IG Story trends – แข่งกันวาดรูปจากหน้าปกเพลง Spotify

IG Story trends – แข่งกันวาดรูปจากหน้าปกเพลง Spotify

IG Story เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สุดฮิตที่พอ Instagram ปล่อยออกมาก็เปรี้ยงสุดๆ แถมยังเคยมี Challenge มากมายเกิดขึ้น เพราะคนสามารถเล่นได้ง่าย และหมดไปไวๆ เพียง 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเก็บเอาไว้เพื่อให้รกหน้าตา Image ของไอจีที่หลายคนหวงนักหวงหนาเพราะคุมโทน อย่างช่วง COVID19 ที่ผ่านมา Instagram Trends ช่วงนั้นก็คือการทำ Questionaire ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลงที่ชอบ หรืออาหารที่ชอบมากกว่า เป็นต้น 

วันนี้กลับมาอีกครั้งแล้ว กับเทรนด์บนสตอรี่ไอจีที่หลายๆ คนแห่กันเล่น หรือแอบลองวาดอยู่คนเดียวจนกว่าจะพอใจค่ะ นั่นก็คือ trend การวาดรูปจากหน้าปกเพลงที่ตัวเองชอบจาก Spotify มีใครเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้วหรือยังคะ? เพราะรุ่นน้องและเพื่อนของเพลินเล่นกันผ่านตาช่วงนี้บ่อยอยู่

https://twitter.com/pwnnxr/status/1338762862186008576?s=21

วิธีการเล่นก็ง่ายๆ เพียงเข้าไปที่ Spotify แล้วแชร์เพลงที่ตัวเองชอบลง IG Story แบบที่หลายๆ คนมักทำกันประจำ ไม่ว่าจะเพื่อบ่งบอกอารมณ์ ณ ขนาดนั้น หรือจะเพราะเราชอบศิลปิน เพลงนี้ หรือ Insight อีกอย่างคือการแชร์เพลงที่มี Niche Market อย่างเพลงอินดี้ หรือนักร้องที่ไม่ค่อยแมสนัก เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นถึงความต่างที่ตัวเองภูมิใจ เป็นต้น

พอเราแชรฺ์เพลงที่เราพอใจแล้ว จะเห็นว่า Background ของไอจีสตอรี่จะถูก Customize ตามสีของหน้าปกเพลงนั้นๆ จาก Spotify หน้าปกจริงๆ มีเพียงขนาดเล็กๆ ตรงกลาง ในขณะที่ Background สีๆ มีพื้นที่ใหญ่มาก ตรงนั้นแหละค่ะ ที่ไอเดีย Creativity กำเนิด นั่นก็คือการต่อเติมให้ภาพนั้นเต็มมากขึ้นผ่านปลายนิ้วหรือปลายปากกาของแต่ละคน เป็นต้น

https://twitter.com/shinjii_____/status/1338881026337062912?s=21

ใครวาดสวย วาดได้เนียน ก็จะมีคนพูดถึงเยอะหน่อย ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ออกไปแบบ Cross platform อย่างบน Twitter เป็นต้น เห็นไหมคะ เทรนด์ใหม่ของ IG Story ที่เรา นักการตลาดทุกคนต้องตามมันให้ทัน อย่าปล่อยมันผ่านไป ที่สำคัญคือการมอบหมาย Oppotunity ใหม่ๆ จากเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเทรนด์นี้ค่ะ

จะเอา IG Story Trends ไปปรับใช้อย่างไร?

จะเห็นได้ว่า IG Story นั้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้าง Engagement ได้เป็นอย่างดี แต่เพราะนักการตลาดหลายๆ คนมัวแต่กลัวว่า ภาพ User Generated Content เหล่านั้นจะหมดไปภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับการลงเงิน แต่ยินดีกับการลงภาพบนหน้า Feed แล้ว 1 เดือนค่อยลบแทน 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาแบบนี้มันแก้ได้ด้วยการตั้งกติกา อย่างการลงสตอรี่ พร้อมการ Capture แล้วส่งเข้ามาใน Inbox Message เป็นการยืนยันว่าลงแล้วนะ พร้อมกับการเปลี่ยนวิธีคิดว่า ถ้า Challenge Campaign บน IG Story เกิดเป็นที่นิยมขึ้นมา Brand Resonance หรือ Product Resonance จะไปไกลแค่ไหน ทั้ง Awareness และ Engagement มาพร้อมกันได้ทั้ง 2 objectives เลยค่ะ ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดแบบนี้ได้ แคมเปญบนไอจีสตอรี่ก็เป็นไปได้แล้ว

ที่เหลือก็คือ Creativity ในการจัดแคมเปญเลย ว่าเราจะเล่นอย่างไร จะเป็นการวาดรูป ใช้ AR filter ใช้ Questionaire ง่ายๆ หรือแบบไหนที่คนจะชอบ และแสดงออกถึงแบรนด์ไปพร้อมๆ กันได้ นอกจากนี้อย่าลืมว่า ไอจียังมีทั้งปุ่ม Question / Poll / Level และอื่นๆ ที่เราในฐานะแบรนด์สามารถทำได้ เก็บข้อมูลเบื้องต้นด้วย เป็นต้นค่ะ

ดังนั้นใครที่มีลูกค้าส่วนใหญ่ที่อยู่บน Instagram เพลินแนะนำเลยว่า อย่าพลาดการใช้ Story ในการสื่อสาร แต่ขอย้ำว่า ไม่ใช่การยิงโฆษณาอย่างเดียวนะ แต่หมายถึงแคมเปญบน Story เลยค่ะ ยิ่งอะไรที่ทำให้คนได้ลงแรง อย่างการวาดรูปแล้วละก็ บอกเลยว่ายังไงซะคนก็อยากที่จะแชร์ เพราะมันคือความภาคภูมิใจที่มันใส่ลงไปในนั้น ลองใส่สตอรี่ลงไปในแคมเปญหน้าๆ บ้างนะคะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *