต้องเจอคือการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เข้าถึงยังไงให้ตรงใจ ทำยังไงให้คนมา Engage กับแบรนด์ สิ่งเหล่านี้ล้วนคิด พูดและทำง่าย แต่ความเป็นจริงแล้วทำยาก

แต่กลับห่านคู่นั้นไม่ใช่ เพราะ กลยุทธ์การตลาด ที่สำคัญอย่างหนึ่งของ ห่านคู่ คือการเข้าใจผู้บริโภคแบบถึงแก่น ห่านคู่ จับ Insight ของผู้บริโภคได้อย่างหนึ่งคือ ‘โตขึ้นมาแล้วอยากเป็นคนธรรมดา’ ‘อยากทำอะไรก็ได้ที่มันธรรมดา’ ‘แค่อยากใช้ชีวิตง่าย ๆ อยู่บ้าน เลี้ยงแมว’ นำมาสู่แคมเปญไวรัลสุดฮิตอย่าง

ถึง คุณ…คนธรรมดา

ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา สามารถจับใจคนธรรมดาหลายคนได้อยู่หมัด รวมทั้งแบรนด์ต่าง ๆ เองก็เข้ามาร่วมขบวนความธรรมดานี้ด้วยเช่นกัน จนสร้าง Brand Engagement ที่ถล่มทลาย สร้างพลังงานบวกได้อย่างล้มหลาม

ดังนั้น การสร้าง Brand Engagement หรือการพูดคุยกับลูกค้าให้มามีประสบการณ์กับแบรนด์ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ยาก หากเราเข้าใจถึงความต้องการและความรู้สึกของผู้บริโภคได้ดีมากพอ อย่าง ห่านคู่ ก็ได้มีการจัดกิจกรรมและออกสินค้าร่วมกับนันยาง หรือการทำการสื่อสารเพื่อตอกย้ำ Message ของแบรนด์ที่ขยี้ “ความดี” ที่ห่านคู่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างคนธรรมดาทุกคนสู่วลี ‘เสื้อยืดธรรมดาที่ทำมาดี’ ฟังแค่นี้ก็คิดถึง ‘ห่านคู่’ ได้อย่างง่ายดาย

Brand Adoption ขยายสาขา Refresh สินค้าออก New product line ให้เกิดการทดลองใช้สินค้าจริง

กลยุทธ์การตลาดสุดท้าย คือ Brand Adoption การทำให้เกิดการทดลองใช้สินค้าจริง โดยห่านคู่เริ่มจากการ Refresh สินค้าและพัฒนาแบรนด์ลูกอย่าง DBGS  (ดีบีจีเอส) ที่เป็นอักษรย่อมาจากคำว่า “DOUBLE GOOSE” ชื่อแบรนด์ห่านคู่ที่เป็นภาษาอังกฤษ เสื้อผ้าสายสตรีทแวร์ เอาใจคนรุ่นใหม่อย่างเหล่าวัยรุ่นเจนซี (Gen Z)

พร้อมแนะนำสินค้าในรูปแบบใหม่ผ่านการเปิด Kiosk และขยายสาขาของห่านคู่ให้มากขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ใครไปใครมาก็สามารถเข้ามาจับ สัมผัสเนื้อผ้าได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันโลกออนไลน์คือหนึ่งในช่องทางการซื้อขาย

แต่การสร้างพื้นที่เปิดให้คนได้เข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์หรือสินค้า ย่อมสามารถทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการพัฒนาแบรนด์ให้ก้าวทันยุคสมัย การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ และนำสิ่งเก่ามาปรับใช้และต่อยอดให้ดีขึ้น เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรทำหากอยากจะเป็นตำนานเหมือน ‘ห่านคู่’

สรุป การตลาด ห่านคู่ ปรับตัวยังไงให้อยู่คู่คนไทยในทุกเจนฯ

ทั้งมวลทั้งมวลนี้ เราจะเห็นได้เลยว่า การเดินทางจากเสื้อกล้ามและเสื้อยืดสีขาวสู่ Lifestyle สำหรับทุกคน ‘ห่านคู่’ อยู่คู่กับคนไทยมาเเล้วกว่า 70 ปี และเส้นทางของ ‘ห่านคู่’ ไม่ได้หยุดตามกาลเวลา แต่กลับพัฒนา ปรับตัว จับ Insight แก้ไข pain point ผู้บริโภค จนสามารถเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคได้ทุก generation ห่านคู่จึงถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทำการตลาดได้อย่างสร้างสรรค์

จนสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องด้วยตัวตนของแบรนด์ที่ “ทำมาดี” จนสามารถสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง และสร้างภาพจำด้วยสโลแกนสุดฮิตอย่าง “ธรรมดาที่ทำมาดี” อยู่ฮิตคู่คนไปไปอีกนานแสนนาน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

Toey Waritsa

ใบเตย หรือเรียกว่าเตยก็ได้ค่ะ ทำ Data Research Insight เป็นอาชีพเสริม อาชีพหลักเลี้ยงแมว ทุกบทความเขียนออกมาด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อหาเงินเลี้ยงแมวค่ะ😺🫶🏻

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *