ส่อง Pain point ของคนดู Streaming เป็นเหมือนกันไหม?

ส่อง Pain point ของคนดู Streaming เป็นเหมือนกันไหม?

ชั่วโมงว่างงาน พักผ่อนเดี๋ยวนี้เราใช้มันไปกับการทำอะไรกันบ้างคะ? เชื่อเลยว่าต้องมีคนบอกว่าดูหนัง ดูซีรีส์ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Netflix / WeTV / Viu / Disney+ Hotstar และอื่นๆ แน่ๆ แล้วเวลาที่เราดูคอนเทนต์จากช่องทางเหล่านี้ เราเคยรู้สึกถึงปัญหาอะไรบ้างไหม? ล่าสุด Brandwatch เค้าสรุป 6 Pain point ของคนดู Streaming ออกมา มีหลายข้อที่เพลินก็เป็นเหมือนกัน มาดูกันค่ะว่าคุณเป็นเหมือนกันไหม

Social data เกี่ยวกับการ Mention ถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิง

ต้องบอกว่าการพูดถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิงบน Social Media นั้นเติบโตขึ้นมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2020-2021) ส่วนสาเหตุคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้านทุกวันหยุดและหลังเลิกงาน หากดูจากกราฟจะเห็นชัดมากว่า Spike การพูดถึงช่องทางดูหนัง ดูซีรีส์พวกนี้พุ่งช่วงต้นปี 2020 จริงๆ แล้วก็ลากยาวมาเรื่อยๆ เลย

อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องของสถานการณ์โรคระบาดแล้ว ยังมี Spike ที่เกิดจากการเปิดตัวของสตรีมมิงช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น Disney+ นั่นเองค่ะ ซึ่ง Brandwatch เค้าก็พบด้วยว่า การพูดถึงของคนเกี่ยวกับแบรนด์สตรีมมิงเหล่านี้นั้นเพิ่มขึ้น 57% เลย หากเทียบตัวเลขกันระหว่างเดือนสิงหาคมปี 2019 กับเดือนสิงหาคมปีนี้หรือ 2021 ค่ะ

พอมีคนพูดถึงช่องทางเหล่านี้ เราเองก็ต้องอยากรู้เนอะว่า แล้วคนเค้าพูดถึงช่องทางเหล่านี้ด้วย Topic อะไรบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้เพลินเคยสรุปของตัว Disney+ Hotstar ในไทยไปแล้ว นักการท่านใดสนใจสามารถย้อนกลับไปอ่านกันได้ค่ะ แต่ขอบอกว่ารายงานฉบับนี้สรุปรวบทุก Topic มาให้นะคะ แต่เค้าสรุปเป็นเรื่องของ Pain point ของคนดูสตรีมมิงมาให้มากกว่า

โดยหลักการการกวาด Social Data เรื่อง Pain point นี้ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นการจับ Keywords ที่ดูแล้วจะเป็นเชิง Negative ซึ่ง Keywords ที่พวกเค้ามองหาแล้วจับมาก็คือประโยคอย่าง ‘I hate when’ (เกลียดที่เวลาจะ..) หรือ ‘annoying when’ (เบื่อที่มันชอบ…) โดยหลักการก็คือต้องเป็นประโยคเบื่อที่อยู่ใกล้ๆ กับชื่อแพลตฟอร์มสตรีมมิงทั้งหลายนั่นเองค่ะ โดย Timeline ที่พวกเค้าเก็บข้อมูล Social Data มาจะอยู่ในช่วง January 2020 – June 2021 ซึ่งพบว่ามีประโยคบ่นว่าเกลียด บ่นว่าเบื่อเหล่านี้อยู่ราวๆ 7,000 ข้อความเลย แล้ว 7 พันข้อความนี้มีเรื่องอะไรบ้าง เค้าก็ Grouping มาให้แล้วได้มาทั้งหมด 6 ข้อค่ะ

