กลยุทธ์ ลอรีอัล 2024 จับมือ DHL สร้าง Brand Image กับ Sustainability

สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน ทุกท่านเคยได้ยินคำว่า Sustainability หรือความยั่งยืนกันมั้ยคะ วันนี้เราจะมาคุยถึงเรื่องการ สร้าง Brand Image ยังไงให้สอดคล้องกับความยั่งยืนของบริษัทหรือแบรนด์ที่วางไว้  โดยผ่าน กลยุทธ์ ลอรีอัล 2024 ที่ได้ร่วมมือกับ ดีเอชแอล นี้กันค่ะ

ก่อนอื่นเลยผู้เขียนอยากจะชวนผู้อ่านทุกท่าน พูดคุยเกี่ยวกับ Brand Image หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ จริง ๆ แล้ว Brand Image หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ สิ่งนี้สำคัญยังไงแล้วทำไมแบรนด์ถึงต้องสร้างหรือทำสิ่งนี้ด้วย แล้วค่อยนำไปสู่ กลยุทธ์ ลอรีอัล 2024 ที่จับมือกับ DHL สร้าง Brand Image พร้อมกับสร้าง Sustainability กันค่ะ

Brand Image สำคัญยังไง ทำไมเราต้องสร้าง

Brand Image หรือ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ เป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ออกไปสู่สายตาคนภายนอก รวมทั้งเป็นเหมือนการสื่อสารไปที่กลุ่มลูกค้าของเราด้วยค่ะ

จุดประสงค์เพื่อสร้างความสนใจ และ ดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าของเรา ให้มีความสนใจอยากใช้ธุรกิจ แบรนด์ และสินค้าของเรามากขึ้นค่ะ อีกทั้ง Brand Image ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดีด้วยนะคะ 

เพราะเวลาลูกค้าซื้อหรือใช้ สินค้าหรือบริการของเรา คือ เขาซื้อภาพลักษณ์ของแบรนด์เราด้วยค่ะ ยกตัวอย่าง เช่นแบรนด์ Apple เป็นแบรนด์เทคโนโลยี ทันสมัย และหรูหรา ทำให้คนซื้อสินค้าของ Apple ก็จะถูกมองด้วยภาพลักษณ์เช่นเดียวกัน 

เหมือนที่ Apple เป็นแบรนด์เทคโนโลยี ทันสมัย และหรูหรา
ทำให้คนซื้อสินค้าของ Apple ก็จะถูกมองเช่นเดียวกัน 

นี่แหละค่ะ คือ ความสำคัญของ Brand Image ดังนั้นเวลาที่เราสร้าง Brand Image  เราจึงต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าของเรา และ สร้าง Brand Image ของเราให้สอดคล้องกับกลุ่มนั้น ๆ ค่ะ

อยากลูกค้าเราเป็นแบบไหนก็สร้างภาพลักษณ์แบรนด์
ให้สอดคล้องกับพวกเขาเหล่านั้นค่ะ

เช่นเดียวกันกับ กลยุทธ์ ลอรีอัล 2024 ที่ สร้าง Brand Image พร้อมกับ Sustainability เพราะลอรีอัลเองก็ทราบว่าทุกวันผู้บริโภคเอง ก็มีความตระหนักรู้เรื่องของสิ่งแวดล้อมและปัญหาของโลกที่กำลังเกิดขึ้น

ทำให้ทางลอรีอัลได้สร้างนโยบายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกับสร้างภาพลักษณ์ให้สอดคล้องกันไปด้วย ซึ่งผู้เขียนกำลังจะเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ

สร้าง Brand Image พร้อมกับ Sustainability

ต้องบอกก่อนเลยว่าทาง ลอรีอัล เองเขาก็มีนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วค่ะ โดยลอรีอัลได้มุ่งมั่นในการทำงานด้านความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน

เพื่อร่วมแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยค่ะ และนี่คือการสร้างความยั่งยืนของลอรีอัล ที่นำเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นหนึ่งในนโยบายการดำเนินงานค่ะ

เพราะจริง ๆ แล้ว การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจหรือแบรนด์ คือการที่ธุรกิจให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจทางด้านกำไร เงินทุน เศรษฐกิจ พร้อมกับการดำเนินงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วยค่ะ 

โดยทางลอรีอัลเองก็มีโครงการ “L’Oréal for the Future” ที่เป็นนโยบายการดำเนินงานไปถึงปี 2030 ที่จะพลิกโฉมการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริงค่ะ โดยทางลอรีอัลตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายในการทำให้โรงงานและศูนย์กระจายสินค้าทุกแห่งมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2025

ด้วยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานหมุนเวียน 100% นอกจากนี้ ภายในปี 2030 ลอรีอัลได้ตั้งเป้าหมายที่เข้มข้นขึ้นไปอีกขั้นด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุชีวภาพ 100% ในบรรจุภัณฑ์สินค้า และ 95% ของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์มาจากวัตถุดิบชีวภาพหรือมาจากแหล่งแร่ธาตุที่ที่มีมากด้วยค่ะ

ทาง แพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา เผยว่า “โครงการ ‘L’Oréal for the Future’ ของเราแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อการสร้างความยั่งยืน 

โดยมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเพื่อเคารพต่อขีดจำกัดของโลกด้วยการมุ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการดำเนินงาน ภายในปี 2030 ลอรีอัล กรุ๊ป ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการขนส่งลง 50% โดยรวมและต่อการผลิตสินค้า 1 ชิ้น เมื่อเทียบกับปี 2016 

ร่วมจับมือ DHL เปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า

จากนโยบายการดำเนินงานและวิสัยทัศน์ข้างต้น ทำให้ปีนี้เองทาง ลอรีอัล กรุ๊ป ได้จับมือกับ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก เปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าหกล้อ 2 คัน สำหรับอุตสาหกรรมความงามค่ะ 

โดยความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นบริษัทความงามแห่งแรก
ที่ใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าในประเทศ

ถือว่าเป็นก้าวสำคัญในการขนส่งเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมความงาม และยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของ ลอรีอัล กรุ๊ป ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ

โดยการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า ที่เกิดจากความร่วมมือกับดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย เป็นกุญแจสำคัญที่จะทางลอรีอัลมั่นใจว่าการดำเนินงานในประเทศไทยซึ่งครอบคลุมไปถึง 15 แบรนด์ และมียอดขายผลิตภัณฑ์ 200 ล้านชิ้นต่อปี

จะมีส่วนช่วยบรรลุเป้าหมายนโยบายการสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมตามที่ตั้งไว้ และนับยังเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนด้วยค่ะ

การใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าขนส่งสินค้า จะเริ่มจากศูนย์กระจายสินค้าลอรีอัลบางนา ไปยังศูนย์กระจายสินค้าโมเดิร์นเทรดกว่า 30 แห่งในกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบค่ะ 

โดยรถขนส่งพลังงานไฟฟ้านี้สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 350 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 70 ตัน ต่อคันต่อปี

รถขนส่งเหล่านี้จะถูกบริหารจัดการโดยศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการด้านการขนส่งของดีเอชแอล (DHL Connected Control Tower) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ความโปร่งใส และความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ด้วยค่ะ

และทางด้านดีเอชแอลเองก็มีเป้าหมาย ‘เชื่อมต่อผู้คนและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น (Connecting People. Improving Lives.)’ เช่นกันค่ะ ซึ่งก็สอดคล้องกับค่านิยมและภารกิจในการสร้างความยั่งยืน ดังนั้นการจับมือกับลอรีอัลก็เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นนี้อย่างชัดเจนด้วยค่ะ

ทางด้าน สตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย ได้กล่าวว่า 

“การต่อสู้กับภาวะโลกร้อนเป็นภารกิจที่ทุกอุตสาหกรรมต้องทำร่วมกัน ซึ่งเราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับลอรีอัลในภารกิจที่สำคัญนี้ ทั้งดีเอชแอลและลอรีอัลมีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการดำเนินงาน 

ด้วยความตระหนักถึงความเร่งด่วนของปัญหาระดับโลก เราหวังว่าความร่วมมือนี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการดำเนินธุรกิจความงามในประเทศไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

ทั้งนี้ เพื่อดำเนินตามนโยบายการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของดีเอชแอล ซัพพลายเชน บริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ได้เพิ่มจำนวนรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

และมองหานวัตกรรมที่เป็นโซลูชันทางเลือกในการดำเนินงานทั้งด้านคลังสินค้าและการขนส่งเพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่นกันค่ะ

ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ก็สอดคล้องกับเป้าหมายสร้างความยั่งยืนทั้งของทาง ลอรีอัล และ ดีเอชแอล โดยผู้เขียนมองว่าการร่วมมือครั้งนี้

นอกจากทั้งสองแบรนด์จะได้ผลประโยชน์ทั้งในด้านการสร้าง Brand Image และสร้างความยั่งยืนของตัวเองแล้ว ยังเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับโลกและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย

เป็นยังไงบ้างคะ การสร้างความยั่งยืนและภาพลักษณ์แบรนด์ควบคู่กันไปของลอรีอัลและดีเอชแอล ที่ผู้เขียนนำมาฝากวันนี้ ผู้เขียนหวังว่าจะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียให้กับผู้อ่านทุกท่านนะคะ

ถ้าชอบ หรือ สนใจอยากอ่านบทความด้านการตลาดแบบนี้อีก ผู้เขียนฝากติดตามด้วยนะคะ หรือ ถ้าใครอยากให้ผู้เขียนนำมุมมองการตลาด กลยุทธ์แบบไหนมาเล่าให้ฟัง สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ 

สำหรับนักอ่านที่ชอบ และ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารด้านการตลาดต่าง ๆ สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ

Source Source