6 ข้อ Pain point ของคนดู Streaming

1. เรื่องของโฆษณา

Pain point ของคนดู Streaming เรื่องโฆษณาเสียงดัง

แหม… ใครจะอยากให้มีโฆษณาแทรกเวลาดูหนังใช่ไหมคะ? ยิ่งเวลาที่เรากำลังอินๆ ร้องไห้หรือฟินจิกหมอนแล้วมันมีโฆษณาเด้งขึ้นมา บอกเลยว่ามีอารมณ์ชะงักกันบ้างแหละ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่เรายังเจอ Ads อยู่นั้นมันเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เสียเงินจ่ายเพื่อการรับชมแบบ Premium หรือ Ads-free ดังนั้นบางคนก็ไม่ได้บ่นแค่เรื่องโฆษณาที่ชอบโผล่ขึ้นมาแย่งซีนอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องปัญหาของโฆษณาต่างๆ อีกที อย่างเช่นเรื่องของเสียง Volume ในโฆษณาที่พุ่งขึ้นมาด้วย Jingle สุดดัง ที่ทำเอาหนังเศร้าเงียบๆ มันเปลี่ยนมู้ดไปเลย ยังไม่พอทำให้เราสะดุ้งตกใจประหนึ่งฉาก Jump Scared ในหนังอย่างไรอย่างนั้นอีก

ซึ่งเคยเจอไหมคะที่เวลาเราดู Series ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงแล้วเสียงพูดของตัวละครมันเบามากๆ ทำให้เราต้องเพิ่ม Volume ดังมาก กลับกันพวกเสียง Sound Effects มันดังเหลือเกิน พอเปลี่ยนมาเป็นโฆษณามันก็ดังเข้าไปใหญ่แบบกระหึ่ม คนที่อยู่ด้วยด่า ส่วนเราลดเสียงแทบไม่ทันเลย ซึ่ง Pain point ของคนดูสตรีมมิงข้อนี้ทำให้เพลินคิดถึงไอเดียของ IKEA ขึ้นมา กับโฆษณาเสียงกระซิบที่ไม่ทำให้เด็กสะดุ้งตกใจ ใครยังได้อ่าน กดตรงนี้ได้เลยค่ะ

2.หนังไม่จบ ซีรีส์ต้องรอภาคต่อ

อีกเรื่องที่คนในโซเชียลบ่นกันตามๆ กันมาเลยก็คือเรื่องของการที่หนัง ซีรีส์ หรือเนื้อหาเหล่านั้นมันไม่จบแบบ Ending แต่ต้องให้คนมานั่งรอภาคต่อไป Season ถัดไปอีกเรื่อยๆ แถมยังใช้เวลายาวนานเป็นปีเพื่อทำภาคใหม่อีกตั้งหาก นอกจากนี้ก็มีถึงประเด็นที่หนังหรือซีรีส์เรื่องเดียวกันแต่ช่องทาง Streaming กลับมีไม่ครบทุก Season หรือ Episode เป็นต้นค่ะ

ซึ่งข้อนี้ก็ต้องบอกว่า มันเป็นเรื่องท้าทายมากของแบรนด์สตรีมมิง หลายแบรนด์อยากมีเรื่องใหม่ๆ ที่คนอยากดูในช่องทางของตัวเองแต่ไม่สามารถเจรจาขอทุกตอน ทุกซีซั่นมาได้ ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูแล้วค่ะว่า เราอยากกวาดคนดูในช่วงสั้นๆ แล้วให้คนมาบ่นตามหลักว่าทำไมมีไม่ครบ หรือจะไม่เอาเข้ามาเลย แบบไม่ไปให้สุดก็ไม่ขอทำเลยจะดีกว่า

3.การ Cancel Production หนัง ไม่ทำต่อ ปล่อยให้ค้าง

Pain point ของคนดู Streaming เรื่องหนังไม่ทำต่อ ตัดจบ Production ไปเฉยๆ

มาต่อกับ Pain point ของคนดู Streaming ข้อที่สาม ก็คือเรื่องของการที่หนังภาคแรกหรือซีรีส์ Season 1 ทำไว้แบบค้างเต่อหรือมีประเด็นที่ยังไม่คลีคลาย ทำไว้เหมือนหินโยนๆ ว่า หากกระแสดีจะมาทำต่อ แต่ถ้ากระแสไม่ดีเท่าที่คาดหวังก็จะตัดมันจบแค่ตรงนั้นเสียดื้อๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีคนบ่นเข้ามาจำนวนนึงเลย ว่ามันไม่แฟร์กับคนดูไหม เหมือนหลอกให้คนมาดูแล้วตัดหางปล่อยวัดหรือทิ้งไว้หลางทางนั่นเอง

4. Pain point ของคนดู Streaming เรื่อง Subtitles

เรื่องของ Subtitles ก็เป็นอีกเรื่องที่คนบ่นกันในโซเชียล ก็คงจะคล้ายๆ กับเวลาเพลินเขียนบทความสะกดคำผิดอยู่บ่อยๆ จนหลายท่านตำหนิ ต้องบอกว่าอันนี้ก็ขออภัยด้วยนะคะ พยายามเช็คแล้วค่ะ กลับมาที่เรื่องของ Subtitles ที่ว่าก็จะมีเรื่องที่คนบ่นถึงว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิงเหล่านี้:

  • สะกดชื่อตัวละครผิด หรือเขียนชื่อตัวละครผิดไปเลย ทำให้คนดูหนังสับสนว่าสรุปประโยคนี้พูดถึงใคร ใครเป็นคนพูดกันแน่
  • ภาษาต่างชาติไม่มีคำแปลให้ มีแค่บรรยายสั้นว่าเป็นภาษาต่างประเทศ แต่ไม่บอกว่าแปลว่าอะไร
  • คำบรรยายมาไม่ตรงกับ Sound เช่น พระเอกยังไม่ทันพูด ประโยคก็โผล่ขึ้นมาแล้ว เป็นต้น

5. ทำ Remote หายระหว่างดู

เคยเป็นไหมคะ? เวลาเราดูหนัง ดูซีรีส์ไปเรื่อยๆ แล้วพอเราอยาก Pause หรือกดลด Volume ด้วยรีโมตแล้วเราก็หามันไม่เจอ เหมือนว่าไอ้รีโมตมันหายไปไหมไม่รู้อะ แล้วก็ต้องมาคอยถามว่า ‘ใครนั่งทับ’ หรือ ‘ใครเอารีโมตไปไหน’ หลายครั้งยังต้องหยิบผ้าห่มขึ้นมาสะบัดด้วยว่ามันพันเข้าไปในผ้าไหม หรือฝั่งอยู่ตามซอกโซฟา เป็นต้น และนี่ก็เป็นเรื่องปวดใจอีกเรื่องที่คนชอบบ่นขณะชมคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มสติมมิงค่ะ

บอกเลยว่า เก้าอี้ที่มีช่องสำหรับวางรีโมตต้องเข้าแล้วไหม หาโอกาสนี้ Tie-in สินค้าตัวเองเข้าไปเลย หรือไม่แพลตฟอร์มสตรีมมิงอาจจะต้องเริ่มมองหาวิธีการอื่นๆ ที่ช่วยให้คนไม่ต้องใช้รีโมตมากขึ้น เช่น การทำงานด้วยเสียง สั่งได้เลยแบบ ‘Hey Netflix, Pause the movie’ เป็นต้นค่ะ

6. เอาหนังหรือรายการออกไปจากแพลตฟอร์ม

Pain point ของคนดู Streaming เรื่องหนังหมดอายุ เอาออกจากแพลตฟอร์มไปแล้ว

Pain point ของคนดู Streaming ข้อสุดท้ายที่เจอก็คือเรื่องของการที่แพลตฟอร์มดีลลิขสิทธิ์หนังนั้นๆ มาได้แค่เพียงช่วงเวลานึงเท่านั้น คนดูหลายคนเคยดูในสตรีมมิงช่องทางนี้ วันหน้ากลับมาก็ไม่เจอแล้ว หรือไม่ก็ได้แต่ Save ไว้ใน Watch List ยังไม่ทันได้ดู หนังก็หายไปแล้ว

ตรงนี้เห็นทีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิงทั้งหลายต้องเริ่มติด Label หนังเหล่านั้นไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าหนังเรื่องนี้มีอายุนะ แล้วจะเอาลงเมื่อไร คนจะได้วางแผนในการชมหนังได้ถูก ไม่ปล่อยแช่ไว้ในรายการที่อยากดูเฉยๆ จนสุดท้ายไม่ได้ดูแล้วต้องออกมาบ่นให้ปวดใจกันทั้งสองฝ่ายค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ Pain point ของคนดูสตรีมมิงที่เครื่องมือ Social Listening ของ Brandwatch เค้าเก็บและสรุปมาให้เราแล้ว เพลินเลยขอหยิบเรื่องนี้มาแปลและสรุปให้นักการตลาดในบ้านเราฟังอีกทีค่ะ เป็นอย่างไรคะ? มีข้อไหนบ้างที่ตรงกับสิ่งที่เราเจอกัยบ้างไหม? เพลินบอกเลยว่าของเพลินคือหงุดหงิดมาแล้วทั้ง 6 ข้อเลย ยังไงนักการตลาดท่านไหนที่สินค้าหรือบริการที่ตอบ Pain point ข้อไหนในนี้ ก็อย่าลืมรีบจับไปใช่ทำ Content ทำ Communication กันนะคะ ลองดูค่ะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน